ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 100 อำลา
หลินเฉิง มองดูร่างกายที่ไร้ชีวิตของ หวังเฉิง อยู่สักครู่ หลังจากนั้นเขาหันหลังกลับและวิ่งไปหาคนอื่นๆที่ หวังเฉิง พามา
ดวงตาของเขากวาดมองไปที่ใบหน้าคนเหล่านั้น จากนั้นเขาจับชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ปลายแถวสุด และถามด้วยเสียงเย็นชาว่า
“คุณคือหวังฉวนใช่ไหม?”
ในเวลานี้ หวังฉวน ยังไม่ฟื้นตัวจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ หวังเฉิง เมื่อเขาได้ยินคำถามของ หลินเฉิง เขาเองพยักหน้าอย่างไม่ตั้งใจ
เมื่อเห็นการตอบสนองของชายคนนี้รู้สึกเบื่อหน่าย จากนั้นเขากวาดสายตามองคนรอบๆก่อนที่จะลากชายร่างอ้วนนี้ไปยังอาคารของ เฉินฮงหยวน
ในเวลานี้ เฉินฮงหยวน และหลายคนกำลังวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่อยู่ด้านล่าง ในตอนที่ หลินเฉิง นั้นได้ฆ่าทหารและวิ่งออกไป พวกเขาเองก็มีหัวใจที่จะช่วยเหลือแต่ด้วยความเร็วของ หลินเฉิง นั้นรวดเร็วเกินไปพวกเขาจึงไม่สามารถติดตามได้ทัน
หลังจากนั้นไม่นานมู่หยิงเสวี่ยก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับอันตรายของ หลินเฉิง เธอพยายามปรึกษากับ มู่หวู่หยวน เพื่อหาใครสักคนไปช่วยเหลือเขา แต่หลังจากนั้นเธอก็เห็นว่า หลินเฉิง ลากชายอ้วนคนหนึ่งกลับมา
ตึบ!
หลังจากที่โยน หวังฉวน ลงบนพื้นหิมะ หลินเฉิง มองหน้าของคน เหล่านั้นและเลิกคิ้วถามว่า
“อะไร?พวกคุณไม่ดีใจที่ผมกลับมาอย่างนั้นหรอ?”
มู่หวู่หยวน มองเห็น หวังฉวน ที่นอนอยู่บนพื้นเขารู้สึกตกใจและถามอย่างไม่น่าเชื่อ
“นี่คือ… หวังฉวน!”
หลินเฉิง พยักหน้าและตอบว่า “ใช่แล้ว!”
เมื่อได้ยินคำตอบของ หลินเฉิง มู่หวู่หยวน จ้องมองอย่างสงสัยและพูดว่า
“ หวังฉวน เป็นคนรอบคอบมาก! โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เกิดภัยพิบัติเขาแทบไม่เคยออกห่างจาก หวังเฉิง เลย!”
หลินเฉิง พยักหน้าอย่างไม่แยแส
“คุณกำลังพูดถึงสัตว์ประหลาดที่สามารถควบคุมไฟใช่ไหม?เขาตายแล้ว คุณพูดยังกับว่าเขามี 3 หัว 6 แขน…”
เมื่อเห็นสีหน้าเหยียดหยามของ หลินเฉิง เฉินฮงหยวน ต้องกลืนน้ำลายอย่างลับๆแล้วพูดว่า
“พี่ใหญ่!ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าคุณฆ่า หวังเฉิง ได้ยังไง แต่เขาแข็งแกร่งจริงๆ!อย่างน้อยก็ต้องใช้ผู้มีพลังหลาย 10 คนเพื่อรับมือกับเขา ไม่เคยมีใครรอดพ้นจากการถูกเผาเป็นเถ้าถ่านมาก่อน ฉัน….ฉันฝันไปหรือเปล่า!”
“ โอ้ย!” เขาหยิกตัวเอง
หลินเฉิง หันไปหา มู่หวู่หยวน และพูดว่า
“เอาละนี่คือความจริง ปัญหาใหญ่ที่สุดได้รับการแก้ไขแล้ว ในตอนนี้พวกเราถือว่าไม่เป็นหนี้บุญคุณต่อกัน! ชายคนนี้ผมมอบให้คุณจัดการ จะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่ ผมรู้สึกเหนื่อย ขอตัวไปพักผ่อนก่อน”
หลังจากนั้นเขาอุ้ม โคล่าออกมาจากอ้อมแขนของ มู่หยิงเสวี่ย และโบกมือให้กับฝูงชน จากนั้นขึ้นไปยังชั้นบนโดยไม่ใส่ใจคนอื่น
หลังจากที่เข้าไปยังห้องรับแล้ว หลินเฉิง ปิดประตู และล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว!
แม้ว่าปากของเขาจะพูดว่ามันเป็นเพียงเรื่องสบายๆ แต่ในความจริงนั้นความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาถูกดูดออกไปจนหมดสิ้นในตอนที่เขาเรียกห้องน้ำแข็งขนาดใหญ่เพื่อต่อสู้ การที่เขาสามารถยืนหยัดต่อสู้ถึงวินาทีสุดท้ายนั้นเป็นเพราะแรงใจล้วนๆ
อย่างไรก็ตามแผนการนี้ก็สำเร็จโดยไม่คาดคิด หวังเฉิง ไม่คิดว่า หลินเฉิง จะสามารถเรียกห้องน้ำแข็งอีกครั้งด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพอันน้อยนิด ในที่สุดเขาก็ถูกเจาะเป็นรังผึ้งอยู่ในห้องน้ำแข็งบางๆเท่านั้น
หลินเฉิง นั่งอยู่บนพื้นด้วยความอ่อนล้าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้ มีความรู้สึกเปียกชื้นที่มือของเขาจึงเห็นว่าโคล่ากำลังเลียนิ้วของเขาอยู่ เขาพยายามดึงรอยยิ้มของตัวเองและยกมือขึ้นเพื่อที่จะลูบหัวสุนัขของเขาอย่างยากลำบากจากนั้นพูดว่า
“เจ้าตัวเล็ก เบื่อไหม ขอโทษด้วยที่ฉันไม่ค่อยว่างที่จะเล่นกับนาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบแล้ว พรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกเราสองคนจะออกเดินทางด้วยกันอีกครั้ง!”
เมื่อได้ยินคำปลอบโยนของ หลินเฉิง โคล่า เห่าเบาๆ 2 ครั้ง
“โฮ่งโฮ่ง”
และเลียมือของเขาอีกครั้ง จากนั้นกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของ หลินเฉิง ในขณะที่โอบอุ้ม โคล่าอยู่นั้น หลินเฉิง ไม่สามารถอดทนต่อความเหนื่อยล้าได้อีกต่อไปเขาเอียงศีรษะและหลับทันที
……
วันรุ่งขึ้น !
หวังฉวน ที่ถูกจับมาโดย หลินเฉิง ไม่ได้ถูกประหาร มู่หวู่หยวน กักตัวเขาไว้ยังห้อง 1102 ที่อาคาร 1 เช่นเดียวกับที่เขาเคยโดนกักขังเอาไว้แทน
สำหรับการกระทำของ มู่หวู่หยวน นั้น หลินเฉิง ค่อนข้างรู้สึก ดูถูก แต่เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับเขา เขานั่งอยู่ในบาร์และคุยกับ ซูหยวน ซึ่งไม่ได้เห็นหน้าหลายวัน
“นายแน่ใจหรอว่าจะจากไป?หลังจากผ่านไป 2 วันที่นายเข้ามาที่นี่ ได้ก่อเรื่องไว้มากมายอีกทั้งยังฆ่า หวังเฉิง ที่เคยปกครองค่ายทหารแห่งนี้ เสี่ยวฉิน กลัวมากเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ซูหยวน นั่งอยู่บนโซฟาในขณะที่มือของเขาถือบุหรี่ส่วนอีกข้างหนึ่งตบลงบนไหล่ของ ซูฉิน และหัวเราะเสียงดัง
ซูฉิน รู้สึกอับอายเล็กน้อย จากนั้น ซูฉิน พูดกับ หลินเฉิง ว่า
“ถึงแม้ว่านายใจเย็นชาและน่ารังเกียจแต่ฉันต้องยอมรับว่านายเก่งจริงๆ!อย่างไรก็ตาม หวังเฉิง เป็นผู้ชายโรคจิต และถูกกำจัดออกไปแล้ว ทำไมนายไม่อยู่ที่นี่กับพวกเราและผู้บัญชาการมู่ เพื่อทำให้เขตความปลอดภัยเหลียนเฉิงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น?ที่นี่ก็ถือว่าเป็นบ้านของนายเช่นกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ซูฉิน หลินเฉิง ส่ายหัวเล็กน้อยและดื่มเบียร์ลงไปจากนั้นพูดว่า
“ผมฆ่า หวังเฉิง เพียงเพราะเขาขู่ผม อีกอย่างผมมีสิ่งสำคัญที่จะต้องทำด้วยตัวเองดังนั้นผมจึงอยู่ที่ดีไม่ได้ ผมเคยพูดเรื่องนี้กลับ ซูหยวน มาก่อนแล้ว”
หลินเฉิง หันหน้าไปมอง ซูหยวน จากนั้นพวกเขาก็พยักหน้าให้แก่กัน เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และเองลงบนโซฟาจิบเบียร์
พวกเขานั่งอยู่ในบาร์ของ รั่วเหมิง เมื่อ รั่วเหมิง ได้ยินบทสนทนาระหว่างชายหนุ่มทั้งสองคนเขารู้สึกไม่พอใจและหันไปพูดกับ หลินเฉิง ด้วยเสียงมีเสน่ห์ว่า
“ แล้วความร่วมมือของพวกเราล่ะ ฉันให้ความช่วยเหลือคุณก่อนหน้านี้เพราะต้องการความร่วมมือจากคุณ แต่คุณกลับทำลายมัน หญิงสาวคนนี้พยายามช่วยคุณจนกระอักเลือดออกมา 2-3 ลิตร แต่คุณกลับให้บุหรี่เพื่อชดเชยในเรื่องนี้ คุณมันช่าง!”
หลินเฉิง ผู้ถูกกล่าวหายังคงเงียบสงบ
“ ทำไมจะร่วมมือไม่ได้?แม้ว่าผมจะจากไปแต่ ซูหยวน ยังอยู่ที่นี่ เพื่อนคนนี้มีความสามารถมาก คุณสามารถร่วมมือกับเขา ผมคิดว่าเขาคงมีความสุขมาก!”
หลินเฉิง มองไปที่ ซูหยวน ที่นั่งตัวตรงและถามคุณว่า
“นายคิดว่ายังไง?”
ซูหยวน พยักหน้าด้วยความประหลาดใจและหันไปคุยกับ รั่วเหมิง
“ ผมยังคงใหม่กับที่นี่ และไม่ค่อยรู้อะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าคุณ รั่วเหมิง เต็มใจที่จะร่วมมือกับผม ผมรู้สึกมีความสุขมาก!”
คำพูดของ ซูหยวน ทำให้ รั่วเหมิง พูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ
“ฉันเห็นเด็กหนุ่มแบบคุณมามาก! อย่างไรก็ตามเนื่องจาก หลินเฉิง บอกว่าคุณเก่งมากฉันจะยอมร่วมมือกับคุณสักครั้ง ส่วนรายละเอียดฉันจะติดต่อกับคุณเมื่อ หลินเฉิง ออกเดินทางไปแล้ว!”
หลินเฉิง เห็นว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้วดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนและพยักหน้าให้กับคนในห้องจากนั้นพูดว่า
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นเราคงจะไม่ได้พบกันอีก ผมหวังว่าพวกคุณจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป!”
หลังจากที่พูดกับทุกคนพร้อมกับทิ้งรอยยิ้มที่สดใสเอาไว้เขาก็เดินออกจากประตูไป
เมื่อมองด้านหลังของ หลินเฉิง รั่วเหมิง ถอนหายใจและพึมพำกับตัวเองว่า
“ช่างน่าเสียดาย ชายผู้มีอำนาจ ต้องออกเดินทางเพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว…”
…..
กลับมาที่สำนักงานของ เฉินฮงหยวน หลินเฉิง พบ มู่หวู่หยวน นั่งรออยู่ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง
ตั้งแต่ที่เขาฆ่า หวังเฉิง เมื่อวานกองกำลังทั้งหมดในเขตทหารเหลียนเฉิงได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มู่หวู่หยวน ที่อ่อนแอได้รวบรวมผู้คนที่ถูกกดขี่จาก หวังฉวน ทำความสะอาดกองกำลังของ หวังฉวน ในเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อรุ่งเช้าวันใหม่กองกำลังของ หวังฉวน ก็หายไป อิทธิพลของ หวังเฉิง ก็หายไปเช่นกัน ทุกอย่างหายไปอย่างสมบูรณ์!
หลังจากฟื้นอำนาจทางการทหารสิ่งแรกที่ มู่หวู่หยวน ทำก็คือ เอาตะข่ายไฟฟ้าออกไป เพื่อให้ผู้รอดชีวิตได้รับสิทธิในการอยู่รอดอีกครั้ง จากนั้นเขารีบเร่งประชุมผู้นำทีมทหารที่ถูก หวังฉวนไล่ออกไปก่อนหน้านี้ และปรับโครงสร้างของเขตความปลอดภัยอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเพียง 2 วันเขตความปลอดภัยเหลียนเฉิง ได้รับการฟื้นฟูให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แม้จะยังคงอยู่ในยุคอวสานโลกแต่ใบหน้าของผู้คนยังคงมีร่องรอยความหวังต่อไป
แม้ว่า หลินเฉิง จะเป็นคนฆ่า หวังเฉิง แต่การปฏิวัติทั้งหมดมาจาก มู่หวู่หยวน เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเฉิง วางโคล่าลงกับพื้นและถาม มู่หวู่หยวน ว่า
“คุณมาทำอะไรที่นี่?”
เมื่อได้ยินคำถามของ หลินเฉิง มู่หวู่หยวน ยิ้มและพูดว่า
“เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้วคงต้องใช้เวลาในการเยียวยารักษาแผลใจของทุกคน…ฉันได้ยินมาจาก เสวี่ยน้อยว่านายจะออกจากที่นี่วันนี้?”
หลินเฉิง พยักหน้า
“ใช่แล้ว! วัตถุประสงค์ของการมาที่นี่คือเหตุการณ์ที่จังหวัดเซียงโจวจากปากของคุณ ตอนนี้ผมได้รู้ว่าครอบครัวของป้าฉินมีชีวิตอยู่ผมต้องการที่จะออกเดินทางทันทีเพื่อตามหาพวกเขาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!”
“ดี!ฉันเข้าใจความคิดของนายดังนั้นฉันจึงมาที่นี่เพื่อพูดว่า นายต้องการความช่วยเหลืออะไรอีกหรือไม่นอกจากอาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง อาวุธ หรือสิ่งที่นายต้องการเพียงแค่เปิดปากออกมาฉันพร้อมที่จะช่วยนาย!”
เมื่อได้ยินแผนการของ หลินเฉิง มู่หวู่หยวน พยักหน้าและพูดขึ้น
หลินเฉิง ส่ายหัวและพูดว่า “ในตอนนี้ผมไม่ต้องการอะไร…”
เฉินฮงหยวน ยืนขึ้นและพูดอย่างรวดเร็วว่า
“คุณไม่เพียงแต่ช่วยผู้บัญชาการมู่เท่านั้น แต่ยังช่วยบรรเทาฝันร้ายของทุกคนในโซนปลอดภัยนี้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสุภาพ ไม่ว่าคุณจะขออะไรจะไม่มีใครคัดค้าน! อย่างไรก็ตามเมื่อคุณอยู่บนท้องถนนคุณต้องพยายามอยู่บนเส้นทางที่หลีกเลี่ยงจากเมือง สถานที่เหล่านั้นเหมือนกับสถานที่อาถรรพ์ คุณจะไม่ได้ออกมาหากเผลอเข้าไป!”
เมื่อได้ยินคำเตือนอันเคร่งเครียดของ เฉินฮงหยวน หลินเฉิง พยักหน้า แต่เขาคิดว่า แม้ว่าตัวเขาจะไม่ต้องการเข้าไปยังแหล่งชุมชนเช่นเมือง แต่สิ่งที่เขาต้องการอยู่ในระบบแคปซูลและเขาจำเป็นต้องเข้าไปในเมืองที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดเพื่อเก็บเกี่ยวค่าพลังงาน ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
แทนที่จะนึกถึงเรื่องปวดหัวแบบนี้ หลินเฉิง หันไปหา มู่หวู่หยวน และถามว่า
“ มู่หยิงเสวี่ย อยู่หรือเปล่า ผมไม่เห็นเธอตั้งแต่เช้า!”
เมื่อพบว่า หลินเฉิง กำลังมองหา มู่หยิงเสวี่ย ใบหน้าของ มู่หวู่หยวน ค่อนข้างแปลกใจ
“เธอ…คือ.. หลินเฉิง ถึงแม้ว่านายจะมีบุคลิกที่แข็งแกร่งแต่สุดท้ายนายควรที่จะไปช่วยปลอบผู้หญิงคนนี้ก่อนที่นายจะไป ได้ไหม? เนื่องจากเธอรู้ว่านายกำลังจะจากไปเธอจึงปฏิเสธที่จะออกมาจากห้อง..”
หลินเฉิง รู้สึกทำอะไรไม่ถูกปนกับความรู้สึกหงุดหงิดเขาใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่และถาม มู่หวู่หยวน ว่า
“เธออยู่ที่ไหน?”
“ห้อง 1202 อาคาร 1 มันเคยเป็นสำนักงานของฉัน แต่ตอนนี้สงวนไว้ให้เป็นที่อยู่ของเธอ”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง เห็นด้วย มู่หวู่หยวน ตอบกลับด้วยความประหลาดใจ
หลินเฉิง พยักหน้าและพูดว่า “ ผมจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นเขาอุ้มโคล่าและเดินไปยังอาคาร 1
ระหว่างเดินทางไปอาคาร 1 หลินเฉิง พบว่าอาคารสำนักงานมีประชากรเบาบางลง บริเวณเส้นทางต่างๆมีผู้รอดชีวิตหลายคนคุกเข่าลงเพื่อร้องขออาหารจากผู้คนที่ผ่านมา
เมื่อเห็นอย่างนี้ หลินเฉิงได้แต่ส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์ เขารู้สึกว่า มู่หวู่หยวน ยังคงจะต้องทำอย่างอื่นอีกมากมายเพื่อจัดการกับผู้รอดชีวิตเหล่านี้ให้ถูกต้อง
หลังจากที่เขาแทรกตัวเข้ามาในอาคาร 1 หลินเฉิง ถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอก ที่นี่เป็นฐานบัญชาการของทหารดังนั้นจึงมีทหารรักษาการอยู่โดยรอบ ตราบใดที่ผู้รอดชีวิตยังคงมีสมองอยู่ไม่มีใครกล้าที่จะบุกรุกเข้ามาที่นี่
เมื่อเดินบันไดขึ้นไปชั้น 12 หลินเฉิง เดินไปหน้าห้อง 1202 และเคาะ 2-3 ครั้ง จากนั้นเขาได้ยินเสียง มู่หยิงเสวี่ย จากข้างใน
“นั่นใคร ?”
“ผมเอง หลินเฉิง!”
ทันทีที่ หลินเฉิง ตอบเขาก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากบานประตู ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกทันที มู่หยิงเสวี่ย ดวงตาแดงกล่ำดวงตาของเธอบวมทั้งสองข้างและกำลังจ้องมองชายหนุ่มอย่างน่ากลัว
หลินเฉิง รู้สึกละอายเล็กน้อยและถามขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”
เมื่อได้ยินคำถามจากปาก หลินเฉิง มู่หยิงเสวี่ย รู้สึกอึดอัดและอยากร้องไห้ เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังจะร้องไห้ หลินเฉิง ขมวดคิ้วและพูดว่า
“คุณควรรู้ว่าการร้องไห้ต่อหน้าผม เป็นเรื่องไร้ประโยชน์!”
มู่หยิงเสวี่ย หยุดคิด และจำได้ว่าเพื่อนชายของเธอคนนี้เป็นผู้ชายเย็นชา ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงปล่อยให้ หลินเฉิง เข้ามาในห้องและปิดประตูอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อ หลินเฉิง เข้าไปในห้องเขาไม่ได้นั่งลง แต่เขาเห็นว่า หลิวยูฉิน โผล่ออกมาจากห้องด้านใน เธอเดินออกมาพร้อมกับกอดต้นขาของ หลินเฉิง และตะโกนอย่างมีความสุข
“พี่ หลินเฉิง เก่งมาก!”
ต่อมาเธอพบว่าโคล่าก็อยู่ที่นี่ด้วย เธอรีบคลายกอดจาก หลินเฉิง และอุ้มโคล่าขึ้นมาจากพื้น เธอลูบหัวสุนัขและพูดอย่างตื่นเต้นว่า
“เจ้าหมาน้อยนายยังบ่นเกี่ยวกับพี่ใหญ่อีกหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นการกระทำของเด็กน้อย หลินเฉิง ยิ้มและหันหน้าไปหา มู่หยิงเสวี่ย ที่นั่งอยู่จากนั้นพูดว่า
“ผมได้ยินจากลุงของคุณพูดว่าคุณไม่ยอมออกจากห้อง?แม้ว่าเราจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันมากนักแต่ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นที่เดินทางด้วยกันมาตลอด หากคุณมีอะไรจะพูดคุณสามารถบอกผมได้”
เมื่อเห็น หลินเฉิง พูดอย่างอ่อนโยน มู่หยิงเสวี่ย กัดริมฝีปากของตัวเองและลังเลที่จะพูด
“นาย…รุยรุยเล่าเรื่องเกี่ยวกับนาย..เกี่ยวกับความรู้สึกที่ฉันมีต่อนาย…”
หลินเฉิง พยักหน้า
“ใช่แล้ว ..แต่ผมคิดว่า..”
ก่อนที่เขาจะพูดเขาก็ถูกขัดจังหวะโดย มู่หยิงเสวี่ย จากนั้นเธอพยายามเรียกความกล้าหาญของตัวเองและพูดว่า
“สิ่งที่รุยรุยพูดนั้นเป็นความจริง!ฉันชอบนาย หลินเฉิง!นายพาฉันไปด้วยได้ไหม?”
ทันใดนั้นหญิงสาวก็สารภาพมันทำให้ หลินเฉิง รู้สึกอึดอัดอยู่พักหนึ่ง แต่บุคลิกของเขาได้ตัดสินใจว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะทำทุกอย่างให้ชัดเจน
ในหัวใจของเขาพยายามจัดระเบียบคำพูดและพูดว่า
“ความจริงแล้วเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกมีความสุข ผมคงนอนไม่หลับทั้งกลางวันกลางคืน แต่นั่น ก็คงก่อนที่จะเกิดวันอวสานโลก หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ในความคิดของผมมีเพียงคำว่า จะทำยังไงถึงจะอยู่รอด จะไปหาป้าฉินได้อย่างไร จะปกป้องพวกเขาได้ยังไง นอกจากนี้ผมไม่เคยคิดเรื่องอื่นเลย ดังนั้น…ผมขอโทษ!”
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของ หลินเฉิง มู่หยิงเสวี่ย รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เธอร้องไห้ออกมาแล้วพูดว่า
“ทำไม? ฉันไม่กลัวความตายและฉันจะไม่รบกวนนาย ทำไมนายถึงพาฉันไปด้วยไม่ได้ เป็นเพราะฉันไร้ประโยชน์อย่างนั้นหรอ?”
หลินเฉิง ส่ายหัวและพูดอยากไม่เต็มใจว่า
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หนทางที่ผมเลือกไปนั้นเป็นความเห็นแก่ตัวของผมเองและไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น ผมไม่ต้องการเห็นใครตายเพื่อผม! เมื่อนึกถึงตอนช่วงที่เจออันตรายไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่รอบตัวผมพวกเขาเป็นได้เพียงภาระ! แม้ว่าคำพูดของผมจะน่าเกลียดแต่มันก็เป็นความจริง คุณเข้าใจใช่ไหม?”
คำพูดของ หลินเฉิง ทำให้ มู่หยิงเสวี่ย ปิดตาของเธอด้วยความเจ็บปวด
“ดังนั้น..ฉันจึงเป็นเพียงแค่ภาระนาย..ฉันเข้าใจในสิ่งที่นายพูดแล้วและฉันจะไม่ขอให้นายพาฉันไปอีก…”
เมื่อเห็นว่าสิ่งต่างๆมาถึงจุดนี้แล้ว หลินเฉิง รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้าเขารู้ว่าการพูดออกไปจะเป็นแบบนี้เขาคงไม่คิดที่จะพูดมัน อย่างไรก็ตามการพูดออกไปนั้นเหมือนน้ำทะเลที่ทะลักออกไปแล้ว มันไม่มีวันที่จะหวนกลับ จากนั้น หลินเฉิง จึงพูดต่อ
“สำหรับ ยูฉิน คุณควรที่จะหาสัตว์เลี้ยงให้กับเธอในอนาคตเพื่อฝึกฝนพลังของเธอให้มากขึ้น เมื่อเธอมีทักษะมากยิ่งขึ้นเธอจะมีประโยชน์สำหรับคุณในอนาคต!”
จากนั้น หลินเฉิง ก็ลูบหัวของ หลิวยูฉิน เสียงสะอื้นของ มู่หยิงเสวี่ยยังคงดังต่อเนื่อง
“ ตอนนี้ถึงวันอวสานโลกแล้ว ตราบใดที่เราสามารถปลุกพลังขึ้นมา เราจะไม่เหมือนดอกไม้ในเรือนกระจกอีกต่อไป! เธอต้องพยายามหนักขึ้นเพื่อที่จะแข็งแกร่ง เพื่อที่เธอจะได้สามารถปกป้องพี่เสวี่ยของเธอได้ในอนาคต”
หลิวยูฉิน เงยหน้าขึ้นและถาม หลินเฉิง อย่างไม่เต็มใจ
“พี่ชาย พี่จะไปจริงๆหรอ พี่ไม่ต้องการพวกเราแล้วอย่างนั้นหรอ?พวกเราเสียใจ…”
หลินเฉิง ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า
“พี่สาวเสวี่ยได้พบครอบครัวของเธอแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้พบครอบครัวของตัวเองเลย เธอเข้าใจอารมณ์ของฉันใช่ไหม?”
“ค่ะ!หนูรู้ว่าพี่ชายเป็นคนดีเสมอ!พี่ชายต้องพบกับครอบครัวของตัวเองได้อย่างแน่นอน!”
เมื่อสัมผัสคำพูดที่บริสุทธิ์และจริงใจของ หลิวยูฉิน หลินเฉิง รู้สึกมีความสุขและรับรู้ถึงความอบอุ่น เขาลูบหัวเล็กๆของเด็กสาวและหัวเราะ
“พี่ชายคนนี้ขอบคุณในคำอวยพรของเธอ!”
หลังจากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมอง มู่หยิงเสวี่ย ซึ่งยังคงนั่งร้องไห้อย่างเงียบๆ หลินเฉิง ส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์จากนั้นพูดกับเธอว่า
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมจะไปละนะ มันจะปลอดภัยถ้าคุณอยู่ที่นี่กับลุงของคุณ อีกทั้งคุณยังมี ยูฉิน คุณควรเอาใจใส่กลับคนที่ใส่ใจคุณมากกว่า!”
จากนั้น หลินเฉิง ก็หันไปหา หลิวยูฉิน และเรียกโคล่า 1 คนกับ 1 สุนัขออกจากห้องไป
…..
หลินเฉิงยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าของเขตทหารเหลียนเฉิง แล้วมองดูคนที่อยู่ต่อหน้าเขาจากนั้นพูดว่า
“ผมบอกคุณแล้วว่าไม่ต้องออกมาส่ง คุณควรใช้เวลานี้เพื่อกลับไปนอนหรือไม่ก็ใช้ฝึกฝนทักษะของตัวเองจะดีกว่า?”
เฉินฮงหยวน ยืนยิ้มอย่างมีความสุข เขาถือกระเป๋า 2 ใบส่งให้กับ หลินเฉิง และพูดว่า
“คุณคือฮีโร่ของพวกเรา ถ้าพวกเราไม่มาส่งคุณจะรู้สึกสบายใจไปได้ยังไง?กระเป๋า 2 ใบนี้บรรจุอาหารและอาวุธ ในเมื่อคุณไม่ต้องการอะไรและเราก็ไม่รู้ว่าจะให้อะไรคุณอย่างนั้นอย่าปฏิเสธเลย
หลังจากได้รับกระเป๋า 2 ใบ หลินเฉิง ต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ มู่หวู่หยวน ก็พูดขึ้นว่า
“ หลินเฉิง ระวังตัวด้วย!ฉันมีลางสังหรณ์ว่าพวกเขาจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เมื่อนายไปถึงที่นั่นอย่าลืมบอกพวกเขาให้มาเยี่ยมเยียนฉันด้วย!”
มู่หวู่หยวน กล่าว จบเขาโบกมือมีทหารคนหนึ่งออกมาพร้อมกับห่อบางอย่าง มู่หวู่หยวน ส่งมันให้กับ หลินเฉิง และพูดว่า
“นี่คือบุหรี่อย่างดี ที่เหลียนเฉิงอุดมไปด้วยยาสูบ ดังนั้นฉันจึงมอบบุหรี่ให้กับนาย มันจะทำให้นายมีบุหรี่สูบไปอีกสักพัก!”
หลินเฉิง ได้ยินดังนั้นเขารีบแกะห่อพัสดุอย่างรวดเร็วและยกนิ้วโป้งชมเชย
“ผู้บัญชาการมู่รสนิยมไม่เลว ดังนั้นผมไม่สุภาพแล้วนะ!”
เขาสูดหายใจลึกๆแล้วมองไปที่ มู่หวู่หยวน ด้านหลังของเขา มีคนที่ยืนอยู่อีก รั่วเหมิง , เฉินฮงหยวน พี่น้องตระกูลซู มู่หยิงเสวี่ย และ หลิวยูฉิน ยืนส่งเขา หลินเฉิง ยิ้มอย่างสดใสและตะโกนขึ้นว่า
“ไว้พบกันอีก!”
จากนั้นฝูงชนก็พยักหน้าให้กับชายหนุ่ม หลินเฉิง พาโคล่าเดินออกมาจากประตูค่ายทหารเหลียนเฉิง และไปยังมุมลับเพื่อกดใช้แคปซูลรถ จากนั้นเขาขึ้นรถและเหยียบคันเร่งออกไป!