ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 473 ฆ่าล้าง
บทที่ 473 ฆ่าล้าง
ระยะห่างเพียงหนึ่งเมตร
ต่อให้นับเพียงระดับการบ่มเพาะเพียงอย่างเดียว เฉินเฉียงก็ยังถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสผู้คุมกฎหอตำราผู้นี้มากนัก ยังไม่ต้องพูดถึงหากเขานั้นคิดจะใช้ทุกสิ่งที่มี นั่น นทำให้เขานั้นสามารถชนะได้แม้แต่ราชาจอมพลขั้นกลางเลยด้วยซ้ำ
และนี่ทำให้เมื่อผู้อาวุโสฉีพูดจบประโยค เฉินเฉียงก็ได้ส่งเครื่องเสียงทำลายวิญญาณใส่ผู้อาวุโสฉี พร้อมกับใช้มือทุบเข้าไปที่หน้าอกของผู้อาวุโสฉีไปหนึ่งทีโดยอีกมือหนึ่งนั้นคว้าจ จับผู้อาวุโสฉีไม่ให้ลอยไปไหนไกล แต่นำเขาเข้าไปไว้ในโลกใบเล็กของเขาแทน
ฉากเหตุการณ์นี้บอกได้เลยว่าต่อให้ไม่กะพริบตาก็มองไม่ทันอยู่ดี
กับความเร็วระดับนี้ ไม่มีทางเลยที่จะป้องกันได้
นี่ทำให้เหล่าผู้อาวุโสของสำนักนิ่งอึ้งตะลึงงันกันเป็นแถบๆ
แต่ก็ยังมีใครบางคนที่รีบเร่งโต้ตอบการกระทำของเฉินเฉียง นั่นคือ ผู้อาวุโสแผนกหุ่นเชิดโลหิต ผู้อาวุโสเฟิง
“ผอ. ท่าน.…”
เพียงแค่พูดออกมาได้สามคำ เขาก็ต้องพบเจอกับสายตาดุร้ายของเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้ง ประดุจดั่งอสรพิษร้ายจ้องมองเหยื่อ
เมื่อเห็นท่าทางนี้แล้ว ผู้อาวุโสเฟิงก็ได้หุบปากไป
ด้วยการที่สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งผอ.นั้นล้วนแล้วแต่ได้รับการเลือกเฟ้นเป็นอย่างดี จึงเป็นธรรมดาที่ผอ.จ้ง ต้องแข็งแกร่งเหนือผู้ใด
แล้วจะมีใครสร้างความกังขากับผอ.จ้งได้อีก
ถึงแม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสแต่ละแผนกจะนิ่งเงียบกริบในทันที แต่เหล่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตที่ถือดีในฐานะผู้เดินบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่เหนือล้ำกว่าใคร ต่างก็โวยวายออกมา
“ผอ. ทำไมถึงได้ฆ่าผู้อาวุโสฉีอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ห้ะ”
“”ผอ. ผู้อาวุโสฉีเป็นผู้อาวุโสสูงของสำนักเรา และได้รับความเคารพแม้แต่ผู้อาวุโสของแผนกหุ่นเชิดโลหิตเองก็ตาม ถึงท่านจะเป็นผอ.ของสำนัก แต่ก็ไม่ควรจะไม่ลงมือโดยไม่อธิบายไม่ใช่รึ ไงกัน”
เมื่อเฉินเฉียงได้ยินแบบนี้ เขาก็ได้หันไปมองยังบรรดาศิษย์ของแผนกหุ่นเชิดโลหิต ก่อนจะสบถออกมาทีหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดจาอะไรออกมา เขาเพียงเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งทะลุผ่านมวลหมู่ ศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตไปทั้งหมดทั้งสิ้นเพียงเท่านั้น
“อ๊……..”
หลังจากที่บังเกิดเสียงร้องครึ่งๆกลางๆอย่างไม่ทันจบดี เหล่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตที่มีมากกว่ายี่สิบคนตกตายจนหมดสิ้น
ทุกคนต่างรู้ดีว่าผอ.สำนักสวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้นั้นมีระดับที่ลึกล้ำขนาดไหน
แต่มีน้อยคนนักที่จะเคยเห็นเขาลงมือฆ่าคน
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ด้วยการโจมตีที่รวดเร็วประดุจลำแสงของเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งเมื่อครู่นี้ ต่อให้จะมีคนอยากยื่นมือเข้าช่วยก็ยังไม่อาจทำได้
นั่นก็เพราะท่าทางของเฉินเฉียงที่แสดงออกมาภายใต้รูปลักษณ์ของผอ.จ้งนี้ไม่ได้มีท่าทีลังเลแต่อย่างใด หรือต่อให้เขาถูกหยุดมือก็ยังมีกัวเหลียง จางหยวน และคนอื่นๆที่จะเคลื่อนไห หวแทนเขา ไม่ว่ายังไงก็ตาม ในวันนี้เหล่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตต้องล้วนแล้วตกตายมลายสิ้น
เฉินเฉียงเมื่อลงมือเสร็จก็ได้เดินกลับขึ้นไปนั่งที่เดิม พร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปยังผู้อาวุโสเฟิงด้วยสายตาที่เย็นเยียบ ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังลั่น
“เหล่าศิษย์ทุกคนของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าจงฟัง”
“การฆ่าผู้อาวุโสฉีไปนั้นข้าย่อมมีเหตุผล”
“ส่วนเหตุผลนั้น ข้าจะให้ผู้อาวุโสเฟิงอธิบายให้พวกเจ้าได้รับฟังเดี๋ยวนี้”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้ผายมือไปหาผู้อาวุโสเฟิง โดยที่สายตาเย็นยะเยียบนี้ยังไม่ละไปจากเขา
เมื่อผุ้อาวุโสเฟิงได้ยินก็แสดงออกมาด้วยใบหน้าที่โง่งม
-ทำไมผอ.จ้งถึงได้ลงมือฆ่าผู้อาวุโสฉี…..แล้วเขาจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน-
-คงไม่ใช่ว่าที่ผอ.จ้งลงมือไปนั้นแค่อารมณ์ไม่ดีหรือเหม็นขี้หน้าไอ้เฒ่าฉีไปหรอกเรอะ-
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสเฟิงได้ค่อยๆเดินเข้าหาเฉินเฉียงด้วยท่าทางที่เชื่องช้ายืดยาดราวกับตัวของเขาหนักอึ้ง ตอนนี้เขาใช้มันสมองทั้งหมดที่มีเพื่อหาเหตุผลที่คนตรงหน้าเขานั้นทำไมถ ถึงได้ลงมือทำฉากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไป แต่เมื่อเขาเดินไปที่หน้าที่นั่งของเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งแล้ว เขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี
เมื่อจนตรอกถึงขนาดนี้ ผู้อาวุโสเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถามเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งผ่านเสียงผ่านการส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณ “ท่านผอ. ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสฉีน นั้นทำสิ่งใดผิดไปกันจนถึงขั้นต้องเสียชีวิต ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้มิสามารถนึกเหตุผลออกมาได้จริงๆ”
เฉินเฉียงสบถขึ้นมาในใจทีหนึ่งก่อนจะพูดออกมา “เจ้าว่าบรรยากาศในสำนักเรานั้นดีขึ้นมาบ้างรึเปล่า”
ผู้อาวุโสได้ยินก็หันไปมองดูโดยรอบครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมรอยยิ้ม “ท่านผอ.กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้วครับ ท่านผอ.”
หลังจากจับจ้องไปที่ฉากเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาที่เลื่อนลอยสักพัก เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกมากันอย่างปลื้มปริ่ม
นั่นก็เพราะพวกเขาไม่มีทางเลือกให้เห็นเป็นอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้พบเห็นผู้อาวุโสฉีตกตายต่อหน้าต่อตา
ผอ.จ้งที่ฆ่าเขาไปได้เพียงด้วยเหตุผลแค่นั้น แล้วใครจะกล้าเอาชีวิตของตนไปเล่นตลกกับเพียงเรื่องพรรค์นี้อีก
ส่วนศิษย์เบื้องล่างนั้นในตอนนี้ล้วนแสดงออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศิษย์กลุ่มเหมันต์จันทราที่นำโดยกัวเหลียงที่มีรอยยิ้มออกมาอย่างเต็มใบหน้า
เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พวกเขาคือกลุ่มของเฉินเฉียงที่ฆ่ากวาดล้างเหล่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้า
และด้วยภายใต้การนำของกัวเหลียง เหล่าศิษย์กลุ่มเหมันต์จันทรา ก็ได้กู่ร้องคำคำหนึ่งขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง “ผอ.จงเจริญ”
อีกฟากฝั่งหนึ่ง เหล่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตที่มัวแต่เอ้อระเหยลอยชายแล้วพึ่งจะมาถึงแล้วพบศพศิษย์แผนกเดียวกันนอนกองกับพื้นเป็นซาก พวกเขาก็โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น แต่กระนั้น พว วกเขาก็ทำได้แค่เพียงจ้องมองไปที่กลุ่มของกัวเหลียงด้วยสายตาที่เกลียดชังได้เพียงเท่านั้น
เมื่อเห็นฉากนี้ กัวเหลียงก็ได้พูดถ่มถุยออกมาในทันที
เขาเชิดหน้าชูคอและพูดจาหาเรื่องในทันใด “อะไร มีปัญหาเรอะ เข้ามา มากัดคอข้าเลยมา”
เหล่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตที่ถือตัวว่าตนเองอยู่สูงกว่าใครนั้นไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาถูกใครบางคนกล้าพูดจายียวนอ้อนเท้าขนาดนี้
และนี่ก็ทำให้ศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตสิบกว่าคนพุ่งตรงเข้าไปหากัวเหลียง
อย่างไรก็ตาม ศิษย์เหล่านี้คิดไม่ถึงว่าก่อนที่พวกเขาจะพุ่งตรงไปถึงตัวกัวเหลียง เฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งก็ได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง
แถมครั้งนี้เขาฆ่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตไปมากกว่าครั้งก่อนหน้า ศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตเกือบร้อยคนตกตายในทันที
เฉินเฉียงที่กลับไปยังที่นั่งของตนในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งได้สบถออกมาทีหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆหย่อนก้นนั่งลงไป ก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่ผู้อาวุโสเฟิงแล้วพูดออกมา “ผู้อาวุโสเฟิง เจ้าจัดก การอบรมสั่งสอนศิษย์แผนของเจ้ายังไงกัน ห้ะ เจ้านั้นอยากจะตกตายตามไปรึเปล่า”
หลังจากเห็นศิษย์ของตนร่วมร้อยคนตกตายกันเป็นทิวแถว ผู้อาวุโสเฟิงย่อมปวดใจเป็นธรรมดา
แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เขานั้นอดจะสงสัยไม่ได้ว่าผอ.จ้งที่เป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตเช่นเดียวกันนั้นเป็นบ้าอะไรกันแน่
ทำไมเขาถึงได้สร้างความยากลำบากให้กับแผนกหุ่นเชิดโลหิตถึงขนาดนี้กัน
ผุ้อาวุโสเฟิงพูดออกมาด้วยใบหน้าที่มึนตึง “ท่าน ผอ. ข้าไม่รู้จริงๆว่าท่านนั้นไปโกรธเกรี้ยวสิ่งใดมา ถึงกับทำให้ท่านนั้นต้องลงมือกับศิษย์ร่วมร้อยคน รวมถึงผู้อาวุโสฉีอีก ท่าน นผอ. ได้โปรดอธิบายให้ข้าผู้นี้รับรู้ด้วยเถิด ข้าจะได้ไม่ปฏิบัติทำในสิ่งที่ผิดเหล่านั้น”
“ไม่ปฏิบัติทำในสิ่งที่ผิดรึ พูดได้ดี” เมื่อเฉินเฉียงได้ยินคำพูดนี้ก็มีท่าทีที่ผ่อนคลายลง นี่ทำให้ผู้อาวุโสเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะถอดถอนลมหายใจออกมา
“ผู้อาวุโสเฟิง เจ้าเองก็คงพอที่จะรับรู้เรื่องราวมาบ้างแล้วกระมัง”
“มันเป็นเรื่องที่ตอนข้านั้นไม่อยู่สำนักแล้วกลับมาถึงก็พบว่ามีคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้มาหาข้า ถึงแม้ว่าข้านั้นจะไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร แต่กับไอ้ท่าทางของเจ้ากับไอ้ แก่ฉีนั่นที่ทำให้รู้สึกถึงปัญหาบางอย่าง”
“ทุกคนที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้อาวุโสของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้า หากมีเรื่องอันใด พวกเจ้าก็ควรจะแบ่งปันข้อมูล และพูดคุยเพื่อหาวิธีรับมือร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือสิ่งที่ ผู้บริหารสำนักควรกระทำในยามที่ข้าไม่อยู่”
“แต่ดูไอ้แก่เวรนั้นกระทำสิ มันตัดสินใจเองเออเองอยู่คนเดียวแทนข้า”
“หากเป็นเช่นนั้นแล้วข้าจะมีขยะอย่างพวกเจ้าเป็นผู้อาวุโสประจำแผนกทำไมกัน ห้ะ”
ยิ่งเฉินเฉียงพูดออกมา อารมณ์ที่เคยสงบก็ราวจะเดือดดาลขึ้นมาอีก นี่ทำให้ผู้อาวุโสเฟิงถึงกับนึกเสียใจในคำที่พูดออกมาก่อนหน้า
“นั่นคือเรื่องที่หนึ่ง”
“เรื่องที่สอง”
เฉินเฉียงได้พูดต่อ “วิหารศักดิ์สิทธิ์ต้องการให้สำนักของเรานั้นทำอะไรบางอย่าง แต่ในเมื่อข้าไม่อยู่ พวกเจ้าในฐานะที่ต้องรักษาการแทน ก็ต้องรับรู้เรื่องราวต่างๆ เพื่อพูดคุย กันหาวิธีการไว้ล่วงหน้า เรื่องนี้ข้าเองเข้าใจอยู่”
“แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ ทำไมผู้อาวุโสทุกคนได้รับรู้หมด ยกเว้นเพียงผู้อาวุโสตงเพียงเท่านั้นกัน”
“ผู้อาวุโสเฟิง บอกข้ามา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้อาวุโสตงที่ยืนรับฟังอยู่ข้างๆก็ถึงกับต้องถอดถอนลมหายใจออกมา พร้อมกับใบหน้าที่ราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่กระนั้น เขาก็ไม่ได้พูดออกมาซึ่งสิ่งใ ใด
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสูงผู้หนึ่งของสำนักเต๋าที่มีชื่อเสียง ผู้อาวุโสตงนั้นรับรู้ดีถึงเหตุผล นั่นก็เพราะสำนักเต๋าต่างๆทั่วทั้งโลกปีศาจล้วนแล้วประสบพบเจอสิ่งเดียวกัน ประดุ จดั่งพวกเขานั้นโดนกดดันจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ เพื่อไม่ให้หลงเหลือผู้บ่มเพาะบนเส้นทางนี้อยู่ในโลกปีศาจเลยก็ว่าได้ และนี่จึงทำให้เหล่าผู้บ่มเพาะบนเส้นทางยุทธไม่อาจลืมตาอ้า าปากได้โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต
แน่นอนว่าผู้อาวุโสเฟิงเองก็รับรู้เรื่องนี้อยู่เต็มอก
แต่เขานั้นไม่รู้ว่าจะอธิบายกับผอ.จ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงดีเมื่อโดนถามแบบนี้
มันเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คนบนโลกปีศาจไปเช่นเดียวกับการกินและการนอน แล้วมันต้องอธิบายออกมาอีกด้วยงั้นรึ
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสเฟิงนั้นไม่มีท่าทีที่จะตอบอยู่นอน เฉินเฉียงก็พูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว “พวกเรานั้นแม้จะพักวางเรื่องนี้ได้ก็จริง แต่มันก็ยิ่งทำให้ข้าต้องนึกสงส สัยยิ่งกว่าเดิมว่าทำไมผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักถึงไม่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้กัน”