ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 445 กรรมการ
บทที่ 445 กรรมการ
“ดี ดี ดีมาก”
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเฉียงก็รีบเก็บร่างของจางต๋งและหุ่นเชิดโลหิตของจางต๋งไป
“เฉินเฉียง ผู้อาวุโสผู้นี้ยินดีรับคำท้าประลองของเจ้า ตราบใดที่เจ้าชนะข้าได้ เจ้าเอาคะแนนผลงานของข้าไปให้หมดได้เลย”
“หากเป็นเช่นนั้นได้จะดียิ่ง” เฉินเฉียงยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยิน ก่อนจะถามออกมาด้วยใบหน้าสงสัยใคร่รู้ “เอ่อ ว่าแต่ท่านผู้อาวุโส ถึงแม้ท่านจะรับคำท้าประลองกับข้า แต่ท่านเอง ก็คงจะไม่เป็นกรรมการของการประลองครั้งนี้ด้วยใช่รึเปล่า”
“ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หากว่าท่านเป็นทั้งผู้ประลองและเป็นกรรมการ มันคงจะดูไม่ดีเมื่อท่านมาประลองกับศิษย์ที่พึ่งเข้าสำนักเช่นข้าเสียกระมัง”
ถึงแม้เหล่าศิษย์มากหน้าหลายตานั้นอยากจะเห็นร่างของเฉินเฉียงถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆใจจะขาด แต่พวกเขาก็ยังอดที่จะยอมรับในคำพูดของเฉินเฉียงเสียมิได้
กัวเหลียงได้หัวเราะออกมาก่อนจะพูดต่อ “เหอเหอเหอ สรุปว่านี้คือลานประลองเป็นตายอันแสนศักดิ์สิทธิ์ของสำนักจริงๆสินะ”
“แม้แต่ผู้คุมกฎลานประลองก็ยังคิดข่มเหงจนต้องทำให้เขานั้นเปิดปากท้าทายออกมาด้วยตัวเองเลยทีเดียว”
นี่แสดงให้เห็นผู้อาวุโสร่างผอมแห้งนั้นขุ่นเคืองในตัวเฉินเฉียงมานานแล้ว
“เฉินเฉียง ผู้อาวุโสผู้นี้จะเมินเฉยต่อวาจาสามหาวของเจ้าในครั้งนี้ไป เมื่อผู้อาวุโสผู้นี้หาคนมาเป็นกรรมการได้แล้วเราจะเห็นดีกัน”
เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็ได้เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะโกนออกมาอย่างดังก้อง “หยุนอ่าว ผู้อาวุโสเฟิง ผอ.จ้ง พวกท่านทั้งสามโปรดมาที่เขาใจสลายในลานประลองเป็นตายในทันทีที่เ เป็นไปได้”
ด้วยการที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับราชาขั้นกลาง ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งสามารถถ่ายทอดเสียงที่แฝงไว้ด้วยพลังฟ้าดินนี้ออกไปได้นับสิบไมล์
และเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีดี ร่างสามร่างก็ได้ปรากฏอยู่ที่ลานประลองเป็นตาย เคียงข้างผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง
ในหมู่คนเหล่านี้ เฉินเฉียงและคนอื่นๆในกองกำลังเทียนเว่ยได้เคยเห็นหน้าค่าตามาบ้างแล้ว หนึ่งคือผู้อาวุโสสูงสุดของแผนกปรุงยา หยุนอ่าว ส่วนอีกคนหนึ่งคือผู้อาวุโสสูงสุดของ งแผนกหุ่นเชิดโลหิต ผู้อาวุโสเฟิง
ส่วนคนที่อยู่ตรงกลางนี้ทำให้เฉินเฉียงต้องมีใบหน้าที่กระตุกในทันทีที่เห็น
ชายคนนี้เป็นชายวัยกลางคนและเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต อย่างไรก็ตาม ระดับการบ่มเพาะของคนคนนี้ดูแล้วไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าผู้อาวุโสของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้ฆ่ าไปอย่างใด เขาเองก็อยู่ในระดับราชาเหนือราชาขั้นกลาง
ต่อให้ไม่ต้องเอ่ยถามก็บอกได้ว่าคนคนนี้คือผอ.จ้งอย่างแน่นอน
“อะไรกัน ลานประลองเป็นตายแห่งนี้เป็นเจ้าที่เป็นผู้ดูแล้ว แล้วเจ้าจะเรียกพวกเรามา เพื่อ….อะไร”
“อรุณสวัสดิ์ครับท่านผอ.”
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งรีบกล่าวทักทายในทันที และนี่ทำให้เฉินเฉียงและคนอื่นๆรีบโค้งคำนับในทันใด
“ไม่ต้องมีพิธีรีตอง” ผอ.จ้งนั้นพูดออกมาด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยก่อนจะถามต่อ “ผู้อาวุโสผู้คุมกฎลานประลอง เจ้านั้นมีเหตุอันใด”
“ท่านผอ. ข้าเองก็ไม่คิดเหมือนกันที่จะต้องรบกวนท่านเกี่ยวกับเรื่องลานประลองเป็นตายแห่งนี้”
“แต่มีศิษย์คนหนึ่งที่มีนามว่าเฉินเฉียงได้กล่าวท้าทายข้าต่อหน้าศิษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ เพื่อเป็นการรักษาเกียรติในฐานะผู้คุมกฎของลานประลองแห่งนี้ และเพื่อรักษาความศักดิ์ สิทธิ์ของลานประลองแห่งนี้เอาไว้ ข้าเองจึงได้รับคำ”
“และเพื่อให้การประลองในครั้งนี้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม เฉินเฉียงจึงขอให้ข้าหาผู้ที่น่าเชื่อถือมาช่วยตัดสินการประลองครั้งนี้ นี่จึงทำให้ข้าไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเชิญท่านมาเป็ นกรรมการ”
“ท้าประลองกับเจ้ารึ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผอ.จ้งที่รักษาท่าทางอันสุขุมของตนเอาไว้ก็ถึงกับต้องนิ่งไปเมื่อได้ยิน ก่อนที่จะหันไปมองเฉินเฉียง
“ศิษย์ระดับสามผู้นี้….หยุนอ่าว นี่คือศิษย์แผนกเจ้าไม่ใช่รึ”
หยุนอ่าวนั้นมาจะยังคงสับสนสงสัย แต่เมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาก็รีบตอบออกไปตามตรง “ถูกต้องครับ ท่านผอ. ในปีนี้ศิษย์แผนกปรุงยาของข้านั้นรับศิษย์มาเพียงสองคนเท่านั้น และเฉ ฉินเฉียงผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างน่าสนใจนัก น้องหยุน ข้าไม่คิดว่าศิษย์แผนกปรุงยาของเจ้าที่มีดีในด้านพลังจิตจะทำการณ์โง่งมได้ขนาดนี้”
เมื่อผู้อาวุโสเฟิงพูดจบ ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็รีบพูดขัด “ท่านผู้อาวุโสเฟิง ท่านอย่าพึ่งดูถูกเจ้าเด็กนี่ไป ข้าขอบอกตามตรงว่าเฉินเฉียงผู้นี้ได้ฆ่าศิษย์ระดับหนึ่งของแผนกหุ นเชิดโลหิต จางตงไปในลานประลองแห่งนี้แล้ว”
“ดีดีดี ลานประลองเป็นตายแห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตที่ต้องดิ้นรนอยู่แล้ว ไอ้คนที่ตกตายไปมันก็สมควร…..ห้ะ ว่าไงนะ”
เพียงเมื่อผู้อาวุโสเฟิงพูดไปได้ไม่ทันจะจบประโยค เขาก็เหมือนตระหนักอะไรขึ้นมาได้ในบางอย่าง “เจ้า…เจ้าหมายถึงจางตง ศิษย์ระดับหนึ่งของแผนกหุ่นเชิดโลหิตของพวกเรานั่นน่ะเหรอ จางตงคนนั้นน่ะนะ”
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งพยักหน้ารับอย่างไม่อยากจะรับ
เมื่อเห็นท่าทางของผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง ผู้อาวุโสสูงสุดเฟิงก็หันขวับไปหาเฉินเฉียง พร้อมสายตาที่ราวกับจะเข้ามาขย้ำกลืนกินเฉินเฉียงไปให้หมดในทีเดียว
หยุนอ่าวเองก็ไม่คิดว่าศิษย์แผนกของตนที่พึ่งจะได้รับเข้ามานี้จะมีความสามารถที่สูงล้ำขนาดนี้ เขาจึงรีบกระแอมออกมาทีหนึ่งแล้วพูดต่อ “ผู้อาวุโสเฟิง ท่านเองเพิ่งจะบอกไปไม่ใช ช่เหรอว่าการศึกบนลานประลองเป็นตายนี้ย่อมเหลือเพียงผู้ที่อยู่ได้เพียงหนึ่ง อย่าบอกนะว่าท่านคิดจะแก้แค้นให้จางตงน่ะ”
“น้องหยุน เจ้าจะไปรู้อะไรกัน” ดวงตาที่แดงฉานของผู้อาวุโสเฟิงนั้นจับจ้องไปที่เฉินเฉียงอย่างไม่วางตาแล้วตะคอกออกมา “จางตงพึ่งจะได้รับการรับเลือกจากทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ในวัน นนี้เองนะเว้ย แล้วจะให้ข้านั้นยอมรับในการตายของเขาได้ยังไงกัน”
“รับไม่ได้แล้วยังไง ในเมื่อขึ้นไปบนลานประลองเป็นตายแล้วไม่อาจมีชีวิตเหลือรอดกลับมาได้ จะบอกว่าไอ้การประลองเป็นตายนี่ขึ้นอยู่กับโชคชะตารึไงกัน”
เมื่อพูดจบ หยุนอ่าวก็ได้เดินไปตรงหน้าเฉินเฉียง ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วพูดออกมา “ไม่เลว ดูเหมือนว่าแผนกปรุงยาของข้านี้จะได้รับทรัพยากรบุคคลที่ล้ำค่ามาแล้วในครั้งนี้ ”
เฉินเฉียงยิ้มแหยๆออกมาในทันทีเมื่อได้ยิน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หากหยุนอ่าวได้รู้ว่าเขานั้นได้ฆ่าหลิวกวงไป เฉินเฉียงเองก็เมื่อรู้เหมือนกันว่าคนพูดนี้ยังจะพูดคำนี้ออกมาได้อยู่อีกรึเปล่า
และราวกับถูกอ่านความคิดได้ ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งเองก็ได้ย่างก้าวมาข้างกายของหยุนอ่าวแล้วพูดออกมา
“ผู้อาวุโสหยุน ดูเหมือนว่าศิษย์ของท่านในปีนี้จะทรงพลังเหนือจินตนาการนัก เขาสู้ในลานประลองแห่งนี้ไปสี่หนและชนะด้วยวิธีการเดียวกันไปถึงสี่ครา”
“โฮ่” รอยยิ้มของหยุนอ่าวได้ยกสูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม ตอนแรกเขาเองก็คิดว่าจะเอ่ยชมเฉินเฉียงอีกสักคำสองคำ แต่ก็ต้องนิ่งอึ้งไปเพราะคำพูดของผู้อาวุโสร่างผอมแห้งไปเหมือนกัน
“ในหมู่ศิษย์ที่เฉินเฉียงได้ข้าไปนั้นยังมีศิษย์แผนกเดียวกับท่าน ที่ชื่อหลิวกวงน่ะ ท่านพอจะรู้จักรึเปล่า”
“ห้ะ หลิว หลิว ….กวง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ดวงตาของหยุนอ่าวก็ราวกับจะมืดลงจนแทบจะสิ้นแสงไป
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้อาวุโสเฟิงที่โกรธเกรี้ยวก็พลันหัวเราะออกมาอย่างดังลั่น
นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็รู้จักหลิวกวงเช่นเดียวกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนเฉินเฉียงผู้นี้จะเป็นดาวจรัสแสงของแผนกปรุงยาจริงๆ ไม่เลว ไม่เลว ช่างเป็นบุคคลที่พิเศษนัก”
ถึงแม้เขานั้นจะเสียดายที่จางตงได้ตกตายไป แต่จางตงไม่ใช่ศิษย์ระดับหนึ่งเพียงคนเดียวของแผนกหุ่นเชิดโลหิต เพียงแค่จางตงนั้นมีความสามารถเหนือกว่าคนอื่นก็เท่านั้น
แต่หลิวกวงนี้แตกต่างกันออกไป เขานั้นเป็นศิษย์ที่มีความสามารถที่สูงล้ำ และเป็นศิษย์ระดับหนึ่งคนหนึ่งจากในสามคนที่แผนกปรุงยามีอยู่
แม้แต่ผอ.จ้งเองก็ยังเคยได้ยินชื่อของหลิวกวง
แต่เพียงเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งหยุดใส่ไฟแต่อย่างใด
“ผู้อาวุโสหยุน ท่านเองคงจะยังไม่รู้ว่าบนสนามประลองเป็นตายนี้ หลิวกวงนั้นได้ใช้ยาเทพคลั่งที่เขาปรุงขึ้นมาเองในระหว่างการประลอง แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเพลี่ยงพล้ำให้กั บเฉินเฉียงไปเสียอย่างนั้น”
หยุนอ่าวที่พึ่งจะกลับมารู้สึกตัว ก็ต้องทรุดลงไปกับพื้นในทันทีเมื่อได้ยินคำว่ายาเทพคลั่ง
ยาระดับห้า ยาเทพคลั่ง
แม้แต่เขาที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของแผนกปรุงยาก็ยังปรุงมันได้สำเร็จด้วยอัตราที่ต้อยต่ำ เอาจริงๆเขายังไม่เคยปรุงมันสำเร็จเลยด้วยซ้ำ
แต่หลิวกวงนั้นกลับแอบปรุงมันได้จนสำเร็จ
แล้วอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถสูงล้ำเหนือเขา กลับต้องมาตกตายในลานประลองเป็นตายแบบนี้เนี่ยนะ
ความโกรธเกรี้ยวที่ปะทุขึ้นมาอย่างไม่รู้จบในห้วงความคิดของหยุนอ่าวนี้เอง ทำให้ดวงตาของหยุนอ่าวร้อนรุ่มขึ้นมาจนราวกับจะพ่นไฟได้
หยุนอ่าวจับจ้องไปที่ดวงตาของเฉินเฉียงโดยไม่มีร่องรอยแห่งความยอมรับยินดีอีกต่อไป เขากัดฟันแน่นก่อนที่จะตะคอกออกมาอย่างนิ่งเรียบ “ผู้คุมกฎลานประลอง ไม่ใช่ว่าเฉินเฉียงท้าปร ระลองท่านหรอกรึ”
“ไอ้แก่ผู้นี้จะเป็นผู้ตัดสินให้เอง”
“ข้าเองก็อยากจะรู้นักว่าไอ้เด็กนี่จะมีความสามารถถึงแค่ไหนกัน”
ถึงแม้ผอ.จ้งที่ยืนอยู่ไม่ห่างจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่การตายของหลิวกวงเองก็ดูเหมือนจะทำให้เขานั้นเสียดายอยู่ไม่น้อย
ความขุ่นเคืองในใจของเขานี้ไม่ได้บังเกิดเพียงเพราะเฉินเฉียง แต่ยังมาจากการปล่อยปละละเลยของผู้อาวุโสร่างผอมแห้งที่เป็นผู้คุมกฎลานประลองแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
เป็นถึงผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนัก แต่กลับปล่อยให้อัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถสูงล้ำอย่างหลิวกวงตกตายในลานประลองเป็นตายเนี่ยนะ
ทั้งสองคนนี้ล้วนแล้วแต่สมควรจะได้รับผลจากการกระทำของตน
นี่จึงทำให้หลังจากหยุนอ่าวแสดงท่าทางออกมาอย่างเกลียดชังนั้น ผอ.จ้งเองก็พยักหน้ายอมรับ ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของผู้ตัดสิน นี่แสดงให้เห็นว่าผอ.จ้งยอมรับการประลองในครั งนี้แล้ว