ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 90 ชายสวมหน้ากาก
บทที่ 90 ชายสวมหน้ากาก
หลังจากกล่าวลา ผอ. เฉียนแล้ว เฉินเฉียงก็ไปรับภารกิจล่าค่าหัวจากหอภารกิจและรีบออกจากสำนักไป
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาจากไป ผู้คุมหลิวแห่งหอภารกิจก็ได้แขวนป้ายว่าเฉินเฉียงออกไปทำภารกิจ และนี่ก็ได้เตะตาผู้คนในทันที
“อาจารย์ ศิษย์น้องดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะออกไปทำภารกิจที่นอกสำนักครับ” ในห้องพักของฮู่ต้าไฮ่ กัวเหลียงเข้ามารายงาน
“โอ้ ก็ดีนะ ออกไปข้างนอกซะบ้างจะได้สั่งสมประสบการณ์” ฮู่ต้าไฮ่พูดก่อนจะถามออกมา “แล้วเจ้าเด็กนั่นได้ส่งข้อความมาหาเจ้ารึถึงได้รู้ได้”
“ไม่ครับ ข้าได้ยินมาว่าทันทีที่ศิษย์น้องออกไปทำภารกิจ ก็ได้มีป้ายแขวนที่บอกว่าเขานั้นไปทำภารกิจ พอข้าไปดูก็เห็นเป็นจริงจึงได้รีบมารายงาน”
“ฮะ”
ฮู่ต้าไฮ่ที่ได้ยินก็กระโดดโหยงออกจากเก้าอี้และพุ่งตรงไปที่หอภารกิจอย่างรวดเร็วประดุจว่าเขากำลังบินไป
“ผู้คุมหลิว ออกมานี่เดี๋ยวนี้”
เมื่อเห็นใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของฮู่ต้าไฮ่ ผู้คุมหลิวก็ได้รีบออกมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าในทันที “โอ้ อาจารย์ฮู่ ท่านมีเรื่องอันใดรึ”
“เรื่องอันใดงั้นเหรอ” ฮู่ต้าไฮ่ถามซ้ำก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่ประตูแล้วถามออกมา “ก่อนหน้านี้เวลาศิษย์ออกไปทำภารกิจจะไม่มีการนำข้อมูลออกมาบอกแบบนี้นี่หว่า แล้วนี่เจ้าทำมันไปเพื่ออะไรกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อาจารย์ฮู่ ท่านอย่าได้เข้าใจข้าผิดไป “พวกเราหอภารกิจพึงจะได้รับคำสั่งจากผอ.ในวันนี้ว่า นับแต่นี้ ไม่ว่าศิษย์คนไหนก็ตามได้ออกไปทำภารกิจ จะต้องแขวนป้ายประกาศเกี่ยวกับการทำภารกิจของศิษย์คนนั้นไว้ที่หน้าหอ ข้าเองก็เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น”
“เจ้าจะบอกว่านี่คือคำสั่ง ผอ. งั้นเรอะ”
ฮู่ต้าไฮ่เสียงเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อได้ยิน
“แน่นอน ไม่อย่างนั้นทางหอภารกิจจะกล้าจะทำแบบนี้ได้ยังไง”
ฮู่ต้าไฮ่ในตอนนี้ได้ขมวดคิ้วแน่น และหลังจากเห็นเหล่าศิษย์มากมายได้มารวมตัวกัน เขาได้กร่นเสียงไม่พอใจออกมาหนึ่งทีก่อนที่จะจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“เฮ้ ศิษย์พี่ ท่านจะเอาด้วยรึเปล่า”
“อย่ามาทำเป็นพูดหน่อยเลย ดูจากป้ายประกาศนี้แล้ว เฉินเฉียงเองสมควรจะไปยังไม่นาน ข้าว่าไอ้หมอนั่นส่งคนไปดักจับแล้วแหงๆ”
ในตอนนี้ ศิษย์สำนักมากมายได้ก้มหัวพูดคุยกันเกี่ยวการก่อเรื่องร้ายที่หน้าหอหลังจากที่ได้เห็นป้ายประกาศนี้แล้ว ไม่นาน พวกเขาก็ได้ทยอยหายไป
ในขณะเดียวกัน จ้าวฮั่นเองก็เหมือนจะได้รับข่าวนี้ก่อนใครเขาเพื่อนเลยด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่า ข้าบอกแล้วว่าไอ้ตัวโอหังนั้นมันไม่มีทางมุดหัวอยู่แต่ในสำนักได้หรอก”
“ดี ดีแล้วที่มันออกไปจากสำนัก”
“โฮ่วจิ้ รีบส่งคนออกไปฆ่ามันซะ”
“ใครก็ตามที่นำหัวเฉินเฉียงกลับมาได้ นอกจากมันผู้นั้นจะได้แก่นโลหิตสัตว์ประหลาดระดับราชาแล้วข้าจะมอบรางวัลค่าหัวให้อีกหนึ่งหมื่นแต้มคะแนน”
“หนึ่งหมื่นแต้มคะแนน นายน้อยจ้าว เงินรางวัลสูงขนาดนี้ ไหนจะแก่นโลหิตนั่นอีก ข้าเชื่อว่าแม้แต่ระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงก็ยังต้องเคลื่อนไหว”
“ฮึ่มมม นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการที่สุด” ดวงตาของจ้าวฮั่นได้ฉายแววเย็นเฉียบออกมาในทันที ก่อนจะพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยม “คราวนี้ ข้าต้องการให้มันได้ตกตายอยู่นอกสำนัก”
….
หลังจากออกจากสำนักไปแล้ว เฉินเฉียงได้ใช้ท่าเท้าของเขาพุ่งตรงไปยังถ้ำต้นหลิว
ภารกิจของเขาในครั้งนี้คือการไปที่นั่นและฆ่าเสือดาวเมฆเพลิง
ภารกิจนี้ สำหรับเขาแล้วไม่ได้ยากแต่อย่างใด
แต่เหตุผลที่เขารับภารกิจนี้มานั้นเป็นเพราะหาโอกาสออกจากสำนักและกลับไปเยี่ยมเยือนอาณานิคมเขาหมางเพียงเท่านั้น
และด้วยการที่ผอ.ให้เวลาเขาที่จำกัด สิ่งที่เขาต้องทำนั้นมีเพียงการกลับมาสำนักเต่าดำก่อนที่จะเริ่มการประลองสี่สำนักเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เพียงผ่านไปแค่ครึ่งวัน ด้วยการที่เขามีพลังจิตที่แข็งกล้า ทำให้เขานั้นพบว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ
มีใครบางคนตามเขามา
ดูเหมือนว่าข่าวที่เขาออกมาทำภารกิจนี้จะถูกเปิดเผยเข้าซะแล้ว
เขานั้นหวังเพียงว่าคนที่ตามมานี่คงไม่ใช้คนของจ้าวฮั่น ไม่อย่างนั้นเขาคงจะฆ่าคนที่มานี่ไม่ได้เป็นแน่
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงจึงได้หยุดเท้าลง ก่อนที่จะใช้ไร้ตัวตนและแฝงกายในเงามืด
หลังจากนั้นสักพัก มีชายสวมหน้ากากคนหนึ่งได้เข้ามาอยู่ในครรลองสายตาเขา
“ฮึ่มมม”
ชายสวมหน้ากากหยุดอยู่แถวๆจุดที่เฉินเฉียงกำลังซ่อนตัว และมองไปทั่วเพื่อค้นหาเฉิงเฉียนอย่างลังเลใจ
“ตามหาข้าอยู่รึ”
เฉินเฉียงได้ปรากฏจากเงามีดและมองไปที่ชายสวมหน้ากากอย่างเย็นชา
“เจ้าเองคงมาจากสำนักสินะถึงได้ตามข้ามาได้เร็วขนาดนี้ หากข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าเองก็สมควรจะเป็นศิษย์พี่ในแผนกบ่มเพาะสินะ”
“บอกมา จ้าวฮั่นเสนออะไรถึงทำให้เจ้ามาฆ่าข้าได้”
ชายสวมหน้าการนิ่งอึ้งไปในทันทีที่ได้ยิน “จ้าวฮั่น ฮึ่ม นี่เจ้าคิดว่าไอ้คนอย่างนั้นจะมาสั่งข้าได้รึ เจ้าประเมินข้าต่ำไปแล้ว”
“เฉินเฉียง ข้าไม่สนใจเอาชีวิตเจ้า ตราบใดที่เจ้าส่งแก่นโลหิตมาให้ข้า ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเจ้าอีก เจ้าว่าแบบนี้ดีหรือไม่”
“อ้าว จ้าวฮั่นไม่ส่งเจ้ามาหรอกรึ”
เฉินเฉียงประหลาดใจไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ฟังดูเขาก็พอจะเชื่อได้ว่าคนคนนี้ไม่ได้ถูกส่งมาโดยจ้าวฮั่นจริง เขาเชื่อว่าคนที่จ้าวฮั่นส่งมาจะต้องมีจิตสังหารที่มากล้น คนคนนี้สมควรจะมาหาเขาเพียงเพราะแก่นโลหิตที่อยู่ในมือเท่านั้น
“ฮี่ฮี่ฮี่ ถ้ามาเพราะแก่นโลหิตล่ะก็ ง่ายเลยล่ะ ยังไงก็ขอดูฝีมือเจ้าก่อนนะ”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้ดึงดาบดั้นเมฆออกมาพร้อมตั้งท่าโจมตี
“ฮ่าฮ่า ต้องการให้ข้าลงมือจริงรึ” ถึงแม้อีกฝ่ายจะยังสวมหน้ากากอยู่ แต่ด้วยเสียงที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้เขาบอกได้เลยว่าชายคนนี้กำลังดูถูกเขาอยู่จริงๆ และยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อได้เห็นแววตาที่กระหยิ่มยิ้มย่องนั่น
“แล้วจะให้ข้ามอบให้เฉยๆน่ะรึ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางดูถูก เฉินเฉียงก็เริ่มโกรธขึ้นมา เขาได้ใช้พลังสายเลือดเคลือบดาบดั้นเมฆของเขา ก่อนที่จะใช้เพลงดาบหนึ่งในกระบวนท่าดาบทำลายวิญญาณขั้นต้น มังกรคลั่ง พุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายในทันที
ดาบของเฉินเฉียงนี้รวดเร็วอย่างมาก ดาบดั้นเมฆของเขานั้นได้ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายในทันที แต่ศัตรูของเขาไม่มีท่าทีที่จะขยับตัวป้องกันแต่อย่างใด มือของเขาได้ปรากฏคลื่นพลังงานสายเลือดสีเขียวและรับการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย จนทำให้เขาต้องร่นถอยหลังไปหลายสิบเมตร
ระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงช่วงปลาย
เพียงการเคลื่อนที่เดียวของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาเข้าใจระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายได้อย่างถ่องแท้ นั่นก็เพราะคลื่นพลังสายเลือดที่เขาใช้นั้นอยู่ในระดับเดียวกับอาจารย์ของเขา ฮู่ต้าไฮ่ ที่เคยได้ใช้ให้เขาเห็นก่อนหน้านี้
ชายคนนี้เองก็สมควรจะเป็นอาจารย์คนหนึ่งของสำนักเต่าดำ
ในตอนแรกที่เขาสงสัยชายคนนี้เป็นศิษย์ในแผนกบ่มเพาะนั้นสมควรจะผิดพลาดไป ด้วยการที่อีกฝั่งมีการบ่มเพาะระดับนี้ได้ เขาสมควรจะเป็นอาจารย์คนหนึ่งในแผนกบ่มเพาะ และไม่ใช่หลู่คังเฟิง
นั่นก็เพราะเขาเองเคยได้เห็นหลู่คังเฟิงมาก่อน ท่าทางลักษณะของชายคนนี้แตกต่างจากหลู่คังเฟิงอย่างสิ้นเชิง แต่ที่เขามั่นใจว่าเป็นอาจารย์คนนั้นเพราะชายคนนี้มีท่าเท้าทีที่ดีทีเดียว
เฉินเฉียงไม่เลือกสู้ต่อแต่อย่างใด เขาได้เก็บดาบดั้นเมฆก่อนที่จะพูดออกมาด้วยท่าทีสุขุม “หากข้าเข้าใจไม่ผิด ท่านเองก็สมควรจะเป็นอาจารย์คนหนึ่งของสำนัก ใช่หรือไม่ แล้วอะไรที่ทำให้คนระดับท่านต้องมาลงแย่งชิงศิษย์ในสำนักตัวเองด้วยเล่า”
ชายคนนี้ได้ถอดถอนลมหายใจออกมาในทันทีเมื่อได้ยิน
“เฮ้ออออ เฉินเฉียง ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะมาสร้างความยุ่งยากให้กับลูกศิษย์ชั้นดีอย่างเจ้า ขอพูดตรงๆแล้วกันว่าเป็นเพราะระดับการบ่มเพาะของข้ามันค้างเติ่งมานานเกินไป ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่มาทำเรื่องตกต่ำแบบนี้หรอก”
“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อโอกาสมาอยู่ใกล้แค่เอื้อมแบบนี้ ข้าเองก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้มันหลุดรอดออกไปอย่างแน่นอน เฉินเฉียง ข้าต้องขอโทษจริงๆ”
“เอาอย่างนี้เป็นยังไง ตราบใดที่เจ้ายอมยกแก่นโลหิตนั่นให้ข้า ข้ายินดีที่จะมอบแต้มคะแนนหนึ่งแสนแต้มให้เจ้า เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง”
เฉินเฉียงยิ้มออกมา เขาบอกได้ในทันทีว่าฝ่ายตรงข้ามเขาคนนี้ไม่มีความคิดที่จะฆ่าเขาได้โดยง่าย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ดี
เขาเองไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสที่จะได้สู้กับระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงมาก่อน
หากเป็นโดยปกติแล้ว ด้วยสิ่งล่อลวงที่ทรงคุณค่าอย่างแก่นโลหิตนี้ เขาคงไม่มีโอกาสที่จะได้ประลองกับศัตรูอย่างยุติธรรมเป็นแน่
แต่เมื่อนี่ไม่ใช่การประลองที่ฆ่ากันตายไปข้างหนึ่ง เขายังคงมีโอกาสได้ลอง
ลองดูว่าทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอย่างทักษะขุดรูจะทรงพลังไปได้ถึงไหนแล้ว