ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 474 ผู้คุมกฎ
บทที่ 474 ผู้คุมกฎ
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้อาวุโสเฟิงถึงกับต้องรีบอธิบายออกไป “ท่าน ผอ. ข้าอธิบายเรื่องนี้ได้ ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้แต่เดิมก็ตั้งใจจะบอกท่านผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักของเราอยู่แล้ว แต่ผู้อาวุโส….ไอ้แก่ฉีผู้นั้นกลับบอกว่ามันไม่เห็นมีความจำเป็นต้องให้ท่านรู้ แถมบอกอีกว่าท่านผู้อาวุโสผู้คุมกฎนั้นให้ความสนิทสนมกับศิษย์แผนกวิชายุทธมากเกินไป ก็เลย.. …”
เฉินเฉียงได้พูดขัดขึ้นมาในทันที “ถูกต้อง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงฆ่าไอ้แก่ฉีผู้นี้ไป”
“ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าในช่วงที่ผ่านมา ไอ้แก่ฉีผู้นี้กับผู้คุมกฎสำนักมีปัญหาไม่ลงรอยต่อกัน จนถึงขั้นจะประลองเป็นตายกันให้ได้”
“ถึงแม้สภาผู้อาวุโสสำนักนั้นจะมีกฎมากมายที่ทำให้ต้องปฏิบัติตามในเรื่องข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะเรื่องสำคัญเช่นนี้ แต่ไอ้แก่ฉีกลับเลือกที่จะมองข้ามกฎพวกนั้นแล้วใช้เหตุผลที่ว่ามีเ เรื่องขัดแย้งกันกล้าก่อความผิดร้ายแรงนี้อย่างไม่ใส่ใจในผลของการกระทำ”
“งั้นเจ้าช่วยบอกข้าทีนะผู้อาวุโสเฟิง”
“กับไอ้ตัวพันธุ์นี้แล้วข้าลงมือฆ่ามันไป เจ้าคิดว่าข้าตัดสินใจผิดไปสินะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้ง ผู้อาวุโสเฟิงก็รีบเปลี่ยนท่าทีตอบกลับในทันใด “ท่านผอ.กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ไอ้แก่ฉีใช้สถานะของตนปฏิบัติตัวอย่างตามใจ หากว่ากันตรงๆข้าเองก็ไม่พอใจมันผู้นี้มานานแล้วเหมือนกัน”
“มาในตอนนี้มันยังคิดจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับผู้อาวุโสผู้คุมกฎสำนักเพียงเพราะความแค้นส่วนตัว มันสมควรตายได้แล้ว ฆ่าได้ดีจริงๆ”
หลังจากนั้นผู้อาวุโสคนอื่นๆก็ก่อนเสียงหนึ่งอย่างพร้อมเพรียง “ท่านผอ.จงเจริญ”
นอกจากผู้อาวุโสเฟิงแล้ว ผู้อาวุโสคนอื่นล้วนแล้วแต่ไม่แยแสกับการตายของผู้อาวุโสฉี
ส่วนผู้อาวุโสเฟิงนั้น……
ในฐานะที่เป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตคนหนึ่ง คนเช่นเขานั้นล้วนแล้วแต่มีใจที่ด้านชาเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปทั้งหมดทั้งสิ้น ตราบใดที่เขาไม่ต้องพบเจอความตาย เขาจะไปแยแส สอะไรกับชีวิตของผู้คนอื่นกัน
“ส่วนเหตุผลที่ข้าฆ่าล้างศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตไปนั้น….”
“ผู้อาวุโสเฟิง เจ้าบอกเองก็แล้วกัน”
เฉินเฉียงได้โยนไปให้ผู้อาวุโสเฟิงตอบแทนอีกครั้ง
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้อาวุโสเฟิงก็สะดุ้งเฮือกไปเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่อยากแต่เขาก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า ก่อนจะมองไปยังใบหน้าของศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตที่ยังพอหลงเหลืออยู่บ้างที่กำ ำลังแสดงออกมาอย่างคนโง่งมไม่รู้ว่าพวกตนทำสิ่งใดผิดไป ก่อนที่จะทำใจแข็งพูดออกมาในที่สุด “สิ่งที่ผอ.กระทำนั้นถูกต้องแล้ว”
“อย่าบอกนะว่าพวกเจ้ายังไม่รู้ว่าทำสิ่งใดผิดไปกันน่ะ ห้ะ”
ถึงแม้ศิษย์เบื้องล่างนี้จะยังไม่รู้ว่าพวกตนทำสิ่งใดผิดไป แต่ยังพวกเขาก็ยังบอกได้ว่าการกระทำของพวกตนเมื่อครู่เป็นตัวก่อให้เกิดเรื่องเลือดนองเมื่อครู่ขึ้นมา
หากพวกเขายังคิดไม่ออก ดีไม่ดีอาจจะถูกผอ.จ้งเข่นฆ่าจนหมดสิ้นเลยทีเดียว
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสเฟิงนั้นไม่อาจทำได้แม้แต่จะทำให้ศิษย์ของตนเองพูดออกมา เฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งก็แสดงออกด้วยใบหน้าที่มึนตึงแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะ ะเยียบ
“ผู้อาวุโสเฟิง เจ้าไปยืนอยู่ข้างๆ และคอยฝังสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ให้ดี”
หลังจากได้ยินคำพูดที่ราวกับจะเป็นวาจาสิทธิ์นี้ ผู้อาวุโสเฟิงโค้งตัวต่ำอย่างที่สุดก่อนที่จะถอยร่นไปอยู่ข้างๆอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปาดเหงื่อที่ไหลโชกในทันที
เฉินเฉียงกวาดตามองไปที่ศิษย์ทุกคนก่อนจะตกอยู่ที่เหล่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิต ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น “พวกเราต่างก็ถือได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต ตด้วยกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ และข้าเชื่อว่าศิษย์ทุกคนนั้นต่างก็รับรู้ในเรื่องนี้”
“เหล่าผู้ที่อยู่ในสำนักแห่งนี้ต่างก็รับรู้กันเป็นอย่างดีว่าสำนักสวรรค์ชั้นฟ้าของเรานั้นให้ความสำคัญพร้อมทั้งมอบวัสดุบ่มเพาะที่ดีที่สุดให้แก่ศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิต”
“แต่นั่น กลับทำให้ศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตแทนที่จะสำนึกในบุญคุณ กลับทำตัวโอหังและวางท่ากร่างไปทั่ว”
“ถึงแม้ข้าจะไม่อยากถือสาหาความ แต่ดูเหมือนว่าพวกเจ้านั้นจะหลงลืมไปสิ่งหนึ่ง”
“ไม่ว่าเจ้าจะตัวพองขนขนาดไหนก็ตาม แต่พวกเจ้านั้นคือคนที่ไร้ค่า จนต้องตัดใจเลือกเส้นทางบ่มเพาะสายนี้”
“เมื่อเทียบกับศิษย์แผนกวิชายุทธแล้ว พวกเจ้าเองก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งบนเส้นทางที่ศิษย์แผนกวิชายุทธ์ต้องฟันฝ่าไปให้ได้ก็เท่านั้น”
“พวกเจ้าที่ทำตัวสูงล้ำ แต่ในความจริงนั้นล่ะมันเป็นเช่นใด”
“ลองถามใจของพวกเจ้าดูสิว่าหากพวกเจ้าไม่มีเคล็ดวิชานี้แล้วพวกเจ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง”
“ผู้อาวุโสเฟิง คำพูดของข้าผิดหรือไม่”
ถึงแม้ผู้อาวุโสเฟิงจะอยากพูดไม่ยอมรับอย่างเต็มปาก แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้มีหรือที่เขาจะบอกปฏิเสธคำพูดนี้ได้
นั่นก็เพราะหากเขาบอกปฏิเสธไม่เห็นด้วยไป ผอ.จ้งอาจจะโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ดีไม่ดีจะสังหารเขาทิ้งเอาเสียดื้อๆ
“ท่านผอ.กล่าวได้ถูกต้องแล้ว พวกเราเป็นเช่นนั้นจริงๆ ฮี่ฮี่ฮี่”
เฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งเมื่อได้ยินก็พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตเบื้องล่าง “เป็นการดีหากพวกเจ้ารู้ว่าสถานะของตนเองนั้นเป็ นเช่นใด จะไม่ทำตัววางท่ากร่างไปทั่วเช่นนี้อีก”
“หากผู้ใดก็ตามที่อยู่ในสำนักแห่งนี้ได้ยินหรือได้เห็นใครก็ตามที่ทำตัววางท่าใหญ่โตอย่างเกินการ คนผู้นั้นจะถูกตัดสินโทษสูงสุด”
“เฉกเช่นเดียวกับเหล่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตที่ก่อนหน้านี้กล้าทำตัวโอหังไม่เห็นหัวผู้ใด”
“แล้วก็นะ หากมีใครสงสัยในการตัดสินใจของข้าผู้นี้ หึหึหึ….”
เฉินเฉียงไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ หลังจากหัวเราะสั้นๆอย่างหนักแน่นจนตัวโยน เขาก็ได้ยืดคอและสะบัดมือของตนไปที่คอของตน แสดงออกว่าชะตาขาดเป็นแน่แท้
หลังจากเฉินเฉียงนิ่งเงียบเพื่อดูปฏิกิริยาของศิษย์ตรงหน้าแล้วไม่มีใครคิดจะขัดขืน เฉินเฉียงก็ได้พูดต่อ “ศิษย์แผนกวิชายุทธ หลู่จี้ นับจากวันนี้ไป เจ้ามาเป็นผู้ช่วยของข้า คอย จัดการเรื่องราวพวกนี้”
“อ้อ แล้วก็ตำแหน่งผู้อาวุโสผู้คุมกฎหอตำราที่พึ่งจะว่างลงไปนั้นให้ผู้อาวุโสตงแห่งแผนกวิชายุทธรักษาการไปชั่วคราว”
ผู้อาวุโสตงที่ยืนอยู่เฉยๆราวกับตามเรื่องราวไม่ทันก็ได้ป้องมือโค้งคำนับ แสดงออกแทนคำขอบคุณ
ดูเหมือนว่าต่อให้เฉินเฉียงนั้นอยากจะสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับศิษย์แผนกวิชายุทธก็ตาม แต่ด้วยการที่พวกเขาถูกกดขี่ข่มเหงมานานทำให้เขานั้นไม่อาจทำได้ในเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตาม เหล่าศิษย์แผนกวิชายุทธนั้นกลับต่างออกไป เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ ต่างก็เฮลั่นกันในทันที
ส่วนศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตนั้นล้วนแล้วแต่ก้มหน้าก้มตา ต่อให้ไม่อยากก็ตาม
แต่กระนั้น ศิษย์หอผู้คุมกฎที่คอยปฏิบัติหน้าที่ตลอดมาผู้หนึ่งได้ยืนขึ้นมาและแสดงออกด้วยท่าทางที่กังขา “ผอ. การตัดสินใจของท่านไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ท่านผู้อาวุโสผู้คุมกฎหอตำ ำรานั้นได้สนองตอบต่อผู้อาวุโสทั้งหลายเป็นอย่างดีมาโดยตลอด แต่ในตอนนี้กลับให้แผนกวิชายุทธเป็นผู้จัดการ การตัดสินใจเช่นนี้มันได้ขัดกับกฎสำนักงั้นรึ”
เมื่อเฉินเฉียงได้ยิน เขาที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งเหลือบมองผู้อาวุโสเฟิงด้วยสีหน้าที่มืดครึ้มอย่างช้าๆ
“ผู้…อาวุโสเฟิง…หากเจ้าไม่อาจแก้ปัญหานี้ได้…ดูเหมือนว่าข้าเองคงต้องลงมือเองเสียกระมัง”
เมื่อเห็นท่าทางสั่งตายของเฉินเฉียงในตอนนี้ ผู้อาวุโสเฟิงก็รับรู้ได้ว่าตนเองกำลังถูกจ้องมองโดยเทพแห่งความตาย นี่ทำให้เขารีบตอบสนองพุ่งตรงไปหาศิษย์หอผู้คุมกฎผู้นี้ในทันท ที
ถึงแม้ผู้อาวุโสเฟิงจะเป็นราชาขั้นสูง แต่ความเร็วของเขาห่างไกลจากเฉินเฉียงมากนัก
นี่ทำให้เมื่อศิษย์ผู้นี้เห็นผู้อาวุโสเฟิงพุ่งตรงมา เขาจึงมีเวลาเคาะไปที่อกของตน
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็ได้ยื่นมือของตนออกไป ก่อนจะมีมือขนาดใหญ่พุ่งผ่านผู้อาวุโสเฟิงเข้าไปจับหุ่นเชิดโลหิตของศิษย์หอผู้คุมกฎผู้นี้ที่พึ่งจะพุ่งออกมาจากร่าง พลางขยำ ขยี้อย่างเบามือจนทำให้ร่างของหุ่นเชิดโลหิตตนนี้แตกกระจายต่อหน้าต่อตาผู้คน
ทุกๆการกระทำของเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งนั้น ล้วนแล้วอยู่เหนือจินตนาการของผู้คนที่จะนึกคิดได้
ส่วนศิษย์หอผู้คุมกฎผู้นี้ เมื่อไร้ซึ่งหุ่นเชิดโลหิตไปแล้ว เขาก็ถูกฝ่ามือของผู้อาวุโสเฟิงซัดเข้าที่หัวจนแตกกระจายในทันที
เฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งก็ได้พูดกับผู้อาวุโสตงด้วยน้ำเสียงที่ราวกับไม่ยี่หระในสิ่งที่ทำ “ผู้อาวุโสตง ข้าจะทำเป็นลืมสิ่งที่พึ่งจะเกิดขึ้นนี้ไปแล้วกัน แต่หากนับ จากนี้ยังมีเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกแล้วท่านยังทำตัวทองไม่รู้ร้อนเช่นนี้ ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่ไว้หน้าท่านทีหลังแล้วกัน”
เป็นตอนนี้ที่ผู้อาวุโสตงแสดงท่าทีที่เปลี่ยนไป
เขาโค้งตัวคำนับเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งอย่างเคารพก่อนจะพูดออกมา “ครับท่านผอ. สิ่งที่ท่านได้สั่งสอนศิษย์ผู้นั้นไปถูกต้องอย่างที่สุดแล้ว หากจะพูดออกมาได้เพียง งคำเช่นนี้ การเงียบไว้จะดีกว่ามากนัก”
เมื่อผู้อาวุโสเฟิงได้ยินก็ทำได้เพียงยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่เขาจะส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณไปหาเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งเพื่อแนะนำให้เขาพูดอะไรบางอย่า างต่อหน้าทุกคน
แต่เขานั้นกลับไม่คิดว่าเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งที่แสดงออกมาราวกับอารมณ์ยังไม่ดีนั้น ต้องการให้เขาเป็นผู้พูดต่อหน้าทุกคนแทนเสียอย่างนั้น
นี่ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอีกและได้พูดออกมา “ท่านผอ. ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ไม่เข้าใจจริงว่าทำไมในวันนี้ท่านถึงต้องสร้างความยากลำบากให้แก่ศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตด้วย ท่านเอง งก็เป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตเช่นเดียวกัน แล้วทำไมท่านถึงต้องทำให้ตัวของท่านต้องวุ่นวายถึงขนาดนี้ล่ะ”
คำพูดของผู้อาวุโสเฟิงนั้นราวกับเป็นคำพูดแทนใจของเหล่าศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ ก่อนที่พวกเขานั้นจะกล่าวสำทับออกมา “ใช่แล้ว ผอ. ท่านผู้อาวุโสเฟิงพูดได้ถู กต้องแล้ว”
“พวกเราล้วนแล้วแต่เป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตเหมือนกัน ทำไมท่านต้องทำอะไรให้มันมากความ”
“ทำไมพวกเราต้องเป็นฝ่ายป้องกันตนไม่ให้พลั้งมือฆ่าศิษย์แผนกอื่นกัน”
แม้แต่ผ้าอาวุโสตงเองก็มองเฉินเฉียงด้วยสายตาสงสัยไม่ต่างกัน