ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 32
“คุณเคยบอกว่าคุณเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจถนนเทียนหมิงใช่หรือเปล่า?”
เห็นว่า หลินเฉิง ที่กำลังถูกล้อมถามคำถามนี้ขึ้น เฉินเจี้ยนรู้สึกตกตะลึงชั่วครู่ และพูดขึ้นว่า
“ใช่แล้ว มึงคิดว่าถามกูเรื่องนี้แล้วกูจะปล่อยมึงไปงั้นหรอ?ไม่มีทาง!”
หลังจากได้รับคำตอบนี้ หลินเฉิง ยังคงทำราวกับไม่ได้ยินคำขู่ของ เฉินเจี้ยน จากนั้นถามต่อไปว่า
“คุณรู้จัก เกาหยู ไหม?”
“แน่นอนพวกเราเป็นตำรวจที่อยู่ในสถานีนั้นด้วยกัน!รู้จักเธอได้ยังไง?เธอยังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรอ?”
เฉินเจี้ยน ได้ยินว่า หลินเฉิง พูดถึง เกาหยู มันทำให้การแสดงออกของเขาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยแต่เขายังคงถามถึงการมีชีวิตของ เกาหยู
หลินเฉิง พยักหน้าและตอบว่า
“ ผมเคยไปที่สถานีตำรวจถนนเทียนหมิงมาก่อนและผมได้พบกับ เกาหยู แน่นอนว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่เธอบอกว่าตำรวจทุกคนที่ออกปฏิบัติงานในวันนั้นต่างเสียชีวิตไปหมดแล้ว ผมไม่คิดว่าคุณจะมีชีวิตอยู่..”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!นี่หรอเรื่องสำคัญที่ต้องการจะพูด?กูไม่เพียงแต่มีชีวิตอยู่แต่ยังมีชีวิตที่ดีขึ้น!สิ่งที่สำคัญก็คือมึงกำลังจะตาย!”
เมื่อได้ยิน หลินเฉิง พูดถึงเพื่อนร่วมงานของเขา และได้บอกว่าเขาได้ตายไปแล้วตั้งแต่วันนั้น เฉินเจี้ยน อดหัวเราะไม่ได้ มือของเขายังคงถือปืนชี้มาที่ หลินเฉิง
เมื่อเห็นว่า เฉินเจี้ยน ยังคงหัวเราะการแสดงออกของ หลินเฉิง เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“ไม่! เธอพูดถูกแล้ว!”
เฮ้ย!! ปัง!
มีเสียงกรีดร้องของ เฉินเจี้ยน เกิดขึ้น เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่ากระบอกปืนของ หลินเฉิง จ่ออยู่ด้านหน้าของเขา หลินเฉิง สามารถอาศัยจังหวะในการสนทนาชักปืนยิง เฉินเจี้ยน ได้ก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว จนหัวสมองกระจายในที่สุดก็ล้มลงบนพื้น
เมื่อเห็นว่า เฉินเจี้ยน นั้นนอนจมกองเลือด หลินเฉิง ก็หันกระบอกปืนในมือของเขาไปยังกลุ่มคนรอบๆ ก่อนที่คนเหล่านั้นจะทันพูดอะไรออกมา กระสุนปืนก็คร่าชีวิตของพวกเขาไปจนหมดสิ้น
หลังจากที่ดับลมหายใจของ เฉินเจี้ยน และชายฉกรรจ์ที่อยู่ในห้องนั้นกระบอกปืนของ หลินเฉิง ร้อนฉ่า หลินเฉิง ยังคงยืนนิ่งไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ผู้หญิง 4 คนที่ยังคงยืนอยู่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว แต่แล้วพวกเธอก็พยายามที่จะปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้ส่งเสียงออกมา
ความรู้สึกผิดในการฆ่าคนเกิดขึ้นในจิตใจของ หลินเฉิง ดวงตาของเขาแดงกล่ำ หลังจากมองดูหญิงสาว 4 คนที่อยู่มุมห้องและมองกลับมาที่ร่างของ เฉินเจี้ยน ที่สมองกระจัดกระจาย ไขสมองสีขาวกระเด็นไปรอบๆ เขาก้มลงหยิบปืนของเฉินเจี้ยน และเตรียมพร้อมที่จะออกไปจาก ซุปเปอร์มาเก็ต แห่งนี้
“หลิน .. หลินเฉิง! นาย…นายจะไปไหน?”
เมื่อ หลินเฉิง กำลังก้าวเท้าออกจากห้องเขาก็ได้ยินเสียง ฉีรุย จากด้านหลังและถามเขาด้วยความกังวลใจ เมื่อมองหันกลับไปที่ ฉีรุย หลินเฉิง พยายามสงบอารมณ์ที่ปะทุอยู่ในจิตใจของเขาอย่างอดทนและพูดกับเธออย่างใจเย็นว่า
“คุณมีอะไร?”
เมื่อเห็น หลินเฉิง ผู้ซึ่งฆ่าคนไปมากมายสงบลง ฉีรุย พยายามอ้อนวอนเขาด้วยความหวาดกลัวว่า
“นาย..นายช่วยเสี่ยวเสวี่ยได้ไหม เธอไข้สูงมา 2- 3 วันแล้ว…ในตอนนี้เธอหมดสติเป็นครั้งคราว!”
เมื่อได้ยินคำพ้อง ฉีรุย หลินเฉิง รู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นเขาพูดกับเธอด้วยใบหน้าเย็นชาว่า
“แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณรู้จักผมได้ยังไง แต่พวกเราไม่ได้สนิทกัน ผมไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่คุณขอร้องให้ทำ ผมมีอย่างอื่นที่ต้องทำและไม่มีเวลาที่จะมาช่วยเหลือคุณ!”
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธหนักแน่นของ หลินเฉิง ฉีรุย ได้แต่หลั่งน้ำตาด้วยร่างกายสั่นเทา จากนั้นพูดว่า
“ฉัน..ฉันไม่ได้ต้องการให้นายช่วยฉันแต่ต้องการให้นายช่วย เสี่ยวเสวี่ย! เสี่ยวเสวี่ยนั้นชอบนายมาก! เธอขี้อายเกินไปที่จะบอกนายในตอนที่เรียนจบ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ฉีรุย พูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ เสวี่ยอะไรสักอย่าง หลินเฉิง รู้สึกไร้สาระ ในตอนเรียนมหาวิทยาลัย 4 ปีมีผู้หญิงที่เคยคุยกับเขาน้อยยิ่งกว่านิ้วบนฝ่ามือ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับพูดว่ามีคนแอบชอบเขา เมื่อเห็นดังนั้น หลินเฉิง ได้แต่ยิ้มอย่างดูถูกและหันหลังเตรียมพร้อมที่จะจากไป
ในที่สุด ฉีรุย ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้และสาปแช่ง หลินเฉิง ในเวลาเดียวกัน
“ หลินเฉิง แกมันไอ้สารเลว! เสี่ยวเสวี่ยแอบชอบนายมาเป็นเวลา 3 ปีแต่นายกลับทำเป็นจำเพื่อนร่วมชั้นตัวเองไม่ได้!นายมัน..ไปตายซะ!”
เพื่อนร่วมชั้นอย่างนั้นหรอ?
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลินเฉิง ขมวดคิ้วและพยายามนึกให้ออกถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มักจะเงียบสงบและอ่อนโยนทันใดนั้นเขาก็นึกได้ทันที
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่า เสี่ยวเสวี่ยเป็นใคร การแสดงออกของ หลินเฉิง เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แม้ว่าเขาไม่เคยมีมิตรภาพกับผู้หญิงคนนี้เลย เขาไม่เคยพูดกับเธอสักคำแล้วผู้หญิงคนนี้จะชอบเขาได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามเมื่อ ฉีรุย พูดแบบนี้นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ย่อมมีบางส่วนที่เป็นความจริง เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเฉิง หันกลับไปหา ฉีรุย และถามว่า
“เธอหมายถึง มู่ หยิงเสวี่ย ห้อง3 ใช่ไหม?ทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
ในที่สุดเมื่อ ฉีรุย เห็นว่า หลินเฉิง จำได้เธอลุกขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าและดึงแขนเสื้อเขาไปยังตู้คอนเทนเนอร์ หลินเฉิง พยายามดึงแขนออกจาก ฉีรุย เนื่องจากเขาเพิ่งฆ่าคนมาทำให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนในตอนนี้เขาไม่มีความคิดที่จะดูแลอดีตเพื่อนร่วมชั้น แต่เมื่อเขาคิดดีๆหากเขาไม่ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้นมันอาจดูว่าเขาไร้มนุษยธรรมเกินไป
ในขณะที่ หลินเฉิง ต้องการจะหยุดแต่ ฉีรุย ได้วิ่งไปถึงตู้คอนเทนเนอร์แล้ว เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับลมหายใจรวยริน ใบหน้าของเธอเป็นสีแดงแปลกๆ บนร่างของเธอมีถุงผ้าที่ทอจากกระสอบข้าวคลุมอยู่ เธอหมดสติและไม่รู้สึกตัว
หลังจากที่นำ หลินเฉิง มาถึงที่นี่ ฉีรุย ก็ปล่อยแขนเสื้อของ หลินเฉิง แล้วคุกเข่าลงกับพื้นจากนั้นแตะบนหน้าผากของ มู่ หยิงเสวี่ยเบาๆ และเรียกหญิงสาวเบาๆว่า
“เสี่ยวเสวี่ย เสี่ยวเสวี่ย ตื่นเถอะดูสิว่าใครอยู่ที่นี่?”
รู้จักได้ยิน ฉีรุย เรียกหลายครั้งมู่ หยิงเสวี่ยก็ลืมตาขึ้นเสียงของเธออ่อนแรงและถามขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้นหรอรุยรุย ฉันนอนหลับไปอีกแล้วอย่างนั้นหรอ?เธอ..เธอไม่ได้ไปหาลูกพี่เฉินหรอกหรอ?”
“ไม่..คือ..ความจริงแล้วทุกอย่างได้จบลงแล้ว..ลองเดาสิว่าฉันเจอใคร หลินเฉิง! คนรักในฝันของเธอไงล่ะ!เขามาช่วยเธอแล้ว!”
เมื่อได้ยินชื่อของ หลินเฉิง ดวงตาของ มู่ หยิงเสวี่ย เป็นประกายเสียงของเธอไม่แสดงถึงความอ่อนแออีกต่อไป
“ หลินเฉิง อย่างนั้นหรอ?เป็นไปได้ยังไง…เขาควรที่จะตายไปแล้ว…”
เมื่อ มู่ หยิงเสวี่ยพูดถึง เรื่องนี้น้ำเสียงของเธออ่อนแรงลงอีกครั้ง แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรต่อเธอลุกขึ้นและมอง หลินเฉิง เป็นเวลานาน ในที่สุดหลินเฉิงก็ไอ 2 ครั้ง เขาพูดกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาว่า
“น่าเสียดายที่ผมยังมีชีวิตอยู่..ไม่ได้พบกันนานเพื่อนร่วมชั้นมู่!”
————————