ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 48
SC:บทที่ 48 0 องศา
เมื่อได้ยินคำถามที่สงสัยของ มู่ หยิงเสวี่ยหลินเฉิง ยัดขนมปังเข้าไปในปากของเขาและพูดว่า
“ผมมีนิสัยอย่างไร?พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน 4 ปี แต่พวกเราแทบจะไม่คุยกันเลย คุณจะรู้ลักษณะนิสัยของผมได้ยังไง?”
“ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม ฉีรุย ได้บอกกับฉันว่านายได้ฆ่าลูกพี่เฉินและลูกน้องทั้งหมดของเขาในซุปเปอร์มาเก็ต! แม้ว่าพวกเขาจะสมควรตาย แต่ หลินเฉิง ที่ฉันรู้จักเขาไม่ใช่คนเหี้ยมโหดแบบนี้…ยิ่งไปกว่านั้นนายยังช่วยฉันทีหลัง………..”
หลินเฉิง ยิ้มและหัวเราะขึ้นจากนั้นถามเธอว่า
“เธอรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ใช่คนที่เหี้ยมโหด?ผมฆ่าลูกพี่เฉินและลูกน้องของพวกเขาทั้งหมดอีกทั้งยังช่วยชีวิตของเธอ แล้วยังไงล่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำก็เพราะผมต้องการที่จะทำ…”
เมื่อ หลินเฉิง พูดเรื่องนี้น้ำเสียงของเขาฟังดูเย็นชา
“และผมขอบอกกับเธอว่า โลกใบนี้มันเปลี่ยนไปแล้วทุกคนสามารถทำสิ่งที่เขาต้องการได้ ไม่มีคำว่าชอบธรรมหรือความยุติธรรมอีกต่อไป เมตตาและศีลธรรมไม่มีในโลกนี้อีกแล้ว!โลกใบนี้เต็มไปด้วยความมืดมิด ผมคิดว่าคุณคงเจอปัญหามากขึ้นในอนาคตและเหตุการณ์ต่างๆจะเป็นบทเรียนให้กับคุณ การที่คุณเห็นเหตุการณ์เฆ่นฆ่ากันนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!”
เมื่อฟังคำพูดของ หลินเฉิง มู่ หยิงเสวี่ย อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา อาจเป็นเพราะเธอโชคดีแม้ว่าเธอจะประสบความยากลำบากแต่เธอก็ยังคงปลอดภัยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของทุกคน ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถจินตนาการฉากที่ หลินเฉิง บรรยายออกมาได้ แต่เธอสามารถรู้สึกถึงความเย็นชาที่ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นความหวาดกลัวของ มู่ หยิงเสวี่ย หลินเฉิง พยายามดึงทัศนคติที่เหี้ยมโหดและเย็นชาของเขาลงจากนั้นเขาส่ายหัวและพูดว่า
“ช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาจริงๆ…”
. ….
ตอนดึก
หิมะตกหนักทั้งวัน หลินเฉิง นั่งอยู่บนด้านข้างของรถเขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบท่ามกลางสายลมเย็น มู่ หยิงเสวี่ย นอนอยู่ในรถและ หลินเฉิง กลัวว่าความเย็นนั้นจะทำให้เธอเหน็บหนาว เขาจึงเปิดเครื่องทำความร้อนในรถ ตอนนี้คาดการณ์ว่าหญิงสาวคงจะหลับแล้ว
โคล่ายังนอนเคียงข้าง หลินเฉิง อย่างเงียบๆแล้วเงยหน้ามองไส้กรอกในมือของ หลินเฉิง เป็นบางครั้ง จนน้ำลายไหล หลินเฉิง เห็นดังนั้นจึงหักไส้กรอกและโยนให้กับมัน
จากนั้น หลินเฉิง ขบคิดเรื่องตลอดทั้งวันตั้งแต่ที่ออกเดินทาง บนถนนแห่งนี้ขบวนผู้รอดชีวิตได้เดินทางมาถึงทางหลวงหมายเลข 317 และไม่พบการโจมตีของซอมบี้ขนาดใหญ่ ซอมบี้ขนาดเล็กถูกบดขยี้เป็นซอสเนื้อด้วยหัวรถบรรทุกและไม่มีซอมบี้ตัวใดหลบเลี่ยงการบดขยี้นี้ได้
แม้ว่าความเร็วของขบวนผู้รอดชีวิตนี้จะช้ากว่าที่ หลินเฉิง คาดไว้ แต่เขาก็รู้ว่าวันสิ้นโลกนั้นเกิดขึ้นมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว ถ้าครอบครัวป้าฉินไม่ได้ตระเตรียมหรือย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยล่วงหน้ามีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจไม่รอดชีวิตภายใต้เงื้อมมือของตัวกินคน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีคนแก่หรือเด็กเล็กมีโอกาสที่จะรอดต่ำมาก!
ดังนั้นลำดับความสำคัญในปัจจุบันของเขาคือรีบไปยังเขตปลอดภัยเหลียนเฉิง แล้วหาลุง ของ มู่ หยิงเสวี่ย เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่ปลอดภัยในเมืองเซียงโจว แม้ว่าป้าฉินจะไม่ได้พูดถึงตำแหน่งเฉพาะเจาะจงที่พวกเธออยู่แต่ดูเหมือนฐานะลุงหลี่สามีของเธอ จะไม่ธรรมดา ด้วยความลึกลับนี้ หลินเฉิง คาดการณ์ว่าบางทีฐานะของลุงหลี่อาจไม่ใช่คนทั่วไป
อย่างไรก็ตามในยุคภัยพิบัตินี้อาจมีอะไรผิดพลาด ข้อได้เปรียบเพียงข้อเดียวของคนที่มีสิทธิพิเศษเหล่านี้คือพวกเขาจะรู้ข่าวเร็วกว่าคนธรรมดาและพวกเขาสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัยตั้งแต่ครั้งแรก
ในฐานะที่ หลินเฉิง เป็นวัยรุ่นเขารู้สึกไม่พอใจกับเจ้าหน้าที่เหล่านี้พวกเขาใช้สิทธิ์ของตัวเองในการบินเบือนกฎหมายและความเห็นแก่ตัว ในเวลานี้เขาหวังว่าตำแหน่งของลุงหลี่จะสูงกว่าตำแหน่งเจ้าหน้าที่คนอื่นๆและสามารถอพยพได้อย่างปลอดภัย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินเฉิง ได้แต่สูบบุหรี่หมดไปหลายมวน
ทันใดนั้น หลินเฉิง ก็รู้สึกว่ามีบางคนกำลังเดินเข้ามาหาเขาและเมื่อมองย้อนแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนกองหิมะ หลินเฉิง ก็มองเห็นหน้าเจ้าของรถ Volvo xc90 อยู่ตรงหน้าของเขา หลินเฉิง พยักหน้าเป็นคำทักทายจากนั้นยังคงให้อาหารโคล่าและจุดบุหรี่สูบต่อไป
เจ้าของ Volvo เป็นชายชราที่เต็มไปด้วยผมหงอก เมื่อเขาเห็นว่า หลินเฉิง พยักหน้าให้อย่างสุภาพดังนั้นเขาจึงเดินไปหา หลินเฉิง
“ หนุ่มน้อยนายพอจะให้บุหรี่แก่ชายชราคนนี้สักเล็กน้อยได้ไหม?”
หลินเฉิง พยักหน้าอย่างเฉยชาเมื่อได้ยินคำพูด เขาหยิบซองบุหรี่ที่เหลือเพียง 2-3 มวนแล้วส่งให้ชายชราจากนั้นพูดว่า
“ทั้งหมดนี้ยกให้คุณ!”
ชายชราหยิบบุหรี่โดยไม่เกรงใจจากนั้นเขาเก็บส่วนที่เหลือไว้ในกระเป๋าของเขา ชายชราดูดควันเข้าไปอย่างเต็มปอดจากนั้นไอออกมา 2 -3 ครั้ง ราวกับว่านานแล้วที่เขาไม่ได้สูดควันเหล่านี้
“เฮ้อ ค่อยสดชื่นหน่อย!แต่คืนนี้หนาวนะ ทำไมนายไม่อยู่ในรถออกมาสูบบุหรี่ต้านลมหนาวทำไม ดูเหมือนว่านายคงมีอะไรที่ต้องคิดมากมาย…”
หลังจากพูดจบชายชราก็ยิ้มและสูดควันบุหรี่ของเขาต่อไป
ทันทีที่ชานชราปรากฏตัวมันทำให้ความคิดของ หลินเฉิง ถูกขัดจังหวะ หลินเฉิง เองเป็นคนใจร้อนอยู่แล้วเขาขมวดคิ้วและเหน็บแนมเป็นคำพูดว่า
“ผมยังหนุ่มยังแน่นจึงสามารถต้านทานความเหน็บหนาวเหล่านี้ได้แต่ ทำไมคนแก่อย่างคุณถึงออกมาด้านนอกไม่กลัว ล้มเป็นอัมพาตหรืออย่างไร?”
เมื่อฟังคำพูดประชดประชันของ หลินเฉิง ทำให้ชาชราหัวเราะออกมาอย่างไม่สนใจ
“เอาล่ะฉันจะบอกความจริงก็ได้ การได้เห็นใครบางคนสูบบุหรี่โดยไม่ประหยัดเอาไว้มันทำให้ฉันรู้สึกอิจฉา ดังนั้นเด็กน้อย บุหรี่นี้นายยังมีเก็บไว้อีกใช่ไหม ขอฉันอีกสักหน่อยเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนฉันสามารถบอกบางอย่างที่สำคัญกับนายได้!”
เมื่อเห็นว่าชายชราหน้าหนาคนนี้ต้องการบุหรี่ของเขาอีก หลินเฉิง ไม่สนใจอีกต่อไปเขากำลังจะเรียกโคล่าที่นอนอยู่บนพื้นและเตรียมพร้อมที่จะกลับเข้าไปในรถ
“เฮ้ หนุ่มน้อยอย่าเพิ่งไปชายชราคนนี้แค่หยอกล้อกับนายเท่านั้น ฉันจะบอกบางอย่างที่สำคัญ เฮ้ มันนานแล้วที่ฉันไม่ได้พูดกับใครตั้งแต่เกิดยุคภัยพิบัติดังนั้นช่วยหยุดฟังหน่อย..”
เมื่อชายชราเห็น หลินเฉิง ต้องการจะจากไปเขารีบรั้งหลินเฉิง ไว้อย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินคำพูดจริงใจที่ออกมาจากปากของชายชรา หลินเฉิง จึงหันหลังกลับไปนั่งลงบนตอไม้เช่นเดิม หลินเฉิง กลับมานั่งชายชรายิ้มออกอีกครั้ง จากนั้นเขาถอนหายใจและมองไปยังถนนที่มีหิมะปกคลุมด้านหน้า
“เอาล่ะฉันขอแนะนำตัว ฉันชื่อ หง ก่อนเกิดภัยพิบัติฉันเป็นศาสตราจารย์ด้านสถาบันอุตุนิยมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยซงโจว นายเองก็คงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยซงโจวใช่ไหม?ฉันเคยเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถของนายที่มหาลัยมาก่อน..”
“นับตั้งแต่ที่หิมะตกครั้งแรก เป็นการถือได้ว่าเข้าสู่วันสิ้นโลก เนื่องจากประสบการณ์ในการทำงานของฉันจึงสามารถคาดเดาข้อมูลได้อย่างคลุมเครือ เนื่องจากไม่มีคอมพิวเตอร์ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลดังนั้นคำพูดของฉันอาจจะไม่แม่นยำมาก แต่ยังไงก็ตามจากสัญชาตญาณของฉันที่ศึกษาอุตุนิยมวิทยาและสภาพภูมิอากาศมาเป็นเวลาหลายปี ฉันมีลางสังหรณ์ว่า อากาศจะเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆและหนาวสุดในรอบพันปีที่ผ่านมา..”
————————————-