ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 443 ยิ้มกริ่ม
บทที่ 443 ยิ้มกริ่ม
“เอาล่ะ เลิกอ้อยอิ่งได้แล้ว”
ดวงตาของผู้อาวุโสร่างผอมแห้งจับจ้องไปที่เฉินเฉียงอย่างดุร้าย ก่อนจะหันไปจางตงแล้วพูดออกมา “จางตง ตราบใดที่เจ้าเอาชนะไอ้เด็กเวรนี่ได้ ผู้อาวุโสผู้นี้จะหาอาหารโลหิตให้เจ้าห้ าสิบตนให้เจ้าได้ดื่มด่ำพวกมันอย่างหนำใจ ข้าเชื่อว่านี่เพียงพอให้หุ่นเชิดโลหิตของเจ้ายกระดับไปได้อย่างน้อยๆก็อีกขั้นหนึ่ง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตคนอื่นเมื่อได้ยินก็ตาลุกวาวในทันที
นี่ยังเรียกว่าเป็นการต่อสู้เป็นตายนี่เป็นการประลองที่ยุติธรรมได้อีกงั้นรึ
ผู้อาวุโสของแผนกฝึกสอนหนึ่งที่โกรธเกรี้ยวถึงขนาดมอบรางวัลให้กับศิษย์แผนกของตนเพื่อให้จัดการศิษย์แผนกปรุงยาคนหนึ่งให้ได้
แถมผู้อาวุโสคนนี้ก็ราวกับไม่ได้ทุกข์ร้อนที่ศิษย์คนอื่นจะได้รับรู้ถึงกล้าพูดต่อหน้าทุกคนขนาดนี้ หลังจากนั้นเขาก็ตวัดมือของตนจนกำแพงลานประลองได้กลับมา
จางตงนั้นได้เห็นกับตาตัวเองมาแล้วว่าเฉินเฉียงนั้นจัดการกับคนที่ประลองด้วยก่อนหน้าอย่างไรบ้าง แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นหลิวกวงที่เป็นผู้ที่มีพลังจิตที่สูงล้ำนั่นอีก นี่จึ งทำให้จางตงนั้นไม่ได้คิดประมาทอีกต่อไป
และในทันทีที่กำแพงลานประลองได้ถูกกางกั้นอย่างสมบูรณ์ จางตงก็ปลดปล่อยหุ่นเชิดโลหิตออกมาในทันที
หลังจากที่หุ่นเชิดโลหิตตนนี้กลืนกินซากร่างของหุ่นเชิดโลหิตของเชิงคุนไปแล้ว แม้ว่าหุ่นเชิดของเขาจะยังไม่ได้พัฒนาอย่างสมบูรณ์ แต่ก็เรียกได้ว่ามันอยู่บนจุดสูงสุดของสัตว์ป ปีศาจระดับสอง เตรียมที่จะก้าวเข้าสู่ระดับราชาปีศาจในอีกไม่ช้า
นี่จึงทำให้ตัวจางตงเองมีระดับการบ่มเพาะที่สูงขึ้นตามไปด้วย ในตอนนี้เขานั้นอยู่ในระดับขุนพลขั้นกลางช่วงปลาย
ด้วยระดับการบ่มเพาะของตนในตอนนี้ มันทำให้เขานั้นไม่ได้ใส่ใจกับการโจมตีทางร่างกายของเฉินเฉียง
แต่กับการโจมตีทางจิตวิญญาณของเฉินเฉียงนั้นเป็นสิ่งที่เขานั้นเป็นกังวล
และเพื่อให้มีความได้เปรียบในการต่อสู้และเพื่อรับมือกับการโจมตีทางจิตวิญญาณของเฉินเฉียง จางตงจึงได้ปลดปล่อยหุ่นเชิดซากศพของตนออกมา แถมยังมีถึงสองตัวเสียอีก
แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังทำให้ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งที่เป็นผู้อาวุโสสูงของแผนกหุ่นเชิดโลหิตก็ยังต้องประหลาดใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เฉินเฉียง แกจบเห่แน่”
“ดีมาก จางตง”
“ดูเหมือนว่าเขานั้นคิดที่จะใช้หุ่นเชิดซากศพรับมือกับการโจมตีทางจิตวิญญาณของเฉินเฉียง แถมทั้งสองตัวนี้ยังอยู่ในระดับขุนพลขั้นสูงเสียอีก”
“ไอ้เด็กเวรนี้คงจะไม่คิดมาก่อนว่าหุ่นเชิดซากศพนั้นไม่ได้รับผลการโจมตีทางจิตวิญญาณ”
“ต่อให้มันมีระดับพลังจิตที่สูงล้ำจนโจมตีได้อย่างรุนแรงขนาดไหนก็ตาม แต่มันต้องตกตายอยู่ใต้เท้าของหุ่นเชิดซากศพของจางตง”
แม้ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งผู้นี้จะมีหน้าที่ในการควบคุมลานประลองเป็นตายแห่งเขาใจสลายแห่งนี้ แต่เขาเองก็เป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตด้วยเช่นกัน และในเมื่อการประลอง ในครั้งนี้มีผู้เดินบนเส้นทางบ่มเพาะเดียวกันขึ้นประลอง จิตใจของเขาก็ย่อมต้องเอนเอียงเป็นธรรมดา
คนเช่นนี้ย่อมมั่นหน้าถือหางคนที่เดินบนเส้นทางบ่มเพาะเดียวกันว่าอยู่เหนือผู้คน จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะดูแคลนผู้บ่มเพาะที่เดินบนเส้นทางอื่น
และด้วยจิตใจที่สุดแสนที่จะทระนงนี้เอง เขาจึงไม่ได้แยแสในท่าทีที่แสดงออกมาต่อหน้าผู้คน ถึงแม้ว่าตนเองนั้นจะเป็นผู้อาวุโสสูงของแผนกศึกษาหนึ่งก็ตาม
หากเฉินเฉียงได้ยินคำพูดที่ฟังดูแล้วสุดแสนจะยโสโอหังของผู้อาวุโสผู้นี้ เขาย่อมกุดหัวผู้อาวุโสคนนี้ในทันที
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่สิ่งที่ผู้อาวุโสผู้นี้ทำนั้น หาได้หลุดรอดเข้าไปในลานประลองให้ได้รับรู้ไม่ เฉินเฉียงจึงยังไม่มีท่าทีสิ่งใดในเรื่องนี้
ความจริงแล้วเฉินเฉียงเองนั้นก็ต้องการให้กัวเหลียงส่งคู่ต่อสู้ของเขาให้เข้ามา โดยไล่ระดับการบ่มเพาะจากต่ำไปสูง เพื่อที่พวกเขานั้นจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเ เท่าที่จะเป็นไปได้ตามที่ตกลงกันไว้
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาต้องการนั้นคงยากที่จะเกิดขึ้นแล้ว
อย่างแรก หลังจากที่เฉินเฉียงประลองไปสามรอบ เหล่าศิษย์ระดับสองต่างทยอยยกธงขาวกันอย่างเป็นทิวแถว นี่จึงทำให้หลังจากที่เขาจัดการศิษย์ไปได้สามคน ต่อให้นับรวมจางตงไปแล้ว เขาก็ ยังได้รับคะแนนผลงานไปเพียงหกคะแนนเท่านั้น
และหลังจากที่เขากุดหัวจางตงไปแล้ว แล้วจะมีใครที่กล้าจะขึ้นมาต่อสู้กับเขาอีกกัน
ทั้งหมดทั้งมวลแล้วที่เขาต้องยุ่งอยากก็เป็นเพราะไอ้แก่กุ้งแห้งผู้นี้
เขานั้นอุตส่าห์ได้มีโอกาสรวบรวมศิษย์มาให้เขากุดหัวเล่นเพื่อที่จะได้รับคะแนนผลงานมาอย่างมากมายได้แล้ว แต่เขาก็ต้องพลาดโอกาสไป
และตราบใดที่ไอ้แก่กุ้งแห้งผู้นี้ยังคงอยู่ เขาเองคงไม่อาจได้รับแต้มผลงานได้อีกต่อไป
นี่ทำให้เฉินเฉียงนั้นจับจ้องไปที่จางตง พร้อมกับความคิดที่จะระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมดไปที่เขาในทีเดียว
แต่เมื่อเห็นจางตงปลดปล่อยหุ่นเชิดโลหิตออกมาพร้อมกับหุ่นเชิดซากศพอีกสองตน เฉินเฉียงนั้นจึงเปลี่ยนใจไม่ใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณ แล้วเปลี่ยนเป็นการนำดาบดั้นเมฆขึ้นมาไว้ในมือ
การโจมตีแรกบังเกิดขึ้นมาโดยเริ่มจากที่หุ่นเชิดซากศพทั้งสองตัวได้พุ่งเข้าใส่เฉินเฉียง พร้อมกรงเล็บในมือที่ยาวโง้ง
เฉินเฉียงที่มีดาบดั้นเมฆในมือนั้นได้เดินตรงผ่านหุ่นเชิดซากศพทั้งสองไปราวกับไม่แยแส จางตงและคนอื่นๆที่เฝ้ามองอยู่ด้านนอกนั้นมองไม่เห็นการเคลื่อนที่ของเฉินเฉียงเลยด้วยซำ ม มีเพียงตอนที่เฉินเฉียงปรากฏผ่านหุ่นเชิดซากศพทั้งสองมาแล้วที่หุ่นเชิดซากศพทั้งสองได้กลายเป็นสี่ส่วนแล้วร่วงลงไปกองกับพื้น
เฉินเฉียงทำได้ยังไงงั้นรึ
หาได้มีใครรู้ได้ไม่
แต่เดิมแล้ว ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะจนถูกกล่าวเรียกได้ว่าเป็นผู้อาวุโสนั้น สมควรจะมองเห็นการเคลื่อนไหวของเฉินเฉียงได้อย่างกระจ่างชัด อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เขานั้นกำลังตื นเต้นที่ได้เห็นหุ่นเชิดซากศพทั้งสองของจางตง นี่ทำให้เขาลืมที่จะดูการโจมตีเมื่อครู่ไป
หากว่ากันตามตรง แม้แต่ตอนที่หุ่นเชิดซากศพทั้งสองลงไปกองกับพื้นแล้ว เขานั้นยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
โดยปกติแล้ว ในตอนที่เฉินเฉียงลงมือโจมตี ผู้คนทั้งหลายสมควรจะได้รับรู้ระดับการบ่มเพาะของเขาได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในการประลองทั้งสามครั้งที่ผ่านมา เฉินเฉียงนั้นหาได้แสดงระดับการบ่มเพาะออกมาไม่ หากว่ากันตรงๆ เขาทำเพียงโจมตีทางจิตวิญญาณออกมาเพียงไม่กี่ครั้งเพียงเท่านั้น
แม้แต่ในตอนนี้ ขนาดผู้ที่ถูกยอมรับว่าเป็นผู้อาวุโสสูงของแผนกเองก็ยังไม่รู้ว่าเฉินเฉียงมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับใด นี่ทำให้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะขุ่นเ เคืองในตนเองเหมือนกัน
ภายในลานประลอง จางตงที่ได้เห็นหุ่นเชิดซากศพของตนทั้งสอง กองอยู่บนพื้นเป็นสี่ชิ้น นี่ทำให้เขานั้นเสียวสันหลังไล่ขึ้นไปถึงสันคอในทันที
และในเพียงชั่วพริบตา สัตว์ปีศาจสีดำที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวตัวที่เป็นหุ่นเชิดโลหิตของจางตง ก็ได้พุ่งตรงไปหาเฉินเฉียง
และนี่ทำให้ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งผู้นี้ได้เห็นฝีมือของเฉินเฉียงอย่างกระจ่างชัด
“ไม่เลว อย่างน้อยๆไอ้เด็กนี่ก็อยู่ในระดับขุนพลขั้นกลาง”
เมื่อรับรู้ในเรื่องนี้ ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็ได้ผุดลุกขึ้นมา
เฉินเฉียงที่อยู่ด้านในลานประลองก็รับรู้ได้เหมือนกัน
สำหรับเขาแล้ว การสังหารจางตงและสัตว์ปีศาจหุ่นเชิดโลหิตของเขานี้ง่ายอย่างที่สุด
แต่เขานั้นต้องการจะเอาคืนผู้อาวุโสร่างผอมแห้งผู้นี้
และเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสร่างผอมแห้งผู้นี้ เฉินเฉียงก็สาปแช่งขึ้นมาในใจ
-คิดจะช่วยจางตงรึ-
-ฝันไปเถอะเอ็ง-
ในตอนนี้ จางตงนั้นหมดใจที่จะสู้ไปแล้ว
ผู้ช่วยที่เขานั้นฟูมฟักมาอย่างยาวนานอย่างหุ่นเชิดโลหิตและหุ่นเชิดซากศพอีกสองตนล้วนตกตายไปแล้ว แล้วเขาจะไปทำอะไรได้อีก
ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่า เขาผู้ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต ได้สูญเสียหุ่นเชิดโลหิตของตนไป เส้นทางการบ่มเพาะในภายภาคหน้าของเขาย่อมเรียกได้ว่าถูกตัดขาด
ต่อให้เฉินเฉียงไม่ฆ่าเขา แต่ศิษย์ของแผนกวิชายุทธที่เขาเคยเหยียบย่ำย่อมไม่คิดที่จะปล่อยเขาไป
แม้แต่ศิษย์ที่อยู่ในแผนกหุ่นเชิดโลหิตเช่นเดียวกับเขานั้น ในตอนนี้ก็จะจับจ้องเขาในฐานะอาหารโลหิตตนหนึ่ง
และเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จางตงที่แต่เดิมหน้าซีดเซียว ก็เปลี่ยนเป็นบังเกิดสีเลือดที่แดงฉาน ก่อนจะนำกระบี่ออกมาและตวัดไปหาเฉินเฉียง
ในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งที่อยู่ด้านนอกนั้นก็เริ่มที่จะเริ่มลงมือกระทำการบางอย่าง
แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่การช่วยเหลือจางตงแต่อย่างใด
จางตงนั้นได้สูญเสียหุ่นเชิดโลหิตไปแล้ว คนเช่นนี้ย่อมไม่มีคุณค่าต่อสำนักอีกต่อไป
เพียงแต่ว่าหากจางตงตกตายไปในน้ำมือของเฉินเฉียงต่อหน้าเขาอีกคน แล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปสู้หน้าศิษย์ทั้งสี่แผนกยามที่ต้องพบปะ เพราะเขาเป็นคนกระตุ้นให้เกิดการแข่งครั้งนี้
นี่จึงทำให้เขานั้นหมายจะหยุดเฉินเฉียงไม่ให้ฆ่าจางตง
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงทำตัวราวกับไม่รับรู้ความตั้งใจของผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง ในยามที่เขาเห็นผู้อาวุโสคนนี้ยืนขึ้นมา เขาก็ลงมือสังหารในทันที
ถึงแม้เฉินเฉียงจะไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา แต่ด้วยความเร็วที่เหนือชั้น เขาได้ผ่าร่างของจางตงออกเป็นสองท่อน ต่อหน้าต่อตาผู้อาวุโสร่างผอมแห้งที่กำลังคิดเปิดกำแพงลานป ประลองอีกครั้ง
“เฉินนนนน เฉียงงงงงง”
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งคำรามลั่น ราวกับต้องการส่งเสียงแห่งความโกรธแค้นนี้ไปให้ถึงสรวงสวรรค์
เฉินเฉียงที่สะบัดดาบดั้นเมฆไปบนอากาศอีกทีหนึ่ง ก่อนจะเก็บเข้าไป ได้ถามออกมาด้วยท่าทางที่สุขุม
“ครับ ท่านผู้อาวุโส ท่านมีสิ่งใดงั้นรึ”
ถึงแม้ในตอนที่ผู้อาวุโสผู้นี้ได้ยินคำขานรับนี้จากเฉินเฉียงแล้วแทบที่จะพุ่งไปสังหารเขา แล้วสับให้เป็นหมื่นๆชิ้นก็ตาม แต่การกระทำของเฉินเฉียงในลานประลองเป็นตายแห่งนี้ ห หาได้สิ่งที่ผิดแผกแหกกฎแต่อย่างใด
ต่อให้เขานั้นอยากจะหาเรื่องเฉินเฉียงในเรื่องนี้ แต่ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็ไม่อาจหาเหตุผลมาเล่นงานเฉินเฉียงได้
“ฟู่….” ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งได้ผ่อนลมหายใจออกมา แล้วพูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่มีอะไร คู่ต่อไป เริ่มได้”
เมื่อสิ้นคำของผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง เขาก็หันหลังก้าวเดินลงลานประลองไป