ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 442 เก็บเกี่ยวอย่างที่สุด
บทที่ 442 เก็บเกี่ยวอย่างที่สุด
ฮื้ม
การกระทำของผู้อาวุโสร่างผอมแห้งนี้ล้วนแล้วตกอยู่ในสายตาของเฉินเฉียงในทุกการกระทำ
ตาแก่ผู้นี้กล้าทำเรื่องไร้ยางอายอย่างการแหกกฎเพื่อช่วยเหลือหลิวกวงเลยงั้นรึ
ฝันหวานไปเถอะเอ็ง
เฉินเฉียงสบถออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะปลดปล่อยคลื่นเสียงทำลายวิญญาณชนิดแรงเต็มสูบเข้าใส่หลิวกวงในทันที
ด้วยการที่เฉินเฉียงนั้นมีค่าพลังจิตที่สูงล้ำกว่าหลิวกวงอย่างมากมายนัก และหลิวกวงในตอนนี้เองก็มีค่าพลังจิตที่เหือดแห้งลงไปเพราะเป็นผลกระทบจากการใช้เม็ดยาเทพคลั่ง เขา ในตอนนี้จึงเรียกได้ว่าอ่อนด้อยเสียยิ่งกว่าเย่เตียนซะอีก
หลิวกวงที่เกือบจะสิ้นสติไปนี้ได้นำใบหน้าของตนไปประทับไว้กับกำแพงลานประลอง และนี่เป็นเหตุให้ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งได้คิดลงมือช่วยขึ้นมา
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสร่างผอมแห้งผู้นี้จะมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับราชาขั้นกลาง และการช่วยชีวิตของหลิวกวงในกรณีปกติเองนั้นก็คงไม่ใช่ปัญหา แต่อย่างใด แต่ประเด็นคือ ผู้อาวุโ โสผู้นี้ไม่ได้รับรู้เลยว่าตัวเขานั้นหาได้เทียบเคียงเฉินเฉียงได้ไม่
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินเฉียงนั้นคือผู้ที่อยู่ด้านใน เขานั้นย่อมรวดเร็วกว่าผู้อาวุโสร่างผอมแห้งที่ต้องเสียเวลาในการเปิดกำแพงลานประลองแห่งนี้ออกก่อน และเป็นตอนนี้ที่หัวสมองขอ องหลิวกวงนั้นได้ระเบิดออกต่อหน้าต่อตาของผู้อาวุโสร่างผอมแห้งผู้นี้
เมื่อเห็นเลือดที่ไหลรินออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของหลิวกวง ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งได้คำรามลั่นก่อนจะพุ่งเข้าไปพยุงร่างกายของหลิวกวงด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าฟาด ไม่ยอมให้เขาหล่น ร่วงไปยังพื้นดิน
แต่นี่ก็เป็นเพียงการพยุงร่างที่ไร้ชีวิตของหลิวกวงไปได้เพียงเท่านั้น
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งใช้มือที่สั่นเทาของตนปิดเปลือกตาของหลิวกวงลง ก่อนจะหันไปจับจ้องที่เฉินเฉียงด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว
“เฉินเฉียง เจ้าช่างบังอาจนัก ถึงได้กล้าทำลายอัจฉริยะที่แสนล้ำค่าของสำนักอย่างหลิวกวงไปได้ รอก่อนเถอะ เดี๋ยวผู้อาวุโสหยุนอ่าวจะจัดการเจ้าอย่างแน่นอน”
หลังจากจัดการหลิวกวงไปได้ดั่งใจหมาย เฉินเฉียงยักไหล่ออกมาที่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา “ผู้อาวุโส ความหมายของท่านก็คือ หากเป็นข้าที่สู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันเฉกเช่นเดียวกับหลิวก กวงแล้วเป็นฝ่ายตกตายแทน ท่านก็จะวางตัวเฉยไปสินะ”
“หากท่านคิดเห็นเป็นเช่นนั้นจริง….แล้วพวกท่านจะสร้างลานประลองเป็นตายขึ้นมา ทำ ซาก อะ ไร”
เฉินเฉียงไม่ได้รอให้ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งตอบออกมา เขาหันไปยังศิษย์ที่เฝ้าดูการประลองอยู่นอกสนามแล้วตะโกนออกมาอย่างดังลั่น “พี่น้องทั้งหลาย พวกเจ้าได้ยินกันรึเปล่า”
“ในฐานะที่เป็นผู้คุมกฎของลานประลองเป็นตายแห่งนี้ สำนักนั้นเปิดมันขึ้นมาเล่นๆ แล้วเห็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตแบบนี้เป็นเพียงเรื่องตลกโปกฮาเพียงเท่านั้น”
“นับจากนี้ ก่อนที่พวกเจ้าจะขึ้นมายังลานประลองแห่งนี้ในภายภาคหน้า พวกเจ้านั้นต้องดูให้ดีก่อนว่าไอ้คนที่พวกเจ้านั้นต้องต่อสู้ด้วยมีเส้นสาย เบื้องหลัง หรือรู้จักมักจี่กับพว วกผู้อาวุโสรึเปล่า หากว่ามีแม้เพียงน้อยนิด ต่อให้ไอ้คนคนนั้นมันจะอ่อนด้อยกว่าพวกเจ้ามากมายขนาดไหน ก็ขอให้พวกเจ้าเลิกล้มความตั้งใจที่จะต่อสู้ด้วยการเดิมพันชีวิตไปซะ”
“ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ต่อให้ชัยชนะจะจ่ออยู่ที่เบื้องหน้าของพวกเจ้า ชัยชนะของพวกเจ้าก็จะถูกปล้นชิงไป หรือแม้แต่อาจจะต้องตกตายโดยผู้อาวุโสเหล่านี้”
ในเมื่อเฉินเฉียงนั้นคิดจะเอาคืนผู้อาวุโสร่างผอมแห้งที่คิดทำผิดกติกา เฉินเฉียงย่อมไม่เหลือเส้นทางให้เขาถอยหนีได้แต่อย่างใด
แถมหลังจากที่เฉินเฉียงพูดจบลงไปแล้ว กัวเหลียงที่ยืนอยู่ด้านนอกลานประลอง ก็ได้รวมหัวกับหลางซานเอ๋อและกองกำลังเทียนเว่ยคนอื่น สาวความยืดต่อไม่เรื่องนี้เงียบหายไปเฉยๆ
“ไอ้ฉิบหาย ลานประลองเป็นตายของสำนักเรานี่มันช่างน่าขันนัก”
“ลานประลองเป็นตายห่าอะไรมีการแทรกแซงไม่ให้ผู้พ่ายแพ้ต้องตกตาย”
“นับจากนี้ก่อนที่พวกเราจะเขาไปประลองในลานประลองแห่งนี้ ข้าว่าจะดีกว่าหากเรามอบสินน้ำใจให้ผู้อาวุโสที่คุมการประลอง เพื่อว่าเขาจะยอมยื่นมือเข้าช่วยพวกเราไม่ยอมให้ตกตายไปไ ได้บ้าง”
“พวกเราต่างก็สู้กันด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี แม้แต่กลโกงต่างๆนานาก็ยังใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่กระนั้นก็ยังมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้งั้นรึ ถ้าอย่างนั้นข้าว่าพวกเราอย่าเ เข้าร่วมประลองสนามแบบนี้เลยดีกว่า อยู่ในห้องตีพุงบ่มเพาะยังสบายใจกว่าอีก”
“ไม่ดีม้าง ก็พวกเขาบอกว่าหากประลองแล้วเหลือรอดออกไปได้แล้วจะให้รางวัลไม่ใช่เหรอ แต่คิดไปคิดมา ข้าว่ามันต้องเป็นเรื่องโป้ปดมดเท็จเป็นแน่ ข้าว่าจะดีกว่านี้หากพวกเราไปหาความ ชัดเจนกับผอ.สำนัก ถามมันให้รู้แล้วรู้เรื่องไปเลยว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสคนนี้คอยป่าวประกาศอยู่ทุกรอบนี้มันเป็นเรื่องจริงหรือคำโกหก แล้วสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งสำนักเห็นควรด้ วยรึเปล่า”
เมื่อเห็นศิษย์มากมายหลายแผนกเริ่มที่จะก่อหวอดจนสถานการณ์เริ่มโกลาหล ผู้อาวุโสที่มีร่างกายผอมแห้งก็ไม่กล้าที่จะเล่นใหญ่อีกต่อไป เขานั้นต้องรีบยกมือขึ้นส่งสัญญาณห้ามปรามผู้คน นเหล่าศิษย์แต่ละแผนกในทันที
หลังจากมองไปที่เฉินเฉียงด้วยสายตาที่เคียดแค้นไปปราดหนึ่ง ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็ได้หันไปหาศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตแล้วตะเบ็งเสียงออกมาอย่างดังลั่นในทันที “จางตง เจ้านั้นบอกว่า าจะสู้กับเฉินเฉียงไม่ใช่เหรอ เจ้าเองก็ควรจะได้รับประโยชน์ไปมากมายจากซากร่างของหุ่นเชิดโลหิตของเชิงคุนไปไม่ใช่เหรอ”
“แล้วเจ้าจะรอทำซากอะไรอีก หากไม่ขึ้นในตอนนี้แล้วจะขึ้นสู้ตอนไหนกัน”
ในตอนนี้ เมื่อจางตงได้เห็นว่าหลิวกวงตกตายไปต่อหน้าต่อตา นี่ทำให้เขาในตอนนี้อยากจะหนีหายไปจากที่นี่ไปให้พ้นๆ
แต่เมื่อถูกผู้อาวุโสสูงของแผนกตนเองเอ่ยขานชื่อออกมาจากปาก นี่ทำให้เขาไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงกระโจนขึ้นลานประลองไป
“ช้าก่อน”
เฉินเฉียงได้ยกมือขึ้นห้ามผู้อาวุโสร่างผอมแห้งที่กำลังจะกวาดมือออกให้กำแพงลานประลองปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“อะไรอีก อย่าบอกว่าเจ้านั้นไม่อยากจะประลองกับใครแล้วน่ะ” ผู้อาวุโสร่างผอมหอมได้ถามออกมาด้วยอาการที่ขุ่นมัว ส่วนจางตงที่ได้ยินเองก็รู้สึกโล่งใจจนปาดเหงื่อไปทีหนึ่งเมื่อ ได้ยินคำถามนี้จากผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง
แต่หากจะให้ว่ากันตามตรงแล้ว หากเฉินเฉียงนั้นไม่คิดที่จะประลองอยู่อีก เขาที่แม้จะเป็นถึงผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนัก ก็ยังไม่มีอำนาจในการบังคับ
เฉินเฉียงได้ส่ายหัวไปมาในทันทีเมื่อได้ยิน “ผู้อาวุโส ท่านลืมอะไรไปรึเปล่า เขาที่เป็นผู้ชนะกันในการประลองรอบเมื่อกี้ ท่านในฐานะที่เป็นกรรมการของลานประลองแห่งนี้ยังไม่ได ด้ประกาศชื่อผู้ชนะออกมาเลยไม่ใช่รึไงกัน”
เพียงแค่ได้ยินประโยคนี้ของเฉินเฉียง ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็โกรธจัดจนราวกับหน้าอกของตนจะระเบิดออก
ในเมื่ออีกฝ่ายตกตายไปแล้วยังจะมีหน้ามาถามอีกว่าใครชนะอีกรึ
นี่มันเป็นการทำให้ตัวเขาต้องอับอายขายขี้หน้าชัดๆไม่ใช่รึไงกัน
แต่กับเพียงแค่ร้องขอให้ประกาศชื่อของผู้ชนะนี้ หากว่ากันตรงๆแล้วมันก็หาใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด
หลังจากสะกดกลั้นความโกรธนี้ไว้ ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็ได้ประกาศชื่อของเฉินเฉียงออกมาว่าเป็นชนะ หลังจากนะก็หันไปถามเฉินเฉียงด้วยเสียงอันดังลั่นและขุ่นเคือง “พอใจรึยัง”
“ฮี่ฮี่ฮี่ ในเมื่อข้าชนะการประลองแล้ว ข้าเองก็คงต้องขอเก็บสินสงครามก่อนล่ะนะ” เฉินเฉียงยิ้มกริ่มออกมาก่อนจะหันไปยกมือยกไม้ไปยังหมู่ฝูงชน “ศิษย์พี่กัว อย่าลืมไปรับค่า ผลงานแทนข้าด้วยล่ะ”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้เดินไปยังซากร่างของหลิวกวงและนำแหวนของหลิวกวงออกมา
“ฮี่ม ช่างละโมบโลภมากนัก”
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งสบถออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับจางตง “หากเจ้าฆ่าไอ้เด็กเวรผู้นี้ไม่ได้ ฆ่าจะเป็นคนฆ่าเจ้าด้วยมือตนเอง”
จางตงก้มหัวลงรับทราบคำสั่งด้วยความเคารพในทันทีที่ได้ยิน “ท่านผู้อาวุโสโปรดวางใจ”
แน่นอนว่าผู้อาวุโสผู้นี้ได้ดูแคลนมากเกินไป
ในฐานะที่เป็นผู้ปรุงยาระดับห้า แหวนเก็บของของหลิวกวงนั้นย่อมเต็มไปด้วยสมบัติมีค่าและตัวยามากมาย แต่กระนั้น ของในแหวนวงนี้หาได้มีค่ากับเฉินเฉียงสักเท่าไหร่นัก
สิ่งที่เขาต้องการนั้นก็คือการดูซับพลังจากซากร่างของหลิวกวงต่างหาก
นี่สิถึงทำให้หลิวกวงนั้นมีคุณค่าสำหรับเขาในฐานะนักปรุงยาระดับห้าจริงๆ
ค่าพลังจิตและทักษะการปรุงยาที่เฉินเฉียงนั้นถวิลหามาอย่างนานแสนนาน
ติ้ง ระบบย่อยสลายขุนพลขั้นกลางสำเร็จ
เจ้าของระบบ: เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับราชาขุนพลขั้นกลาง
การหลอมรวมทักษะ: 1
การคัดเลือกทักษะ : 12
ค่าพลังงาน: 94,807,140
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:918
ค่าความแข็งแกร่ง:927
ค่าความเร็ว:586
ค่าพลังจิต:4996
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้าง ระดับสูง
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: ภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทร ระดับสูง
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน ระดับสูงสุด
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุสรรพยานานาสรร ระดับสุดยอด
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคการยิงธนูของโฮ่วอี้(ผู้ดับตะวัน) ระดับสูงสุด
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: หุ่นเชิดโลหิต ระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับสูงสุด
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับสูง
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: เคลื่อนย้ายพริบตาระดับสูงสุด
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
ทักษะ: สะกดจิต ระดับสูงสุด
ทักษะ: สะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ ระดับสูง
ทักษะ: ดาบสะบั้นวิญญาณ ระดับสูงสุด
ทักษะ: แก่นแท้แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ระดับต้น
ทักษะ: รอบรู้สมุนไพร
ทักษะ: เพลงดาบลมเฉือน ระดับสูง
ทักษะ: อินทรีย์สยายปีก ระดับสูง
ทักษะ: ควบคุมสายน้ำ ระดับ 8 (ทักษะที่ 1)
ทักษะ: เปลี่ยนรูปลักษณ์ (ทักษะที่ 2)
ทักษะ: ปีกสีเงิน ระดับ 9 (ทักษะที่ 3)
ทักษะ: ซ่อนตัวจากแสง ระดับ 9 (ทักษะที่ 4)
ทักษะ: เกราะเหล็กไหล (ทักษะที่ 5)
ทักษะ: คลื่นเสียงทำลายวิญญาณ (ทักษะที่ 6)
ทักษะ: ขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ขั้นสูง (ทักษะที่ 7)
ทักษะ: คลื่นอัดกระแทก ระดับ 8 (ทักษะที่ 8)
ทักษะ: หมอกคลอบคลุม ระดับ 8 (ทักษะที่ 9)
ทักษะ: ผ่ามิติ ระดับ 9 (ทักษะที่ 10)
ทักษะ: ห้านิ้วพิศวง(ห้านิ้วสะเทือนสวรรค์) ระดับ 9 (ทักษะที่ 11)
ทักษะ: ขอบเขตเจตจำนงค์แห่งการต่อสู้ ระดับต้น (ทักษะที่ 12)
ทักษะ: กลืนกินเลือดปีศาจ
ทักษะ: โลกใบเล็ก ระดับ 4
……
สายเลือด: โกลาหลอาชาไนย(โกลาหลขั้นสูง)
ช่างเป็นการฆ่าที่คุ้มค่านัก
นั่นก็เพราะค่าพลังจิตของเฉินเฉียงนั้นเพิ่มขึ้นมาถึงหนึ่งพันสี่ร้อยหน่วยเลยทีเดียว
ไหนจะทักษะด้านการปรุงยาระดับสมบูรณ์นี่อีก
นี่ทำให้เขานั้นสามารถยกระดับการปรุงยาเป็นระดับสี่ ไม่สิ แม้แต่ระดับห้าก็ยังไม่พ้นมือของเขาไป
ส่วนทักษะการโจมตีทางจิตวิญญาณของหลิวกวงที่ชื่อว่าดาบสะบั้นอะไรนั่น เฉินเฉียงหาได้แยแสไม่
ด้วยระดับพลังจิตของเขาที่เพิ่มสูงขึ้นมาเสียมากมายขนาดนี้ เฉินเฉียงนั้นรู้สึกได้ในทันทีว่าความรู้ความเข้าใจในขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขานั้นเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ
สำหรับเขาแล้ว การตกตายของหลิวกวงนี้ถือได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว