ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 61 ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ใหญ่
บทที่ 61 ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ใหญ่
“อาจารย์ ศิษย์น้องจะทำอะไรครับนั่น”
เหล่าศิษย์ในแผนกวิชายุทธพิเศษต่างก็ตกตะลึงในการกระทำของเฉินเฉียงที่กล้าที่จะพุ่งเข้าใส่หลู่ฟาง แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้ยกดาบของตัวเองขึ้นมาแต่อย่างใด เขากระทืบเท้าที่ตรงหน้าของหลู่ฟางและทำการถีบหลู่ฟางให้ลอยขึ้นไปจากพื้น
ฮู่ต้าไฮ่ที่กำลังจ้องมองฉากเหตุการณ์อย่างไม่กะพริบนั้น เมื่อได้ยินกัวเหลียงถามออกมา เขาก็ยังคงไม่ตอบเพียงแค่มองตามไปเท่านั้น
ในฐานะที่เป็นอาจารย์ของแผนกวิชายุทธพิเศษแล้ว ด้วยประสบการณ์อันมากมายของเขานั้นสามารถบอกได้เลยว่าเฉินเฉียงนั้นกำลังจะทำอะไรกันแน่
สายตาของฮู่ต้าไฮ่ในตอนนี้ฉายแววดุร้ายพร้อมกร่นด่าศิษย์เวรตะไรของเขาอยู่ในใจและพูดให้ความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เฉินเฉียงกำลังกระทำออกมา “ไอ้เด็กเวรนี่กล้าทำแบบนี้กับศิษย์พี่ของตนได้ยังไง”
“หากว่าเฉินเฉียงทำสำเร็จ แล้วหลู่ฟางจะเอาหน้าไปไว้ไหนระหว่างที่อยู่ในสำนักวะเนี่ย”
กัวเหลียงไม่ได้โง่ เพียงคำพูดแค่นี้ของฮู่ต้าไฮ่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารับรู้ได้ นี่ทำให้ศิษย์ในแผนกทุกคนที่ได้ยินก็เข้าใจได้ในทันทีเหมือนกัน
ศิษย์น้องไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ
หากว่าทำกับคนนอกแผนกก็ยังพอว่า แต่นี่เขากลับใช้วิธีการเดียวกันกับจ้าวฮั่นเพื่อชนะศิษย์พี่ใหญ่เนี่ยนะ
“อาจารย์ ศิษย์น้องจะทำมากเกินไปแล้ว”
“ต่อให้เขาชนะศิษย์พี่ได้ก็ไม่สมควรนับว่าชนะ”
“เรื่องนี้ทำให้พวกเรานั้นขายหน้าจริงๆ”
คนที่ลงข้างหลู่ฟางว่าชนะพูดออกมาด้วยเสียงอันหนักแน่น
“ไม่สนเฟ้ย”
คนที่พูดออกมาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นกัวเหลียง คนที่ลงพนันหนักกว่าใคร
ถึงแม้ว่าการกระทำของเฉินเฉียงจะน่าละอายจนไม่มีใครยอมรับ แต่เมื่อเทียบกับแต้มคะแนนกว่าหมื่นหกพันคะแนนที่เขาลงไว้แล้ว ต่อให้นี่มันจะดูโหดร้ายกับศิษย์พี่เขาไปหน่อยแต่หากชนะได้เขาก็ยินดียิ่ง
“ศิษย์น้องหลิว พวกเราไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ศิษย์น้องเฉินทำนั้นผิดกฎหรอกเนาะ ตราบใดที่เขาชนะได้ก็ไม่จำเป็นต้องสมควรเลือกวิธีการ อาจารย์คิดว่าอย่างนั้นรึเปล่าครับ”
ฮู่ต้าไฮ่พยักหน้ารับและพูดออกมากับศิษย์ของตนทุกคน “กัวเหลียงพูดได้ถูกต้องแล้ว”
“อาจารย์ ท่านพูดออกมาแบบนั้นได้ยังไง ท่านก็สอนพวกเราว่าให้มีหัวใจคุณธรรมไม่ใช่เหรอครับ แต่ที่กับการกระทำที่เกินเลยของศิษย์น้อง อาจารย์กลับจะคิดปล่อยเขาไปอย่างนั้นเหรอ”
“เอาล่ะ พวกเจ้าจงฟังอาจารย์” ฮู่ต้าไฮ่ในตอนนี้มีสีหน้ายิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าและพูดออกมาอย่างจริงจัง “พวกเจ้าทุกคนนั้นจงจดจำคำของอาจารย์ไว้ให้ดี ในตอนนี้พวกเจ้าอยู่ในสำนักอยู่ แน่นอนว่าพวกเจ้านั้นจะต่อสู้อย่างยุติธรรมและขาวสะอาดแค่ไหนก็ได้”
“แล้วถ้าพวกเจ้าออกไปนอกสำนักล่ะ”
“หากพวกเจ้าต้องไปเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดและมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงล้ำกว่ามากล่ะ”
“เมื่อถึงตอนนั้นแล้วพวกเจ้ายังคิดจะสู้กับพวกมันอย่างเท่าเทียมอยู่หรือไม่”
“อาจารย์บอกได้เลยว่าหากพวกเจ้าได้เผชิญหน้ากับพวกมันแล้วมีความคิดแบบนี้ พวกเจ้าจะต้องตกตายอย่างน่าอนาถ”
“การต่อสู้กับศัตรูนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้นั่นก็คือการฆ่าอีกฝ่ายให้ได้โดยไม่ต้องสนใจมนุษยธรรมหรือคุณธรรมใดๆ”
“หากว่าเฉินเฉียงชนะได้ในการต่อสู้นี้ เป็นหลู่ฟางเองที่ยังมีทักษะที่ไม่เพียงพอ”
“แต่สิ่งที่ข้าว่ามันนั้นเองก็เป็นเพียงกฎทางธรรมชาติของการต่อสู้ล่ะนะ ส่วนเรื่องผลการประลองนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่าได้ดูแคลนฝีมือของศิษย์พี่ของเจ้าเป็นอันขาด เขาไม่ใช่คนที่จะแพ้เพียงเพราะเรื่องแค่นั้น”
“หากไม่เชื่อก็รอดูไปแล้วกัน”
หลังจากพูดจบ ฮู่ต้าไฮ่ได้ยิ้มกริ่มออกมาและหันกลับไปมองสนามต่อ
เป็นอย่างที่ฮู่ต้าไฮ่ว่าเอาไว้ หลู่ฟางไม่ใช่คนที่จะแพ้ด้วยวิธีการแบบนี้
นั่นก็เพราะหลังจากที่เฉินเฉียงเตะศิษย์พี่ของคนลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว เขาก็พบว่าตนไม่สามารถใช้ดาบดั้นเมฆของตนโจมตีออกมาได้ตามที่ใจของเขาคิดไว้
เหตุผลก็เพราะว่าหลู่ฟางได้หนีบขาไว้แน่น ไม่มีช่องให้เฉินเฉียงทางสวนช่างว่างที่เขาคาดหวังเอาไว้
“ฮ่าฮ่า ศิษย์น้อง ศิษย์พี่ไม่คิดเลยจริงๆว่าเจ้าจะใช้วิธีการนี้กับศิษย์พี่ แต่ก็เอาเถอะนะ ยังไงซะกับการต่อสู้ในครั้งนี้เจ้าคงไม่อาจจะใช้วิธีนั้นกับศิษย์พี่ได้”
ด้วยการที่หลู่ฟางยังคงไม่ขยับแขนขากลางอากาศ นี่ถือว่าไม่ผิดข้อตกลงแต่อย่างใด
ตอนที่เขารู้วิธีการที่จ้าวฮั่นต้องพ่ายแพ้ให้กับเฉินเฉียงแล้ว ต่อให้ไม่ได้สู้กับเฉินเฉียงเขาก็ได้คิดวิธีการตอบโต้เอาไว้แล้ว
เฉินเฉียงเมื่อเห็นว่าศิษย์พี่ของตนนั้นไม่ปล่อยช่องว่างของเขาให้เผยออกมาแม้แต่น้อย นี่ทำให้เขาทำอะไรต่อไม่ถูกไปเหมือนกัน
แต่เมื่อนึกถึงการบ่มเพาะฝึกฝนร่างกายเบื้องต้นระดับสุดยอดที่ลอยอยู่ตรงหน้าแล้ว เฉินเฉียงเองก็ยังต้องการที่จะลองดูอยู่
ถึงแม้ว่าการใช้พลังงานสายเลือดจะทรงพลังหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนที่ใช้ก็ตาม แต่ตราบใดที่ศิษย์พี่ของเขายังสูญเสียการควบคุมพลังสายเลือดนี้ เฉินเฉียงก็ยังมีโอกาสที่จะทะลวงชั้นพลังที่ศิษย์พี่ของเขาเคลือบร่างกายเอาไว้ได้
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงได้ปรากฏกายหน้าหลู่ฟางอีกครั้ง
ในครั้งนี้เขาใช้การเคล็ดวิชาการบ่มเพาะสะกดข่มมารสวรรค์
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงไม่คาดคิดว่าเมื่อศิษย์พี่ของตนถูกเคล็ดวิชานี้เข้าไปแล้ว เขากับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่สะบัดหัวไปมาเล็กน้อยก็กลับมาได้สติอีกครั้ง
“ฮี่ฮี่ ศิษย์พี่ไม่คิดเลยจริงๆว่าศิษย์น้องจะรู้เทคนิคการโจมตีวิญญาณด้วยนะเนี่ย”
“แต่ก็อีกล่ะนะ ดูเหมือนศิษย์น้องจะยังไม่รู้ว่าศิษย์พี่มีพลังวิญญาณมากกว่าคนทั่วไป”
“นี่เองก็เป็นผลทำให้พวกแผนกวิญญาณไม่กล้าจะท้าทายศิษย์พี่ก่อนเลยแม้แต่น้อย”
“นอกซะจากว่าศิษย์น้องนั้นจะมีระดับของเคล็ดวิชาสะกดข่มมารสวรรค์ระดับต้นแล้ว ค่อยมาใช้วิธีการนี้กับศิษย์พี่นะ”
เมื่อเห็นว่าวิธีการโจมตีทางวิญญาณไม่อาจใช้กับศิษย์พี่ของตนได้แล้ว เฉินเฉียงในตอนนี้นึกอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่กล้าจะถอนพลังวิญญาณที่ใช้ป้องกันร่างกายออกรึเปล่า”
หลู่ฟางหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “ศิษย์น้อง เจ้าคิดว่าศิษย์พี่คนนี้จะโง่งมรึไงกัน ไม่งั้นข้าจะเป็นศิษย์พี่ของเจ้าได้ยังไง”
“ไอ้เรื่องที่เจ้านั้นจะให้ศิษย์พี่ไม่ให้ใช้มือเท้านั้นศิษย์พี่ย่อมไม่มีปัญหา แต่นี่กลับมาขอให้ศิษย์พี่ถอนพลังสายเลือดออกเนี่ยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ขอให้ศิษย์พี่ยื่นหัวให้เจ้าตัดไปเลยล่ะ”
“ฮี่ฮี่ฮี่ หากว่าทำแบบนั้นได้เลยล่ะก็ศิษย์น้องคนนี้จะยินดียิ่งเลยครับ”
แน่นอนว่าเฉินเฉียงรู้ดีว่าศิษย์พี่ของเขาล้อเล่น แต่หลังจากคิดไปสักพัก เฉินเฉียงก็ได้พูดต่อว่า “ศิษย์พี่ หากว่าศิษย์พี่ไม่ถอนพลังสายเลือดออกไป ข้าก็ทำอะไรท่านไม่ได้ แต่มือกับเท้าของท่านนั้นก็ไม่อาจใช้โจมตีข้าได้เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นแบบนี้ทำไมเราไม่ถือว่าเสมอกันล่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลู่ฟางได้หัวเราะออกมาอย่างดังลั่นสนาม “ศิษย์น้อง ดูเหมือนว่าเจ้าเองจะใช้ทุกอย่างที่มีออกมาแล้วสินะ ในเมื่อเป็นแบบนั้น คราวนี้คงถึงตาศิษย์พี่แสดงพลังให้ศิษย์น้องเห็นบ้างแล้ว”
“เดี๋ยวๆๆ ศิษย์พี่ ท่านสัญญาว่าจะไม่ใช้มือเท้าทำอะไรไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อาจารย์และศิษย์พี่คนอื่นๆเองก็ยังมองอยู่นา อย่าบอกว่าศิษย์พี่จะผิดข้อตกลงน่ะ”
เฉินเฉียงที่ได้ยินก็ได้แสดงความตระหนกขึ้นมาในทันเมื่อรู้ว่าหลู่ฟางเตรียมที่จะสวนกลับ
แต่เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าศิษย์พี่ของตนนั้นจะทำยังไงกันแน่
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องไม่ต้องเป็นกังวลไป ศิษย์พี่คนนี้เองก็เป็นคนรักษาคำพูดเหมือนกัน และศิษย์พี่ก็ยังยึดคำมั่นที่ว่าจะไม่โจมตีเจ้าด้วยมือและเท้า”
“แต่ว่านะ ศิษย์น้องเอ้ย เจ้าคิดจริงๆหรือว่าศิษย์พี่คนนี้จะทำอะไรไม่ได้หากไม่มีมือและเท้าน่ะ”
“หากคิดเช่นนั้น จงดูและพ่ายแพ้ไปซะ”
เมื่อพูดจบ หลู่ฟางที่ยังคงยืนอยู่โดยที่มือไพล่หลังอยู่นั้น เขาได้ยกอกขึ้นสูดลมเข้าจนพองโตประดุจดั่งลูกบอลลูน ดวงตาของเขาเบิกกว้างและมองไปทางเฉินเฉียง ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้เปิดปากแล้วคำรามออกไปยังทิศทางที่เฉินเฉียงอยู่
“ว้ากกกกก”
ด้วยการที่ลอบสนามประลองนี้มีม่านพลังปิดกั้นเอาไว้ เสียงคำรามของหลู่ฟางเองก็ได้สะท้านกลับตีไปมาอยู่ข้างในนั้น ส่วนที่นอกสนามนั้น ในตอนนี้เหล่าศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษเห็นเพียงหลู่ฟางที่เปิดปากอ้าค้าง
แต่ถึงจะไม่ได้ยินเสียง ขนแขนของทุกคนนั้นกลับลุกชัน พลังงานสายเลือดของพวกเขานั้นกลับสูบฉีดและไหลเวียนไปทั่วร่างอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นฉากนี้
ด้วยเสียงที่ทรงพลังนี้เมื่อนำมาใช้ในพื้นที่ปิดอย่างบนสนาม เฉินเฉียงที่เคยดูฉลาดเฉลียวที่ตอบโต้ได้ทุกการโจมตีนั้นกลับไม่อาจหลบหนีและทำได้เพียงฝืนต้านทานไว้
ภายใต้สายตาของทุกคนนั้นเฉินเฉียงในตอนนี้ไม่เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดในทันที เขายอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ด้วยรอยยิ้มในทันที