ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 448 กลัวจนตาย
บทที่ 448 กลัวจนตาย
“ไอ๊หยา ไอ้แก่ แกเหม่อมองอะไรของแกวะนั่น”
เฉินเฉียงที่มีกระบี่ยาวในมือ ก็ยิ้มกริ่มถามไปยังผู้อาวุโสร่างผอมแห้งที่กำลังแสดงออกการเหม่อลอยออกมาราวกับตัวโง่งมตัวหนึ่ง
แต่ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสร่างผอมแห้งผู้นี้จะไม่มีอารมณ์มาใส่ใจกับท่าทางยียวนของเฉินเฉียงนี้สักเท่าไหร่นัก
แต่หลังจากนิ่งคิดหลังจากเห็นท่าทางของเฉินเฉียงแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากถามออกมาอย่างอ้ากว้าง
“เฉินเฉียง…เจ้า…เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตด้วยงั้นรึ”
ก็ไม่แปลกที่ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งผู้นี้จะคิดเช่นนี้
เพราะการกระทำของเฉินเฉียงก่อนหน้านี้มันดูคล้ายคลึงกับผู้บ่มเพาะบนเส้นทางของหุ่นเชิดโลหิตอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างจากผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนั้นก็คือเขานั้นเปิดทางเข้าโลกใบเล็กของเขาแล้วนำจระเข้ปีศาจเข้าไปไว้ในร่างก็เท่านั้น
และเขานั้นคิดจะนำมันกลับมาใช้ใหม่ในภายหลัง
ความจริงแล้ว การเก็บจระเข้ปีศาจตนนี้กลับเข้าไปในโลกใบเล็กของเขานั้น เขาแค่ใช้พลังควบคุมของเขาลากมันเข้าไปในโลกใบเล็กของเขาได้ตั้งแต่มันปรากฏตัวออกมาแล้ว
แต่เห็นผลที่เขาปล่อยให้มันยืดเยื้อ นั่นก็เพราะเขาอยากจะให้ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งผู้นี้ตกตะลึงจนช็อกไปก็เท่านั้น
“ไม่สิ ไม่ใช่ มันไม่ถูกต้อง”
ไม่นาน ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็ส่ายหัวไปมาอย่างไม่หยุด พูดปฏิเสธคำถามของตนเองที่ถามออกมาก่อนหน้า
“เฉินเฉียง ผู้อาวุโสผู้นี้เดินบนเส้นทางบ่มเพาะนี้มาหลายสิบปี ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเคล็ดวิชาการบ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตของเจ้ากัน”
“หุ่นเชิดโลหิตของคนอื่นไม่สมควรจะถูกผู้อื่นแย่งชิงไปแบบนี้สิ”
“หากเจ้าทำเช่นนั้นจริง หุ่นเชิดโลหิตของข้าก็สมควรจะกัดกินร่างกายของเจ้าเป็นอาหารของมันไม่ใช่รึ”
“แต่…เจ้านั้นกลับ…”
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็ได้ถลึงตากว้าง
“เฉินเฉียง เจ้าพัฒนาเคล็ดวิชาบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตรูปแบบใหม่ขึ้นมางั้นรึ”
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ดวงตาของผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็แฝงเอาไว้ด้วยความกระหายอย่างไม่ลังเล
หากว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่แปลกที่เขาจะแสดงท่าทางนี้ออกมา
นั่นก็เพราะหากในร่างของผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่มีสัตว์ปีศาจฝังตัวอยู่เพียงหนึ่ง ยังเติบโตได้อย่างรวดเร็วเสียขนาดนี้
แล้วถ้าหากสามารถฝังสัตว์ปีศาจลงไปบนร่างไว้ได้หลายตัวล่ะ ระดับการบ่มเพาะจะไม่ยิ่งพุ่งพรวดไปได้อย่างไร
นี่ทำให้เขานั้นไม่แปลกใจอีกต่อไปว่าทำไมเฉินเฉียงที่ยังหนุ่มยังแน่นถึงได้น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้
เมื่อเฉินเฉียงได้ยิน เขาก็พอรับรู้ได้ว่าผู้อาวุโสร่างผอมแห้งนี่นิ่งคิดถึงสิ่งใดอยู่
แต่เขาก็ไม่นึกว่าชายแก่ตรงหน้าจะคิดไปไกลถึงขั้นที่ว่าเขานั้นเป็นหนึ่งในผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขายังกลายเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่คิดค้นเทคนิคการบ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตรูปแบบใหม่เสียอีก
กับชายแก่ตรงหน้าเขาผู้นี้….เรียกได้ว่ายากที่จะช่วยแล้วจริงๆ
“ไอ้แก่ แกคงไม่ได้คิดว่าข้านั้นจะเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตแบบแกอยู่หรอกนะ แต่ก็นะ ต่อให้แกไม่เชื่อเดี๋ยวแกก็จะได้เห็นเองหลังจากรับมือข้าไป”
เฉินเฉียงนั้นไม่คิดจะเล่นอีกต่อไป เขาตวัดกระบี่ยาวในมือ ก่อนจะตั้งมันขึ้นมาไว้ในระดับหัวไหล่ ก่อนที่จะสาวเท้าก้าวไปข้างหน้า เดินไปหาผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็รีบสะกดข่มอารมณ์ที่กำลังกระเจิดกระเจิงของตนให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง “เฉินเฉียง ข้าขอยอมรับว่าข้านั นประเมินเจ้าต่ำไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เข้านั้นจะเสร็จเจ้าง่ายๆหรอกนะ”
“ต่อให้ข้าเสียหุ่นเชิดโลหิตไปชั่วคราว เจ้าก็อย่าได้คิดว่าข้านั้นหมดทางสู้จะดีกว่า”
เมื่อพูดจบ เขาก็ทุบไปที่อกของตนอีกครั้ง
ฮื้ม
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ในทันที
ชายแก่ตรงหน้าเขาเองก็มีหุ่นเชิดซากศพเช่นเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น
มันเป็นหุ่นเชิดซากศพสองตัวที่กำลังพุ่งตรงมาที่เขา
เพียงเฉินเฉียงมองไปปราดเดียวเขาก็รับรู้แล้วว่าหุ่นเชิดทั้งสองนี้อยู่ในระดับราชาขั้นกลาง
หุ่นเชิดซากศพนั้นจะมีระดับการบ่มเพาะเท่ากับตอนที่พวกมันตกตายไป และจากที่เฉินเฉียงประเมินดูคร่าวๆ หุ่นเชิดซากศพทั้งสองนี้สมควรจะเป็นร่างของผู้บ่มเพาะบนเส้นทางวิชายุทธ
มันทำให้เขานั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย นั่นก็เพาะหากทั้งสองไม่ได้พบเจอกับผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่ค่อนข้างจะม มีอนาคตเลยทีเดียว
นี่คือการประเมินค่าของผู้คนบนโลกปีศาจที่แตกต่างจากโลกมนุษย์ ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายวิชายุทธระดับราชานั้นกลับกลายเป็นเป้าที่จะทำเป็นหุ่นเชิดโลหิตอย่างง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่หุ่นเชิดซากศพทั้งสองได้ถูกปล่อยออกมาจากหน้าอกของผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง เฉินเฉียงก็ได้เปิดทางเข้าโลกใบเล็กของตน ก่อนจะใช้พลังควบคุมส่งพวกมันเข้าไปในโ โลกใบเล็กของเขา
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งที่เห็นฉากนี้ก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก ก่อนที่จะมองไปยังเฉินเฉียงที่ยังคงยืนอยู่อย่างห่างไกลจนตาของเขาแทบจะถลนออกมา
นี่……
นี่มันยังเป็นมนุษย์อยู่อีกรึไงกัน
เมื่อผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตสูญเสียหุ่นเชิดโลหิตไป พวกเขาจะเหลือสิ่งใดไปสู้อีกกัน
ในตอนนี้ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งกำลังตื่นตระหนก
เขารู้สึกหวาดกลัวลนลาน
เขาผู้ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ย่อมเข้าใจได้อย่างกระจ่างชัดว่าผู้คนปกตินั้นรังเกียจเดียดฉันท์คนที่บ่มเพาะบนเส้นทางนี้มากมายขนาดไหน มันม มากมายจนเรียกได้ว่าเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว
ตราบใดที่เขายังมีหุ่นเชิดโลหิต เขาย่อมไม่เกรงกลัวคนเหล่านี้
แต่ในเมื่อเขานั้นไม่มีหุ่นเชิดโลหิต แล้วทำไมผู้บ่มเพาะที่มีระดับพลังร่างกายสูงกว่าเขาจะไม่คิดระบายความโกรธเกรี้ยวเดียดฉันท์ที่สั่งสม
ต่อให้พบเจอผู้ที่เดินบนเส้นทางบ่มเพาะเดียวกัน เขานั้นก็เป็นเพียงอาหารโลหิตอันโอชะได้เพียงเท่านั้น
ไม่ว่าเขานั้นจะใช้ชีวิตผิดมนุษย์มนามานานขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่อได้พบเจอกับความตายที่หันหน้าเข้าใส่ ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งก็ได้ฉุดกระชากเอาส่วนที่ยังคงเป็นมนุษย์ที่ถูกฝังเอาไว ว้ในก้นบึ้งหัวใจให้ตื่นขึ้นมา
วิ่ง
นี่คือสิ่งเดียวที่ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งนึกออกมาได้ในตอนนี้
ตราบใดที่เขาออกจากกำแพงลานประลองไปได้ เขาเชื่อว่า ต่อให้เฉินเฉียงจะทรงพลังขนาดไหนก็ไม่อาจจะเทียบผอ.จ้งของเขาไปได้
วู๊บ
เพียงชั่วพริบตา เฉินเฉียงก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้อาวุโสร่างผอมแห้งในบัดดล
“อ๊ากกกกกก”
เมื่อเห็นเฉินเฉียงปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาแทบจะในชั่วกะพริบตาของตน ผู้อาวุโสร่างผมแห้งได้กรีดร้องออกมา
ไม่ว่าจะมองยังไงก็ตาม เขาในฐานะผู้ที่อยู่ในระดับราชา ก็ไม่ควรจะทำให้เขาหวาดหวั่นได้ถึงขนาดกรีดร้องออกมาไม่ใช่เหรอ
แต่ว่ากันตรงๆแล้ว ความเร็วของเฉินเฉียงนั้นรวดเร็วเกินหน้าเกินตาเขาไปอย่างน่าหวาดหวั่นจริงๆ
แถม…..
ที่อยู่ต่อหน้าเขานั้นหาใช่เฉินเฉียงไม่
แต่เป็นตัวเขาเอง
ด้วยการที่โลกปีศาจแห่งนี้ไม่ได้พัฒนาทักษะวิชาต่างๆเฉกเช่นเดียวกับโลกมนุษย์ พวกเขานั้นย่อมที่จะไม่เคยเห็นทักษะเหนือมนุษย์อย่างเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมนุษย์กลายพันธุ์
“ฮี่ฮี่ฮี่ ผู้อาวุโสคนนี้ประหลาดใจด้วยงั้นรึ อ่ะแฮ่ม ตกใจอะไรกัน”
เพียงชั่วพริบตา ใบหน้าของเฉินเฉียงก็เปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย แม้แต่เส้นเสียงและอากัปกิริยาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง ราวกับถอดออกมาจากพิมเดียวกัน นี่ทำให้ผู้อาว วุโสร่างผอมแห้งอุทานออกมา
“ผี…ไอ้ปีศาจ”
ผู้บ่มเพาะระดับราชาขั้นกลางที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจไปแล้ว ก็ได้กลายเป็นผู้วิกลจริตไปแทบจะในทันที
เฉินเฉียงที่ได้ยินก็แสดงออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ปีศาจรึ เหอะ กับไอ้ตัวเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปมากมายเพียงเพื่อยกระดับการบ่มเพาะของตัวเองอย่างแกเนี่ยนะ ยังมีหน้ามาพูดจาบอกว่าคนอื่นคือปีศาจอีกรึ”
“ในเวลานั้น เจ้าคงคิดภูมิใจมากเลยสินะที่ถูกเรียกว่าตนเองถือปีศาจร้ายน่ะ”
“ไอ้แก่เอ๊ย มันมีสถานที่ที่ใช้ในการตัดสินบาปบุญคุณโทษอยู่นะเว้ย”
“ดังนั้นแล้ว ไปลงนรกซะ”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้ใช้พลังจิตของตนล็อกเป้าไปที่ผู้อาวุโสร่างผอมแห้ง ก่อนที่จะปลดปล่อยคลื่นอัดกระแทกเข้าใส่จิตใจของเขา และตบท้ายด้วยการที่แทงกระบี่ยาวในมือตรงไปที่ หว่างคิ้ว