ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 115
ตอนที่ 115 กวนเป็ง
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นลูกกระสุนแฉลบไปที่แขนขวาของหญิงสาวและชนกับกําแพงด้านหลัง
“แม่!”
เมื่อเห็น หลินเฉิง ยิงใส่แม่ของเธอว่านหลิงกรีดร้อง เธอรีบลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วพุ่งไปหาแม่ของเธออย่างรวดเร็ว และเธอพบว่ามันเป็นเพียงแผลถลอกเท่านั้น เธอรู้สึกโล่งอกและมองไปที่หลินเฉิงอย่างโกรธเคือง
“ครั้งต่อไปมันจะไม่โชคดีแบบนี้เข้าใจไหม”
หลินเฉิง มองไปที่ผู้หญิงที่ถูกยิง และถามด้วยเสียงเย็นชาขึ้น หญิงสาวเองหันมามอง หลินเฉิงและตะโกนขึ้นว่า
“ฉันไม่รู้ว่าคุณตามหาโทรศัพท์อะไร แต่ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน!แม้คุณจะฆ่าฉันก็ไม่มีประโยชน์อะไร!”
เมื่อได้ยินคําขู่ของหลินเฉิง หญิงสาวกล่าวขึ้นพร้อมกับน้ําเสียงเย็นชา
เมื่อเห็นทัศนคติที่สิ้นหวังของหญิงสาว หลินเฉิง ขมวดคิ้วและชั่งน้ําหนักความน่าเชื่อถือในคําพูดของเธออย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาส่ายหัวและตัดสินใจที่จะเลิกสงสัยเธอในขณะนี้
เขาไม่ได้ถามว่านหลิงอีกต่อไป ท้ายสุดแล้วพวกเธอก็เป็นแม่และลูก ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปิดบังกัน
กลับมาที่หลิวเฉียงอีกครั้ง หลินเฉิงนั่งอยู่บนโต๊ะน้ําชาและถามเขาขึ้นว่า
“นายเป็นบอดี้การ์ดใช่หรือเปล่า?”
เมื่อเห็นหลินเฉิงหันความสนใจมาที่ตัวเอง หลิวเฉียงพูดด้วยสีหน้าโศกเศร้าว่า
“คือว่าผมเป็นบอดี้การ์ดของว่านหลิง ส่วนพี่เป็งเป็นบอดี้การ์ดของคุณหลิว”
หลินเฉิงพยักหน้าและถามต่อว่า
“ในฐานะผู้คุ้มกัน นายไม่คิดว่าตัวเองทําตัวน่าอายเกินไปหน่อยอย่างนั้นหรอ ฉันจะฆ่าเจ้านายของนายแต่นายกลับไม่คิดจะปกป้องเธอ?”
หลิวเฉียงพูดกับหลินเฉิงอย่างหมดปัญญา
“พี่ชาย ในเวลานี้ไม่มีคําว่าเจ้านายลูกน้อง พวกเราทุกคนต่างเอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง”
“โอ้ ดูเหมือนว่านายจะเป็นคนฉลาดจริงๆ!”
เมื่อได้ยินคําตอบของเขาหลินเฉิงพยักหน้า
“ในฐานะคนฉลาด นายบอกฉันได้ไหมว่าโทรศัพท์อยู่ที่ไหน?”
“ผมไม่รู้จริงๆ! พี่ชายคุณบอกผมได้ไหมว่าโทรศัพท์ที่คุณกําลังมองหาเป็นอย่างไร บางทีเราอาจจะเคยพบเห็นมันโดยบังเอิญ..”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงยังคงมองหาโทรศัพท์ หลิวเฉียงตอบอย่างไม่เต็มใจและถามเกี่ยวกับโทรศัพท์นี้
“โทรศัพท์มีขนาดประมาณ 5 นิ้วและหนาประมาณ 20 เซนติเมตร มันมีสีดําและปุ่มเปิดใช้งาน!”
เมื่อได้ยินคําถามของหลิวเฉียง ฟางหยูที่ยืนอยู่ข้างเขาตอบอย่างรวดเร็ว
หลิวเฉียง ขมวดคิ้วและนึกอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหัว
“ผมไม่คิดว่าในยุคสมัยนี้ใครจะใช้โทรศัพท์มือถือแบบนั้น มันเป็นโทรศัพท์โบราณเกินไป มันมีอะไรพิเศษอย่างนั้นหรอก ทําไมมันถึงสําคัญกับคุณ?”
หลินเฉิงส่ายหัว และจ่อปืนไปที่หัวของหลิวเฉียง จากนั้นกระซิบว่า
“อย่าถาม!”
ทันทีที่หลินเฉิงชี้ปืนมาที่หัวของเขา ใบหน้าของ หลิวเฉียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพยายามระงับความโกรธที่อยู่ในใจและพูดว่า
“ผมรู้แล้วพี่ชาย…หากโทรศัพท์นี้มีความสําคัญกับคุณจริงๆคุณควรรอให้พี่เป็งกลับมาและถามเขา เขาเคยอยู่ข้างบนบางทีเขาอาจเคยเห็นมัน…”
“พี่เฉียง พี่พูดอะไรลุงเป็งไม่ใช่คนแบบนั้น พี่ไม่ควรพูดแบบนี้!”
เมื่อได้ยินคําพูดของหลิวเฉียง ใบหน้าเล็กๆของว่านหลิง เปล่งประกายด้วยความโกรธในขณะที่นั่งข้างแม่ของเธอ
ปัง!
หลินเฉิงยิงกระสุนอีกครั้งที่เพดานเพื่อระงับการทะเลาะกันระหว่างพวกเขา ความจริงแล้วมันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่จะหาโทรศัพท์ที่นี่แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องยาก
หากเขาไม่กลัวว่าจะบังเอิญฆ่าคนที่รู้ว่าโทรศัพท์อยู่ที่ไหนเขาคงฆ่าคนทั้ง 3 คนไปแล้ว! เรื่องนี้ทําให้เขารู้สึกอารมณ์เสีย
“เธอสองคนมาที่นี่!”
หลินเฉิงหยิบปืนและชี้ไปที่แม่และลูกสาว หลังจากที่พวกเธอเดินเข้ามาเขานั่งอยู่บนโซฟาและพูดว่า
“ ฉันได้บอกเธอไปแล้วว่าโทรศัพท์มือถือหน้าตาเป็นอย่างไร คราวนี้เธอบอกฉันสิว่าใครอาศัยอยู่ในห้องนอนสุดทางเดินบนชั้น 3 นายอาจจะไม่บอกและโกหกได้แต่เธอก็จะได้รับแจกลูกปืนไปเช่นกัน! เริ่มจากหลิวเฉียง!”
จากนั้นหลินเฉิง ก็วางปากกระบอกปืนไว้บนหน้าผากของหลิวเฉียง!
เมื่อพบว่าชายหนุ่มกําลังเอาจริง หลิวเฉียงกลืนน้ําลายและพูดด้วยน้ําเสียงตึงเครียดว่า
“ว่านหลิงผมไม่รู้…พี่เป็งอยู่ที่นั่น! ส่วนคุณหลิว…ผมไม่รู้แต่เธออยู่ที่ชั้น 3 เสมอ!”
หลินเฉิง พยักหน้าและหันกระบอกปืนไปที่ศีรษะของนางหลิว
เมื่อถึงคราวเธอหญิงสาวหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาว่า
“ฉันไม่เคยเข้าไปในห้องนั้นและไม่เคยไปที่นั่นเมื่อกวนเป็ง และหลิวเฉียง พบบ้านพักนี้พวกเขาได้ค้นหาบ้านทั้งหลังเพื่อความปลอดภัย ดังนั้นทั้งคู่ต้องเคยเข้าไปด้านใน!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินเฉิง ขมวดคิ้วแล้วหันปากกระบอกปืนมาที่หลิวเฉียงอีกครั้งและ ถามด้วยน้ําเสียงเย็นชาว่า
“ไหนนายบอกว่านายไม่เคยขึ้นไปชั้น 3 ตั้งแต่มาที่นี่!”
ใบหน้าของหลิวเฉียง เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคําพูดของนางหลิว เมื่อหลินเฉิงหันมาสนใจเขาอีกครั้งมีเหงื่อเล็กน้อยปรากฏบนหน้าผากของเขา
“คือ…เวลานั้นไม่นับโผมแค่เปิดประตูและมองเท่านั้นไม่ได้เข้าไป!”
“โอ้ ”
หลินเฉิง หัวเราะเบาๆและกําลังจะซักถามต่อไปแต่เขาก็ได้ยินนางหลิวพูดขึ้นมาว่า
“ กวนเป็งเป็นบอดี้การ์ดของฉันและยังเป็นญาติห่างๆของฉันด้วยเขาอยู่กับฉันมา 5-6 ปีแล้ว ประตูของบ้านพักแห่งนี้ปิดตอนที่เราเข้ามา หากเขาพบโทรศัพท์มือถือที่สามารถเปิดใช้งานได้เขาจะบอกฉันเป็นคนแรกอย่างแน่นอน”
หลินเฉิงเข้าใจความหมายของคําพูดหญิงสาว เขาจ่อปืนเข้าไปยังตาซ้ายของ หลิวเฉียง แล้วพูดอย่างดูถูกว่า
“ดูเหมือนว่านายจะไม่ฉลาดอย่างที่พูด…พูดมาโทรศัพท์อยู่ที่ไหน?”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงระบุมาที่ตัวเอง หลิวเฉียงไม่สามารถต้านทานแรงกดดันไม่ได้
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงประตูพังจากด้านหลังและกระเด็นมาหาหลินเฉิงโดยตรง! หลินเฉิงเอี้ยวตัวหลบจากนั้นหันมาหาฟางหยู และพูดว่า
“เฝ้าชายคนนี้เอาไว้”
จากนั้นเขาดึงมีดออกมาจากด้านหลังแล้วมองไปที่ชายวัยกลางคนที่เพิ่งปรากฏตัวด้วยใบหน้าจริงจัง!
“พี่เป็ง ช่วยผมด้วย!! ผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะฆ่าเราและยังยิงผู้หญิงอีกด้วย!”
เมื่อเห็นคนที่ปรากฏออกมาคือ กวนเป็ง หลิวเฉียงแสดงออกถึงความยินดีและรีบขอความช่วยเหลือทันที!
เมื่อชายคนนั้นได้ยินคําพูดของหลิวเฉียง เขารีบมองไปที่นางหลิวอย่างรวดเร็วและเห็นว่าเธอกําลังกุมไหล่ขวาของเธอเอาไว้ในเวลานี้ ยังมีรอยเลือดอยู่บนเสื้อ
เมื่อเห็นฉากนี้ดวงตาของกวนเป็งเป็นสีแดงใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างเย็นชาและโกรธแค้น เขาตะโกนใส่หลินเฉิงว่า
“เด็กน้อยแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่านายมาทําอะไรที่นี่ แต่วันนี้นายต้องตาย!”
หลังจากพูดจบเขากระแทกหมัดลงบนกับพื้น ทันใดนั้นก็มีก้อนหินขนาดใหญ่ยกตัวขึ้นจากพื้นและพุ่งเข้าหาศีรษะของหลินเฉิงทันที!