ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 31
หลังจากที่ หลินเฉิง เดินตาม ลูกพี่เฉิน เขาก็สังเกตสถานการณ์รอบตัวไปด้วย และเนื่องจากไม่มีหน้าต่างในซุปเปอร์มาเก็ตผู้รอดชีวิตคนอื่นๆจึงจุดไฟในที่โล่งๆ มีหลายคนนั่งข้างกองไฟเพื่อให้ร่างกายของพวกเขาอบอุ่น และเขายังพบอีกว่าสัดส่วนของผู้หญิงในกลุ่มผู้รอดชีวิตนี้มีจำนวนเกือบเท่ากับผู้ชายดูเหมือนว่าจะเป็นพวกแม่บ้านที่มา ซุปเปอร์มาเก็ต ในตอนเช้า ในขณะที่ หลินเฉิง กำลังคิดอยู่นั้น ลูกพี่เฉิน ที่เดินอยู่ด้านหน้าก็หยุดลงตรงประตูและหันมาหาเขาพร้อมกับหัวเราะ
“น้องชาย คุณได้กลิ่นหม้อไฟไหม? กลิ่นที่หอมหวลชวนกิน..”
หลังจากที่ ลูกพี่เฉิน พูดเสร็จเขาก็ผลักประตูเข้าไปในห้อง หลินเฉิง ยังไม่รีบร้อนที่จะตามเข้าไปเขายังคงมองซ้ายขวาเพื่อความแน่ใจ ลูกพี่เฉิน ที่เข้าไปก่อนหน้านี้ตะโกนออกมาว่า
“ อย่ามัวแต่มองน้องเฉา มากินอาหารกันเถอะ มีเวลาให้นายสำรวจอีกเหลือเฟือ”
เมื่อ หลินเฉิง ได้ยินดังนั้นเขาหยุดสังเกตชั่วคราวแต่ยังคงความระมัดระวัง เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องเขาพบว่ามีคนอยู่มากมายในนั้น มีชายฉกรรจ์หลายคนอยู่ในนั้นรวมทั้งผู้หญิงบางคนที่กึ่งเปลือยกายดูเหมือนว่าพวกเธอจะเป็นนักศึกษา
เมื่อ หลินเฉิง เข้ามาด้านในเขากวาดตามองไปรอบๆและยังไม่นั่งลง ลูกพี่เฉิน หัวเราะอีกครั้งและพูดว่า
“น้องชายเฉาทำไมนายถึงขี้ระแวงแบบนี้ นายคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของ ลูกพี่เฉิน เหมือนมีความหมายบางอย่าง หลินเฉิง จึงพูดว่า
“ไม่มีอะไรครับ ลูกพี่เฉิน และถึงแม้ว่าจะมีก็คงไม่ใช่ปัญหา!”
ได้ยิน หลินเฉิง พูดดังนั้นใบหน้าของ ลูกพี่เฉิน มืดมน เขาจ้องมอง หลินเฉิง อย่างโกรธแค้นแต่ดูเหมือนว่า หลินเฉิง จะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
หลินเฉิง ยังคงมองไปรอบๆห้อง เขามองเห็นใบหน้าของ ลูกพี่เฉิน ที่แสดงออกอย่างชัดเจน แต่เขายังคงสงบและชำเลืองมองดูคนในห้องอย่างใจเย็น
“มาน้องเฉา มาดื่มกันเถอะ!”
หลังจากเห็น หลินเฉิง นั่งลง ลูกพี่เฉิน เริ่มปรับอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นเขาให้หญิงสาวซึ่งดูเหมือนเป็นนักศึกษาทั้ง 4 คนมายืนอยู่ข้างกายของ หลินเฉิง
นักศึกษาทั้ง 4 คนแม้จะลังเลอยู่สักครู่แต่พวกเธอก็ตัดสินใจที่จะนั่งข้างๆ หลินเฉิง และ ลูกพี่เฉิน
เมื่อหญิงสาวทั้งสองคนนั่งข้าง หลินเฉิง เขาได้กินหอมบางอย่าง ดูเหมือนว่าหญิงสาวสองคนนี้เพิ่งจะอาบน้ำมา หลินเฉิง หันไปพูดกับ ลูกพี่เฉิน ด้วยใบหน้าขมขื่นว่า
“ ลูกพี่เฉิน ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการดื่มกับคุณ แต่ผมดื่มไม่ได้จริงๆ ผมค่อนข้างแพ้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากผมดื่มเข้าไปร่างกายจะขึ้นผื่นคันทั้งตัว ดังนั้นผมขอดื่มน้ำแทนแล้วกัน!”
หลินเฉิง หยิบน้ำแร่ขึ้นมาและหมุนฝาจากนั้นดื่มไป 2 อึก
เมื่อ ลูกพี่เฉิน เห็นว่าเขาพยายามทักทายชายหนุ่มคนนี้ด้วยรอยยิ้มแต่ดูเหมือนชายหนุ่มสกุลเฉานี้จะไม่สนใจไมตรีจิตของเขา ใบหน้าของ ลูกพี่เฉิน เยือกเย็นลงทันที
“ น้องชายเฉานายไม่น่าละอายไปหน่อยอย่างนั้นหรอ พี่ชายคนนี้ต้องการผูกมิตรกับนายแต่ดูเหมือนว่านายไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น?”
เมื่อเห็นว่า ลูกพี่เฉิน โกรธเคือง หลินเฉิง พยายามพูดออกมาว่า
“ ลูกพี่เฉิน พี่พูดอะไรแบบนั้น?พี่ให้อาหารผมมากมายและยังชวนผมกินดื่มที่นี่ ผมจะกล้าคิดแบบนั้นกับพี่ได้ยังไง?เพียงแต่ว่าผมไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้จริงๆมันเป็นปัญหาทางร่างกายของผม ที่ไม่สามารถแก้ไขได้..”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ยังคงแสร้งทำเป็นโง่เง่า ลูกพี่เฉิน ได้แต่เยาะเย้ยและพูดว่า
“น้องเฉา หากนายดื่มเหล้านี้และมอบปืนพกกับเครื่องมือที่ทำลายประตูเข้ามายัง ซุปเปอร์มาเก็ต นี้ พวกเราจะถือว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ถ้านายไม่ยอมมอบให้กับพี่เฉินคนนี้เกรงว่าเรื่องจะลงเอยไม่ค่อยดีนัก!”
เมื่อเขาพูดเสร็จเขายกมือขึ้น ฝูงชนที่อยู่ในห้องละทิ้งกิจกรรมที่ทำอยู่ตรงหน้าและยืนขึ้นพร้อมกันจากนั้นเดินเข้ามาล้อมรอบ หลินเฉิง ทันที
เมื่อมองเห็นกลุ่มคนพยายามที่จะล้อมรอบตัวเขา หลินเฉิง ไม่ได้ว่ะกลัวและยังคงพูดกับ ลูกพี่เฉิน ด้วยเสียงปกติว่า
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ หรือ ลูกพี่เฉิน ขี้เกียจแสร้งเป็นคนดีต่อไปแล้ว ลูกเล่นต่างๆของ ลูกพี่เฉิน หมดแล้วอย่างนั้นหรอ”
“ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม พี่เฉินคนนี้จะเลาะฟันแกออกมาให้หมด!”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ที่ถูกล้อมไปด้วยฝูงชนยังมีจิตใจที่จะหัวเราะ เขาจึงตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาลและพยายามยื่นมือไปบีบคอของ หลินเฉิง!
แต่ก่อนที่เขาจะทันสัมผัสตัวของ หลินเฉิง ดวงตาของ หลินเฉิง เปลี่ยนแปลงเป็นเย็นชาเขายื่นมือซ้ายออกมาจับแขนของ ลูกพี่เฉิน แล้วบิดอย่างแรง จนได้ยินเสียงแตกหัก ลูกพี่เฉิน กรีดร้องพร้อมกับคุกเข่าลงกับพื้น
หลินเฉิง มองดู ลูกพี่เฉิน ที่คุกเข่าลงกับพื้นจากนั้นเขายังคงดึงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าและจุดสูบอย่างสบายๆ จากนั้นพูดเยาะเย้ย ลูกพี่เฉิน ว่า
“ดูเหมือน ลูกพี่เฉิน ก็เป็นเพียงลูกหมาตัวหนึ่ง ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย!”
เมื่อ เฉินเจี้ยน ได้ยิน หลินเฉิง พูดการแสดงออกของเขายิ่งดุเดือดมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากที่เงียบลงสักครู่เขาก็หัวเราะและโบกมือให้กับทุกคน จากนั้นพูดว่า
“น้องชายเฉานั้นฝีมือยอดเยี่ยม ในฐานะลูกพี่ของที่นี่ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้…”
และเมื่อเห็นว่า ลูกพี่เฉิน ยังไม่ยอมแพ้ที่จะลงมือกับ หลินเฉิง หลินเฉิง เตรียมพร้อมที่จะหยิบปืนขึ้นมาเพื่อขู่ผู้คนเหล่านั้น ทันใดนั้นผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ลูกพี่เฉิน ดูเหมือนเธอจะจำบางอย่างได้
“เฉา…นาย นายคือ หลินเฉิง! ฉันคือ ฉีรุยเพื่อนร่วมห้องของ เสี่ยวเสวี่ย!”
“หืม?!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ฉีรุย ใบหน้าของ ลูกพี่เฉิน เปลี่ยนไปเล็กน้อยดวงตาของเขายังคงจ้องมอง หลินเฉิง และตะโกนว่า
“โอ้ น้องชายเฉา ในขณะที่พี่ชายคนนี้แสดงความจริงใจกับนาย นายกลับโกหกแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง!!”
เมื่อฐานะที่แท้จริงของ หลินเฉิง ถูกเปิดเผยโดยผู้หญิงปากพล่อยคนหนึ่ง เขาทำได้เพียงแต่ส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์จากนั้นหัวเราะออกมา
“ไม่ว่าผมจะเล่นเหลี่ยมขนาดไหนคงไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับพี่เฉิน ถ้าผมเดาไม่ผิด ก่อนหน้านี้ผู้รอดชีวิตถูกบังคับให้กวาดล้างซากศพเหล่านี้เพราะปืนของพี่เฉิน อีกทั้งผู้หญิงเหล่านี้ยังถูกคุณกดดัน ความคิดเลวๆแบบนี้แม้แต่ผมเองก็ไม่อาจเทียบได้กับพี่เฉิน ผมชื่นชมพี่จริงๆ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง ที่เปิดเผยการกระทำของเขาทุกอย่าง ใบหน้าของ ลูกพี่เฉิน ปรากฏเส้นเลือดโป่งพอง เขาโมโหเป็นอย่างมากจากนั้นดึงปืนพกออกมาจากเอวและชี้ไปที่ หลินเฉิง พร้อมกับตะโกนว่า
“ใช่แล้วมึงฉลาดจริงๆ แต่จะฉลาดอย่างไรก็แล้วแต่ มึงไม่มีทางชักปืนขึ้นมาก่อนที่จะเจอลูกกระสุนของกู หรือว่ามึงต้องการลอง?
เมื่อเห็นปืนที่ชี้มาด้านหน้าของเขา หลินเฉิง ยังคงเฉยเมย ทันใดนั้นเขาก็ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ตอนนี้ขึ้น….
——————————