ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 454 ภารกิจจากวิหารศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 454 ภารกิจจากวิหารศักดิ์สิทธิ์
บนลานประลอง ผู้ที่ได้รับหน้าที่เป็นกรรมการได้มองหน้าสลับกันไปมาระหว่างเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ผู้อาวุโสผู้คุมกฎและผู้อาวุโสผู้คุมกฎประจำหอตำราอย่างผู้อาวุโสฉีอยู่หลาย รอบด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน จนในที่สุดเขาจึงต้องเอ่ยถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านผู้อาวุโสผู้คุมกฎ ท่านผู้อาวุโสฉี พวกท่านต้องการจะประลองบนลานประลองเป็นตายแห่งนี้กันจริงๆเหรอครับ”
“ถามมากน่ารำคาญ” ผู้อาวุโสฉีพูดออกมาอย่างเดือดดาล พร้อมสายตาที่ราวจะพ่นไฟใส่เฉินเฉียงอย่างไม่ว่างเว้น “หากพวกเราตัดสินใจไม่สู้กันในตอนนี้ พวกที่มาออกันอยู่นี่จะไม่เซ็งเป็ดกั นไปหมดเลยรึไง ห้ะ”
เฉินเฉียงยักไหล่ขึ้นมาทีหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกริ่ม “เจ้าก็ได้ยินแล้วนี่ ไอ้แก่บ้านี่มันคลั่งครั่นคร้ามอยากจะต่อสู้ถึงขนาดไหน หากไอ้บ้านี่อยากจะเล่นด้วยจริง พ่ อคนนี้ก็ยินดีพร้อมที่จะสนองตอบ”
“แต่…แต่แต่…” กรรมการผู้คุมลานประลองพูดต่อออกมาอย่างติดอ่างและเหงื่อตกไม่ขาดสาย จนในที่สุดก็พูดออกมาต่อได้ “ผู้อาวุโส หากพวกท่านต้องการจะสู้กันจริง แล้วใครกันจะเป็น คนวางกำแพงลานประลองที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้กัน”
“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวข้าขอเชิญท่านผู้อาวุโสเฟิงแห่งแผนกหุ่นเชิดโลหิตมาก่อนดีกว่า หากเป็นผู้อาวุโสท่านนั้นล่ะก็ ข้าว่ามีคุณสมบัติมากพอที่จะรับหน้าที่นี้และเหมาะสมที จะเป็นผู้ควบคุมการต่อสู้ให้พวกท่านทั้งสองแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่ต้องเสียเวลาหรอก ข้าได้มาถึงแล้ว…”
เสียงที่ดังก้องกังวานถูกถ่ายทอดออกมาแต่ไกล และเพียงเมื่อสิ้นเสียง ผู้อาวุโสเฟิงก็ได้ร่อนลงจอดอยู่ที่พื้นสนามประลองเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะมองไปที่เฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ผ ผู้อาวุโสผู้คุมกฎและผู้อาวุโสฉีด้วยท่าทางตื่นเต้นยินดี
“ช่างหายากยิ่งนักในโอกาสเช่นนี้ ไอ้แก่ผู้นี้สนใจในการประลองในการประลองของพี่ท่านทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง ไอ้แก่คนนี้คงจะไม่ทำให้พี่ท่านทั้งสองตั้งลำบากใจหรอกนะหากว่าจะมา าเป็นคนสร้างกำแพงลานประลองให้”
ผู้อาวุโสเฟิงนั้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งแผนกหุ่นเชิดโลหิต และเขาเองก็เป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตเช่นเดียวกัน แม้จะเห็นว่าเขานั้นหัวเราะอยู่แทบจะตลอดเวลาที่อยู่ที่ นี่ แต่ในใจเขานั้นหากได้ต้องการจะให้เกิดการประลองนี้ไม่ เพราะเขารู้ดีว่าการประลองนี้ไม่ได้ส่งผลดีแต่อย่างใด
เพียงแต่ว่าด้วยการที่สองคนตรงหน้าเขานั้นดันมีระดับการบ่มเพาะที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแม้แต่น้อย เขาจึงคิดที่จะแสวงหาผลประโยชน์หากมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ตกตายไปเพียงเท่านั้น ไม่ อย่างนั้นเขาคงไม่คิดมาให้เสียเวลาตนเองแต่อย่างใด
แต่การที่เขาจะได้จัดการสร้างกำแพงลานประลองแห่งนี้ เขาก็ถูกหยุดไว้โดยสุ้มเสียงหนึ่ง
“ไร้สาระ ไร้สาระยิ่งนัก”
เจ้าของเสียงได้ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป นั่นก็คือ ผอ.จ้ง เขาเหลือบมองไปที่เฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนัก ผู้อาวุโสฉี ก่อนจะปิดท้ายที่ผู้อาวุ โสเฟิงและคำรามลั่นออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้าต่างก็เป็นผู้อาวุโสสูงแห่งสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้า แล้วพวกเจ้ายังมีหน้ามาทำตัวกันเยี่ยงนี้…นี่ฟังแล้วยังไม่คิดเลิกรอกันอีก กรึไง ห้ะ รีบๆไสหัวกันไปได้แล้ว”
ผู้อาวุโสเฟิงที่ได้ยินก็ยกคิ้วขึ้นจนหน้าเกือบจะหงาย แล้วจรลีลี้หนีหายไปอย่างไม่ต้องพูดจาเพิ่มเติม
ผู้อาวุโสฉีที่ได้ยินก็สะกดข่มความโกรธเกรี้ยวในใจ ก่อนจะมอง ผอ.จ้งอย่างเคารพแล้วรีบอธิบายออกมา
“ท่านผอ. ผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักนั้นเป็นคนเริ่มเรื่องและทำตัวเกินกว่าจะยอมรับได้ ไอ้แก่ผู้นี้อดรนทนไม่ไหวจึงคิดหมายจะสู้กับเขาให้รู้เรื่องกันไป ข้าหวังว่าท่าน ผอ. จะอนุญ ญาตให้พวกเราสู้กันให้ตายกันไปข้าง”
ผอ.จ้งเหลือบมองเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักไปปราดหนึ่ง ก่อนจะมองผู้อาวุโสฉีด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วสบถออกมา
“พอแล้ว ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นหมดแล้ว”
“ผู้อาวุโสฉี กับอีแค่ศิษย์หอผู้คุมกฎตัวน้อยๆ เจ้ากลับที่จะสู้กันจนถึงตายกับผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักเนี่ยนะ”
“พวกเจ้าทั้งสองคนต่างก็เป็นเสาหลักของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้า นี่พวกเจ้าไม่รู้เลยรึไงว่ายามใดควรจะรุกคืบ ยามใดควรจะถอยหนีน่ะ ห้ะ”
“ตามความเห็นของข้า พวกเจ้าแค่เบื่อหน่ายในชีวิต จนคิดฆ่าแกงกันไปก็เพียงเท่านั้น”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน สำนักของเราพึ่งจะได้รับภารกิจจากวิหารศักดิ์สิทธิ์มา ในตอนนี้ตามหัวเมืองใหญ่ในภูมิภาคเหนือนั้นได้มีผู้บ่มเพาะคู่ชายหญิงปริศนาคู่หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นมา า”
“นี่ทำให้วิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นมอบภารกิจให้กับสำนักเราเพื่อหาร่องรอยและจับตัวผู้บ่มเพาะคู่ชายหญิงนั้นมาให้ได้”
“ผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักและผู้อาวุโสผู้กฎหอตำรา ข้ามีข้อเสนอว่าให้พวกเจ้าสองคนพูดคุยกันว่าใครที่เหมาะที่สุดที่จะออกไปทำภารกิจนี้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผอ.จ้งพูดออกมา นี่ทำให้เฉินเฉียงนึกถึงเจิ้งยี่และเม่ยซินขึ้นมาในทันที
นี่ก็เป็นเวลากว่าเดือนแล้วที่ทั้งสองได้ออกจากเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไป และเฉินเฉียงก็รู้ดีว่าเม่ยซินนั้นยังมีเรื่องค้างคาใจกับวิหารศักดิ์สิทธิ์อยู่ ส่วนเจิ้งยี่นั้น ย่อมไม่ปล่อยให้นางเจ็บปวดอยู่เฉยๆโดยไม่คิดทำอะไรเป็นแน่
ด้วยนิสัยของเจิ้งยี่แล้ว เขายินดียอมทำทุกอย่างหากว่าเม่ยซินจะสบายใจขึ้น
สำหรับผู้เชี่ยวชาญของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้านั้น เมื่อเทียบกับทักษะความสามารถของเจิ้งยี่แล้ว เขาย่อมไม่ยากที่จะรับมือ แต่สิ่งที่เฉินเฉียงกังวลนั้นเป็นเรื่องการส่งคนเข้าร่วม ของวิหารศักดิ์สิทธิ์มากกว่า
หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ เจิ้งยี่จะตกอยู่ในอันตราย
นี่จึงทำให้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เฉินเฉียงจะต้องรับภารกิจนี้ให้ได้
แต่ก่อนที่เฉินเฉียงจะได้ตกปากรับคำ เขาก็ต้องแปลกใจเพราะผู้อาวุโสฉีกลับตัดหน้าเขาเสียอย่างนั้น
“หึหึหึ ท่าน ผอ. ปล่อยเรื่องเล็กนี้ให้ข้าผู้นี้เอง”
เหตุผลที่ว่าทำไมผู้อาวุโสฉีนี้รีบเร่งตกปากรับคำทำภารกิจของวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งที่เฉินเฉียงนึกไม่ถึง แต่ไม่ช้า เขาก็พอจะนึกออกว่าทำไม
เขาเชื่อว่ายามที่ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตอย่างผู้อาวุโสฉีออกไปจากสำนัก เขาจะต้องไปคว้าจับหาอาหารโลหิตเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะเป็นแน่
นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้เขานั้นรีบตกปากรับคำ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินเฉียงย่อมไม่มีวันให้ไอ้แก่ผู้นี้ทำสำเร็จอย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโสฉี เจ้านั้นช่างเป็นผู้อาวุโสผู้คุมกฎที่ขยันขันแข็งนัก แม้กระทั่งภารกิจที่ควรจะส่งมอบให้ศิษย์สำนักเก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างคะแนนผลงานเจ้าก็ยังกล้ารับไปคนเดียวเลยง งั้นรึ”
“ด้วยภารกิจที่ยากจะได้รับมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้ แต่แทนที่เจ้าจะปล่อยให้สานุศิษย์ของสำนักใช้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่เจ้านั้นกลับฉกชิงมันเพื่อหมายจะได้รับผลประโยชน์เพียงคนเด ดียว เจ้านี่มันจะหน้าใหญ่เกินไปไม๊”
ผอ.จ้งได้พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเฉินเฉียงในทันทีเมื่อได้ยิน “สิ่งที่ผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักพูดขึ้นมานั้นถูกต้องแล้ว นี่ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะให้ศิษย์สำนักของเรานั้ นเก็บเกี่ยวประสบการณ์”
“ข้านั้นสงสัยนักว่าผู้คุมกฎสำนักนั้นมีความเห็นเรื่องนี้ว่ายังไง”
เฉินเฉียงหยักไหล่ไปทีหนึ่งแล้วพูดออกมา “ด้วยการที่สำนักของเรานั้นมีศิษย์อยู่มากมาย แล้วเราจะปล่อยให้ศิษย์ของทำภารกิจนี้นั้นทำอย่างจำกัดจำเขี่ยได้ยังไง”
“ข้ามีความเห็นว่าศิษย์คนใดก็ตามที่มีความกล้าพอ คนคนนั้นก็สามารถรับภารกิจนี้ได้”
“ดี ถ้าอย่างนั้นเรื่องศิษย์ที่จะออกไปทำภารกิจนี้ ข้าจะให้ผู้อาวุโสผู้คุมกฎเป็นคนจัดการไป”
“ส่วนเรื่องราวในวันนี้นั้น พวกเจ้าทั้งสองจะได้รับรู้ว่าข้าตัดสินใจยังไงก็ต่อเมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้น”
“เอาล่ะ ศิษย์ทั้งหลาย แยกย้ายกันไปได้แล้ว”
เมื่อพูดจบ ผอ.จ้งก็หายไปเพียงชั่วพริบตา
นับจากที่ผอ.จ้งยื่นมือเข้ามายุ่ง ผู้อาวุโสฉีเองก็ไม่มีทางเลือกทำได้เพียงเลิกรา ต่อให้เข้าใจแม้จะไม่อยากก็ตาม
ส่วนเฉินเฉียงนั้นก็ได้พาจางหยวนและคนในกองกำลังกลับไปยังที่พักของตนไป
“กัปตัน ข้าส่งข้อความไปหาเจิ้งยี่แล้ว ดูเหมือนว่าคู่บ่มเพาะลึกลับที่ผอ.จ้งกล่าวถึงจะเป็นพวกเขาสองคนจริงๆ”
หลังจากได้ยินคำพูดของจางหยวนแล้ว ทุกคนก็ทำได้เพียงถอดถอนลมหายใจ
“เจิ้งยี่นี่มันน่านัก เพียงแค่ต้องการให้สาวงามได้ระบายแค้น ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่อยู่ภูมิภาคเหนือนี่ถึงกับต้องยับเยินเลยทีเดียว”
“ไม่เพียงเท่านั้นนะ ไอ้หมอนี่ยังมีหน้ามาบอกว่าหลังจากเสร็จเรื่องที่เป่ยหมินโจวแล้ว เขาจะพาเม่ยซินไปยังภูมิภาคตะวันตกอีก”
“หมอนั่นบอกว่า เพียงแค่นี้ยังไม่อาจจะคลายปมในใจเม่ยซินได้ ไอ้ฉิบหาย”
“ข้าว่ากว่าจะคลายปมในใจนางได้ มีหวังผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตต้องสาบสูญจนหมดสิ้นเลยกระมัง”
“กัปตัน พวกเราเอายังไงดีล่ะ อย่างนี้นี่ถือว่าเจิ้งยี่ตกอยู่ในอันตรายอยู่รึเปล่า”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับก่อนจะพูดออกมา “ถึงแม้เจิ้งยี่จะมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับราชาขุนพลขั้นสูง และมีความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าราชาเหนือราชาขั้นต้นของโลกฝั่งนี้ แต่มันก็ยังยา ากหากว่าเขาโดนรุมล้อมโจมตีอยู่ดี โดยเฉพาะถ้าไอ้พวกนั้นเป็นคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะมีขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ไว้ป้องกันตัว แต่ข้าก็เชื่อว่าหมอนั่นต้านทานไว้ไม่ได้น นานนัก”
“ในครั้งนี้พวกเราต้องยื่นมือเข้าช่วยแล้ว”
ทุกคนเมื่อได้ยินก็เห็นด้วยในทันที แต่เป็นตอนนี้ที่มีความเคลื่อนไหวจากด้านนอกที่พักของเฉินเฉียง
เมื่อพวกเขาได้ส่งกระแสจิตออกไปตรวจสอบ พวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที
“กัปตัน พวกเราเอายังไงดีล่ะ ไอ้พวกที่อยู่ด้านนอกนั่นล้วนแล้วแต่ต้องการจะเข้าร่วมกับเราทั้งนั้น พวกเราควรจะไล่ไปก่อนรึเปล่า”
เฉินเฉียงส่ายหน้าในทันทีแล้วพูดออกมา “จางหยวน พาหนอนหนังสือไปจดรายชื่อพวกนั้นไว้ ใครที่ต้องการเข้าร่วมก็ให้พวกนั้นติดตามไป”
“หยานเสวี่ย เจ้ามากับข้า”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้จูงมือหยานเสวี่ยเข้าห้องนอน ก่อนที่เขาจะเปิดโลกใบเล็กนำซากร่างของผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักออกมา
“หยานเสวี่ย เจ้ายังมีแผ่นแก่นพลังงานอยู่รึเปล่า ถ้ามีก็ฝังมันในร่างของผู้อาวุโสคนนี้ซะ”
หยานเสวี่ยถามออกมาอย่างสงสัยในทันที “ทำไมต้องทำด้วยล่ะ”
เฉินเฉียงก็ตอบกลับไปอย่างเต็มใจ “ในตอนนี้พวกเรานั้นจะออกไปพร้อมศิษย์เหล่านี้ ในฐานะที่เป็นคนของกองกำลังผู้คุมกฎและส่วนหนึ่งของกลุ่มเหมันต์จันทรา นี่จะทำให้ข้าไม่ต้องห่วง งความปลอดภัยของคนเหล่านี้มากมายนัก”
“นี่จึงทำให้ข้าคิดที่จะให้นักรบซากศพผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักผู้นี้อยู่ที่นี่ และคิดใช้เขาเป็นตัวตายตัวแทนของข้าในอนาคต”
“หลังจากเจ้าคืนชีพให้เขาแล้ว พวกเราจะออกเดินทางกัน”