ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 39
หลินเฉิง ออกจากห้องเก็บของโดยไม่สนใจความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในห้องเก็บของ หลังจากออกมาเขาสังเกตการเคลื่อนไหวในโรงอาหาร ในเมื่อเขาเห็นว่าฝูงซอมบี้ที่ล้อมรอบก่อนหน้านี้ได้ถอยออกไปอย่างช้าๆมันทำให้อารมณ์เขาผ่อนคลายเล็กน้อย
และเมื่อเข้าไปถึงหน้าต่างที่เขาพุ่งเข้ามาก่อนหน้านี้และสังเกตออกไป เขาพบว่าแม้ซอมบี้จะถอยออกไปแต่มันก็ยังคงมีเหลืออยู่ในบริเวณใกล้ๆ
เมื่อเห็นสถานการณ์ภายนอก หลินเฉิง รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยแต่เป้าหมายของเขาคือการไปที่จัตุรัสในวันนี้ เขาอดทนเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของซอมบี้เหล่านี้อย่างระมัดระวัง
ไปเลยไหม?หรือว่ารอก่อน!
ทันใดนั้น อะไรได้บางอย่าง เขาแทบอยากจะตบหัวตัวเองที่โง่แบบนี้ ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่แล้วทำไมเขายังต้องไปที่จัตุรัสอีก
หลินเฉิง รู้สึกว่าไอคิวของเขาลดลง เขาส่ายหัวและเริ่มคิดว่าเขาจะเริ่มล่าตรงไหนดี เมื่อมองเห็น หลินเฉิง กำลังสับสนในตัวเองโคล่าก็มองดูหน้าของเจ้านายของมันมันไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายของมันถึงทำหน้าแบบนี้
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฉิง ก็คิดถึงสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงอาหาร มันคือตึกของภาควิชาวิศวกรรมโยธาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเฉิง นำถุงปีนเขาไว้ข้างหลังและมัดโคล่าไว้ในอกอย่างรอบคอบอีกครั้งและกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง
เพียงแค่กระโดดออกมาจากโรงอาหารเขาก็สังเกตเห็นว่าซอมบี้ที่อยู่โดยรอบพบเขาแล้ว!
หลินเฉิง ไม่รอช้าอีกต่อไปเขารีบเร่งฝีเท้าตัวเองไปยังอาคารของภาควิชาวิศวกรรมโยธา แต่เขาก้าวไปได้เพียงไม่กี่ข้าวเขาก็ต้องหยุดเพราะตอนนี้กลุ่มซอมบี้ที่วิ่งมารวมกันนั้นได้ปิดกั้นเส้นทางที่จะไปยังอาคารวิศวกรรมโยธาแล้ว!
หลินเฉิง พบว่าตอนนี้เขากำลังถูกห่อหุ้มราวกับเกี๊ยว มันทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกทันที
เขาเคยบอกตัวเองแล้วว่าไม่ควรมาที่นี่แต่สุดท้ายก็ต้องลงเอยในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้ เมื่อมองเห็นฝูงซอมบี้ที่รวมตัวกันทุกทิศทาง หลินเฉิง รู้สึกเป็นกังวลมาก ราวกับเขาเป็นสัตว์ที่ติดกับดักและไม่สามารถไปทางไหนได้ เขาทำได้เพียงฟันซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาหาเขาเท่านั้น
ในมหาวิทยาลัยนี้มีประชากรกี่คน? อย่างน้อยก็มีประมาณ 560,000! แม้เพียง 1 ใน 10 ก็ไม่ใช่สิ่งที่ หลินเฉิง สามารถจะต้านทานได้แล้ว ทันทีที่ซอมบี้ 1 ตัวถูกจัดการออกไปก็จะมีซอมบี้ตัวใหม่เข้ามาแทนที่ หลินเฉิง ได้แต่โบกแขนไปมาด้วยความเร็วสูง
เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะต้องทำยังไงในตอนนี้ หลินเฉิง ใช้เวลาคิดชั่วครู่และตัดสินใจที่จะออกไปยังประตูมหาวิทยาลัย เขากัดฟันและมุ่งหน้าไปยังประตูของมหาวิทยาลัย ก่อนที่เขาจะหมดแรงเขาจะต้องฝ่าออกไปจากที่นี่ให้ได้
เมื่อ หลินเฉิง มาถึงประตูมหาวิทยาลัยเขาค่อยหายใจออกได้บ้าง แต่เขายังคงไม่กล้าที่จะหยุดในตอนนี้เพราะฝูงซอมบี้ยังคงติดตามเขามาจากด้านหลัง
เขารีบออกจากมหาลัยและมองหาร้านค้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ในเวลานี้เขาเห็นร้านล้างรถที่อยู่ตรงทางลาดเขาจึงเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ไปยังร้านล้างรถนั้น จากนั้นยกมีดขึ้นแล้วตัดช่องว่างเป็นรูปตัว X และพุ่งเข้าไปยังร้านล้างรถ
หลังจากบุกเข้าไปแล้ว หลินเฉิง รีบยกตู้โต๊ะหลายอันมาปิดช่องว่างที่ประตูเอาไว้จากนั้นเขารีบขึ้นไปยังสำนักงานและปิดประตูให้แน่นที่สุดพร้อมกับใช้โต๊ะในการบังประตูอีก 1 ชั้น จากนั้นเขาได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวเองเท่านั้น
แม้แต่โคล่ายังรู้สึกถึงบรรยากาศตึงเครียด
เมื่อเห็นมันสามารถปิดปากและนิ่งเงียบอยู่ในอ้อมแขนของ หลินเฉิง ได้ มันทำให้ หลินเฉิง ได้แต่ยกย่องในความเฉลียวฉลาดของมัน
หลังจากผ่านไปไม่นานเสียงเคาะขูดประตูด้านนอกค่อยๆลดลง หลินเฉิง มองผ่านประตูสำนักงานและพบว่าประตูที่เขาบุกทะลวงมาก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยซอมบี้จำนวนมากพยายามที่จะเข้ามา และมีบางส่วนที่พวกมันสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ในเวลานี้พวกมันกำลังตามหาเหยื่อของมัน
เมื่อเห็นว่าเขาสามารถรอดพ้นวิกฤตในครั้งนี้ได้ หลินเฉิง ค่อยๆหายใจอย่างโล่งอกแม้ว่าจะมีซอมบี้อยู่ด้านนอก มันก็ไม่ใช่ภัยคุกคามของเขาในตอนนี้
หลินเฉิง ค่อยๆเปิดประตูออกไปและกวาดล้างซอมบี้ที่หลงอยู่ภายในร้าน หลังจากกำจัดซอมบี้ที่เป็นภัยคุกคามทั้งหมด หลินเฉิง กลับมาในสำนักงานอีกครั้ง จากนั้นเขามองโคล่าที่กำลังคำรามเสียงเบาๆ”
“ อยากแกล้งทำเป็นเก่ง!ออกมากินอาหารได้แล้ว!”
เมื่อโคล่าได้ยิน หลินเฉิง พูดถึงอาหารมันแสดงออกอย่างกระตือรือร้น หลินเฉิง อดไม่ได้ที่จะตบหัวลูกสุนัขแสนรู้นี้เบาๆ จากนั้นนำอาหารสุนัขและอาหารกระป๋องออกมาจากกระเป๋าของเขา จากนั้นมนุษย์และสุนัขนั่งกินอาหารกลางวันด้วยกัน
หลังจากกินอาหารกลางวัน หลินเฉิง จำได้ว่า ฉีรุย ได้พูดว่า เต๋าไค่ ได้ออกไปตระเวนเพื่อหาอาหารก่อนหน้านี้ หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลินเฉิง คงต้องชื่นชมหัวหน้าห้องคนนี้
เต๋าไค่ นั้นไม่ได้มีความแข็งแกร่งร่างกายเป็นพิเศษเช่น หลินเฉิง หรือมีมีดที่สามารถตัดเหล็กได้เหมือนเต้าหู้ แต่เขายังกล้าออกไปหาอาหาร แม้ว่าพวกเขาจะต้องสูญเสียเพื่อนไปหลายคน แต่บุคคลเช่นนี้ย่อมมีแนวโน้มที่จะอยู่รอดในยุคภัยพิบัตินี้ตราบใดที่พวกเขาระมัดระวังตัวพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นฝูงซอมบี้ที่บ้าคลั่งในมหาวิทยาลัย หลินเฉิง มีข้อสงสัยเกี่ยวกับในอีก 5 วันข้างหน้า เขาไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่ เต๋าไค่ สามารถรวบรวมมาได้ แต่ตราบใดถ้าไม่สามารถกวาดล้างฝูงซอมบี้ที่อยู่ระหว่างโรงอาหารและหน้าประตูมหาวิทยาลัย ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรวมตรงจุดนัดพบได้
หลินเฉิง ส่ายหัวแล้วเลิกสนใจปัญหานี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถเก็บค่าพลังงานจากในมหาวิทยาลัยได้ดังนั้นเขาต้องทำตามแผนเดิมของเขาคือไปที่จัตุรัส และกลับมาที่นี่ใน 5 วันต่อมา หากคนเหล่านั้นไม่สามารถออกเดินทางได้ตรงเวลา หลินเฉิง จะพา มู่ หยิงเสวี่ย เดินทางไปเพียงผู้เดียว
สุดท้ายแล้วเหตุผลที่เขาสัญญาว่าจะออกเดินทางไปพร้อมกับ มู่ หยิงเสวี่ย นั้นก็เพราะลุงของมู่ หยิงเสวี่ย ตราบใดที่มีหญิงสาวอยู่คนอื่นๆไม่สำคัญ
เมื่อนึกถึง มู่ หยิงเสวี่ย หลินเฉิง ก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกแย่
ถ้าลุง มู่ หวู่หยวนของ มู่ หยิงเสวี่ย เป็นรองผู้บัญชาการของค่ายทหารเหลียนเฉิง แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นเร็วกว่าบุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน และในสถานการณ์เร่งด่วนเขาควรที่จะช่วยเหลือญาติสนิทของเขาล่วงหน้า แต่…ทำไม มู่ หยิงเสวี่ย ยังอยู่ที่นี่….