ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 211 ชดใช
SC:
“แก…แกเป็นใครกันวะ?!”
เนื่องด้วยสภาพของเจ้าตัวที่สวมใส่เพียงกางเกงในตัวเดียวหวังจินหลง จึงตัวสั่นสะท้านจากความหนาว เขามองไปยังหลินเฉิงซึ่งยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ใครกันน่ะ?”
เมื่อได้ยินหลินเฉิง ก็ฉีกยิ้มกว้างโดยพลัน “แน่นอน ก็คนที่จะมาเอาชีวิตนายไง!”
สิ้นคำพูดชายแปลกหน้าชักดาบยาวขึ้นมาแล้วแทง หวังจินหลง เข้าที่ไหลขวา
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงกำลังจะโจมตีตนเองอีกครั้งด้วยความเร่งรีบ หวังจินหลง ก็ได้อัญเชิญสร้างกำแพงทองคำตั้งตระหง่านเพื่อจะพยายามหยุดยั้งอีกฝ่าย แต่มิช้านาน กำแพงก็ถูกดาบยาวของฝั่งศัตรูเสียบทะลุ หลินเฉิงไม่รี้รอที่จะกะซวกกำแพงซ้ำอีกครา หลังจากที่กำแพงทองคำซึ่งเคยขวางทางถูกดาบผ่าเป็นสองซึก หวังจินหลง พบว่าฝ่ายตรงข้ามปรี่เข้ามาหาตนเสียแล้ว!
เห็นเช่นนั้นเองหัวใจของ หวังจินหลง จึงลุกโชติขึ้นอย่างน่าหวาดหวั่น เขารีบเปลี่ยนไปสวมชุดเกาะทองคำอีกครั้ง พร้อมกันนั้น เมื่อเขาดีดนิ้ว เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าจู่ ๆ ทองคำหลอมเหลวก็ไหลล้นออกมาจากทุกหนทุกแห่ง ก่อให้เกิดเป็นคลื่นทองคำมหึมา และคลื่นนั้นมุ่งหน้าไปยังหลินเฉิง!
“ครื่น—!”
เกิดเสียงดังกัมปนาทขึ้นเมื่อของเหลวทองอร่ามที่กำลังจะซัดเข้าหาหลินเฉิงอยู่แล้วนั้นกลับถูกกั้นไว้โดยกำแพงน้ำแข็งใหญ่ยักษ์ คลื่นทองคำกระจายสาดไปทั่วห้อง ทำทั้งห้องระยิบระยับไปด้วยประกายของทองคำและเกล็ดน้ำแข็ง!
จากนั้นทันทีที่หลินเฉิงสะบัดนิ้ว เขาก็เห็นพายุหิมะขนาดเล็กก่อตัวรอบเขาอย่างรวดเร็ว เพียงเสี้ยววินาที มันก็พัดไปทางทองคำที่พร้อมจะแข็งตัวในไม่ช้า
“ขะคา…”
แต่ในชั่วไม่กี่อึดใจน้ำแจ็งพลันควบแน่นเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ พร้อมกับที่ร่างของ หวังจินหลง ติดกับในพื้นน้ำแข็งอย่างหนักแน่น โดยที่ไม่อาจขยับตัวท่อนล่างได้แม้แต่น้อย
“เป็นกระบวนท่าที่ดีไม่น้อยแต่น่าเสียดาย…”
หลินเฉิงหันไปมองชายซึ่งไร้หนทางหลบหนีแล้วได้แต่บ่นพึมพำกับตนเอง ก่อนจะหันไปทาง เฉินเฟยหยูที่ยังคงนั่งยองอยู่บนตู้ “ลงมาเลย! ฉันให้เวลาสิบนาทีในการจะจัดการกับหมอนี่ แล้วจำไว้ด้วยนะ ถึงจะทรมานได้ตามใจปรารถนา แต่อย่างไรก็ตาม เหลือลมหายใจสุดท้ายเอาไว้!”
เช่นนั้นเองเมื่อเขาหันไปเห็น หวังจินหลง นอนกระเสือกกระสนบนพื้น เป็นการยากที่จะอดเหยียดหยามอีกฝ่ายทันที “หากฉันจะยังมีใจพอที่จะทรมานนายได้อีกล่ะนะ ด้วยสภาพอย่างแมวสามขาของนายน่ะ จะหักแขนหักขาอีกก็คงไม่ได้!”
ชั่วขณะถัดมาเขาก็เมินชายอีกคนเสียสนิท ทิ้งมีดเล่มหนึ่งไว้บนพื้น พาตัวหยูซานและเทียนซือออกมา ทิ้งให้ เฉินเฟยหยูซึ่งโกรธจัดอยู่ในห้องแต่เพียงลำพัง
…
หลินเฉิงนั่งเอื่อยบนม้านั่งในทางเดินพร้อมบุหรี่ในมือ แล้วเอ่ยถามคู่สนทนาอีกคนเป็นครั้งคราว
“นี่ควรจะเป็นการสังหารเดี่ยวครั้งแรกของเธอไม่ใช้เหรอความรุ้สึกหลังได้สู้รบปรบมือเป็นยังไงบ้างล่ะ”
หญิงสาวได้ยินคำถามของชายตรงหน้าได้แต่ยืนเงียบก่อนจะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยกมือมาเช็ดปาก แล้วตอบด้วยเสียงค่อย “ฉันรู้สึกเหมือน… ฉันทำพลาดค่ะ!”
“หืม?”
ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายแล้วหลินเฉิง ก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “ทำไมถึงพูดอย่างนั้น”
“พี่ให้เวลาฉันหนึ่งชั่วโมงในการแอบลอบเข้าไปและทำการลอบสังหารแต่ฉันลืมเวลาและถึงกับต้องต่อสู้อย่างดุเดือด สุดท้าย กลับกลายเป็นพี่ที่ต้องจัดการกับคนนั้นแทน…”
หยูซานมองหน้าอันเฉยเมยของหลินเฉิง แล้วก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก
หลินเฉิงเพียงส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไร้อารมณ์ “เธอรู้มั้ยว่าเธอทำผิดตรงไหน ไม่ว่าศัตรูจะเป็นยักษ์หรือมนุษย์ธรรมดา มันก็ไม่แตกต่างเลยซักนิด! สิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือใช้ประโยชน์จากความสามารถของตัวเองให้ถึงที่สุด และทำให้อีกฝ่ายไม่อาจเคลื่อนไหว หรือไม่ก็ตาย!”
หลินเฉิงโยนก้นบุหรี่ทิ้งอย่างลวก ๆ แล้วหันไปจับหัวคนที่นั่งฟังบทสนทนาของเขา
“ภารกิจที่ฉันมอบหมายให้เธอครั้งนี้คือช่วยชีวิตของเฉินเฟยหยู และแฟนสาว และพร้อมกันนั้น ทำให้ หวังจินหลง คนนั้นไม่อาจที่จะเคลื่อนไหวได้! แต่เธอทำยังไงนะ ตัดมือมันออก? ปืนพกที่เสียบไว้ข้างเอวน่ะมีไว้โชว์อย่างเดียวรึไง?!”
หญิงสาวรับฟังคำตำหนิของหลินเฉิง เธอเผลอกัดริมฝีปากพลางพยายามอธิบายด้วยเสียงต่ำกว่าปกติ “ฉัน… ฉันเห็นว่าหวังจินหลง กำลังจะทำไม่ดีกับเด็กสาวคนนั้น ฉันเลยร้อนรน… และคิดอะไรได้ไม่รอบคอบ ฉันแค่อยากจะหยุดหมอนั่นค่ะ” novel-lucky
“ฮึ่ม!”
เมื่อได้ยินคำแก้ตัวซึ่งฟังไม่ขึ้นของอีกฝ่ายหลินเฉิง ก็กล่าวเย้ยหยันกลับ “ถ้าเธออยากจะขัดขวางมันล่ะก็ มีวิธีทำเป็นพัน ๆ แต่เธอกลับเลือกวิธีที่โง่เขลาที่สุด! และผลลัพธ์ก็คือ หวังจินหลง มีเวลาเพียงพอที่จะเปลี่ยนไปสวมชุดเกราะทองคำ และลากเธอเข้าร่วมการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย! ใครจะรู้เล่าว่าระหว่างเธอกับมัน ใครจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะกันแน่หากฉันมาถึงช้าไปซักไม่กี่นาที!”
“ฉันผิดไปแล้วค่ะพี่ใหญ่หลิน!ฉันจะไม่กระทำความผิดพลาดง่าย ๆ อย่างนี้ซ้ำสองอีกค่ะ!”
หญิงสาวเห็นสีหน้าผิดหวังของหลินเฉิง และดูตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก อันเป็นที่ประจักษ์ชัดจากอาการที่เธอคว้าเอาแขนของชายอีกฝ่ายเข้าราวกับพยายามจะยืนยันคำพูดของตน
“ไปซะ!”
เมื่อหลินเฉิง ไม่เห็นซึ่งความเปลี่ยนแปลงในห้องนั้น เขาลุกขึ้นยืนและโบกมือไปทางหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังเขา “ถ้าทำผิดพลาดแบบนี้อีกล่ะก็ ไปเก็บของแล้วไปให้พ้นหน้าฉันเสีย!”
หลังจากนั้นเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะต่อกรกับหญิงสาวที่นั่งน้ำตาแตก จึงผลักประตูและมุ่งหน้าตรงเข้าไปโดยไม่ใส่ใจอะไร
เมื่อเข้ามาในห้องของหวังจินหลง อีกคราหนึ่ง หลินเฉิง สังเกตเห็นเจ้าของห้องนอนแน่นิ่งราวกับเป็นอัมพาตบนพื้น และครั้งนี้เขานอนจมอยู่ในกองเลือดของตัวเอง ร่างของอีกฝ่ายดูจะพรุนไปด้วยช่องทางระบายอากาศมากกว่าที่จะสามารถหายใจนำอากาศเข้า
เฉินเฟยหยูคุกเข่าอยู่ข้าง หวังจินหลง ในมือจับมีดที่ หลินเฉิง ทิ้งไว้เสียแน่น นัยน์ตาของเขาแดงก่ำด้วยความเดือดดาล และทั้งหน้าอาบไปด้วยเหงื่อกาฬ สิ่งเดียวที่รั้งไม่ให้เจ้าตัวแทงชายซึ่งนอนจมในกองเลือดซ้ำก็มีเพียง จางซวน ที่รั้งแขนของแฟนหนุ่มเอาไว้
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าหลินเฉิง กลับมา เธอตื่นตระหนกและหันมาตะโกนใส่เขา “เร็วเข้า! ช่วยรั้งเฟ่ยหยูไว้ที! เขาจะฆ่า หวังจินหลง อยู่แล้ว!”
“แล้ว?”
หลินเฉิงได้ยินอีกฝ่ายอย่างชัดเจน แต่เขาทำเพียงแค่เหลือบตามอง เฉินเฟยหยู ซึ่งเอาแต่ขบฟันตัวเองจากความโกรธแล้วหันไปถาม จางซวน “ก็เป็นเรืองปกติไม่ใช่รึไง ไอ้สารเลวคนนี้มันเกือบจะข่มขืนเธอ เฟ่ยหยูเลยอยากฆ่ามัน เป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ซะด้วยซ้ำ!”
พอได้ยินคำตอบที่ไม่แยแสของชายที่เพิ่งเข้ามาในห้องความหวาดหวั่นในใจของหญิงสาวพลันเปลี่ยนเป็นความตกตะลึง “แต่… แต่คุณยังต้องการให้ หวังจินหลง ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรอกเหรอ คุณช่วยชีวิตเรานะ เราไม่อาจที่จะ… คุณช่วยจริงจังกับคำพูดของตัวเองหน่อยได้มั้ย”
ครั้นเห็นหน้าที่สับสนของจางซวน หลินเฉิง เพียงส่ายหัวและหัวเราะลั่น “ฉันคิดว่าความซาบซึ้งของพวกเธอมีน้อยไปนิดนะ ฉันเกรงว่าเฟ่ยหยูจะฆ่า หวังจินหลง ไปแล้วและทำฉันโกรธจริง ๆ ซะเนี่ยสิ นั่นเป็นสิ่งที่เธอกังวลอยู่จริง ๆ ใช่มั้ยล่ะ ฉลาดดีนี่…”
หลินเฉิงอ่านความคิดของอีกฝ่ายได้เพียงสบสายตาของเจ้าตัว จางซวน มองมาที่เขาและทำได้แค่พูดตะกุกตะกัก “ใช่… มันก็จริง แต่ว่า…”
หญิงสาวไม่ทันมีโอกาสได้จบประโยคตนครั้นหลินเฉิง โบกมือตนเองขัดเธอขึ้น ดังจะสื่อว่าการที่เฟ่ยหยูเผลอฆ่าอีกฝ่ายไปเป็นเรื่องหยุมหยิม “โอเค เธอไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอก ฉันรู้จักแฟนของเธอมาก่อน และเขาสัญญาว่าจะพาเราไปเกาะหนานซู เพราะงั้นฉันต้องมาช่วยเธอไงล่ะ!”
“เกาะไข่มุกทางใต้เนี่ยนะ?!”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้นมาเช่นนั้นจางซวน ต้องตกตะลึงอีกครั้ง “คุณ… นี่คุณจะไปทำอะไรบนเกาะหนานซูท้องทะเลทางนั้นอันตรายมากนะ!”
“เธอต้องถามแฟนของเธอเองแล้วล่ะ!”
ทว่าหลินเฉิง กลับหวนนึกถึงอดีตขึ้นมา ก่อนจะตั้งสติพร้อมยื่นมือซ้ายของตนไปหา เฉินเฟยหยู
ราวกับว่าเขาเพิ่งจะถูกปลุกขึ้นจากการนอนหลับฝันเฉินเฟยหยู เช็ดเหงื่อบนหน้าผากตน และรีบคืนมีดเล่มนั้นให้ หลินเฉิง
————————————-