ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 212 อร่อยไหม
SC:
หลังจากที่คืนมีดให้กับหลินเฉิง เฉินเฟยหยู ก็นึกถึง หวังจินหลง ที่เขาเป็นคนลงมือแทงมากกว่า 10 ครั้ง เขามองลงไปและเห็นว่าปากของ หวังจินหลง เต็มไปด้วยเลือด เป็นเพราะอารมณ์โกรธของเขาจึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ เมื่อมองไปที่ หวังจินหลง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังจะตาย เฉินเฟยหยู รู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจของเขาเขารีบอธิบายให้กับ หลินเฉิง ฟัง
“ขอโทษครับพี่หลินผมขาดสติไป..”
หลินเฉิง โบกมือและพูดว่า
“ไม่ต้องอธิบายหรอกฉันเข้าใจนายดี!เอาล่ะพาแฟนของนายออกไปจากที่นี่เถอะ ฉันมีบางอย่างที่จะคุยกับเขาสักสองสามคําเพียงลำพัง”
เมื่อได้ยินดังนั้นเฉินเฟยหยู ที่กำลังจะเอ่ยปากถามก็ปิดปากลงทันทีและหันไปมอง หวังจินหลง ด้วยความเสียใจ เขาต้องการที่จะฆ่า หวังจินหลง ด้วยมือของเขาเอง อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าชีวิตของเขากับ จางซวน นั้นได้รับความช่วยเหลือจาก หลินเฉิง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถโต้แย้งได้ จางซวน มองไปที่ใบหน้าของ หลินเฉิง พร้อมกับความอยากรู้อยากเห็น แต่สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คือออกไปจากห้อง
เมื่อหลินเฉิง และ หวังจินหลง ถูกทิ้งไว้ในห้องเพียงลำพัง หลินเฉิง ก็ดีดนิ้วเพื่อทำให้น้ำแข็งเกาะบนบาดแผลเพื่อหยุดอาการเลือดไหลอย่างรวดเร็ว
หวังจินหลง ลืมตาขึ้นและเห็นว่า หลินเฉิง ได้ช่วยชีวิตของเขา ทันใดนั้นเขารู้สึกเหลือเชื่อ
“อย่ามองฉันอย่างนั้นยังไงนายก็ไม่รอด ฉันแค่อยากจะถามคำถามสัก 2-3 คำ..”
เมื่อเห็นว่าหวังจินหลง มองตัวเอง หลินเฉิง หัวเราะและหยิบเก้าอี้มานั่งด้านข้างเขา
เมื่อได้ยินดังนั้นหวังจินหลง เปิดริมฝีปากแห้งผาดของเขาเล็กน้อยและถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า
“แก…แกต้องการอะไรอีก?”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรแค่มีคำถามเล็กน้อยและต้องการคำตอบจากนาย”
เมื่อเห็นหวังจินหลง พูดด้วยร่างกายสั่นเทา หลินเฉิง ส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์จากนั้นเขาดีดนิ้วทำให้น้ำแข็งที่หยุดอาการเลือดไหลหายไปทันที
จากนั้นหลินเฉิง ก็หยิบกล่องบุหรี่ของเขาขึ้นมา ก่อนที่จะจุดสูบอย่างสบายใจและพูดขึ้นว่า
“เนื้อมนุษย์อร่อยไหม?”
หวังจินหลงเห็นอย่างนั้นรู้สึกอิจฉาเขาต้องการที่จะสูบบุหรี่เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตเช่นกัน หลังจากได้ยินคำถามของ หลินเฉิง เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า
“แกคิดยังไงล่ะ..ถ้าฉันสามารถย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็ไม่อยากจะกินเนื้อมนุษย์เลย..มันทรมานมาก”
หลินเฉิง พยักหน้าเมื่อได้ยินเสียงกระซิบเบาๆของ หวังจินหลง และพยักหน้าก่อนจะถามว่า
“จากนั้นนายนอนไม่หลับเลยใช่ไหม?”
หวังจินหลง ส่ายหัวอย่างเงียบๆ
“ฉันเป็นคนที่กำลังจะตายแกยังจะมาถามคำถามแบบนี้ให้ได้อะไร?”
“ก็ได้”
เมื่อเห็นว่าหวังจินหลง ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ หลินเฉิง ก็ไม่ต้องการบังคับเขาอีกต่อไป สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้มากนักหลังจากคิดอยู่สักครู่ หลินเฉิง ก็ถามขึ้นว่า
“จากนั้นการกินเนื้อของผู้มีพลังสามารถพัฒนาพลังของตัวเองได้ฉันสังเกตว่าพลังของนายเกือบเทียบเท่ากับระดับ 3”
“ไม่…”
เมื่อได้ยินดังนั้นหวังจินหลง ถอนหายใจ
“แม้ว่าจะได้กินเนื้อของผู้มีพลังลูกน้องของฉันส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถพัฒนาขึ้นมาได้ เป็นเพราะพวกเขากินมากกว่าคนอื่นๆ”
“มากกว่า?”
หลินเฉิง หัวเราะเยาะ
“ดูเหมือนว่านายจะเป็นหัวหน้าที่ดีจริงๆ!”
เมื่อได้ยินคำประชดประชันของหลินเฉิง หวังจินหลง ส่ายหัวอย่างอ่อนแรง
“ยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งนอนไม่หลับ!ในความเป็นจริงแม้ว่าแกจะไม่มาหาฉันในวันนี้ฉันก็คิดว่าคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน…ความผิดนั้นหลอกหลอนฉันเหมือนกับฝันร้ายทำลายความรู้สึกของฉันตลอดเวลา จนแทบไม่ได้หลับนอน บางครั้งฉันก็รู้สึกอยากจะฆ่าตัวตาย..”
“นั่นคือสิ่งที่นายควรจะได้รับ นายดันทำตัวไม่ดีอย่างกินเนื้อมนุษย์ ฉันเคยเห็นพวกนิสัยเสียมามากมายแต่พึ่งเห็นคนแบบนายเป็นคนแรก!” novel-lucky
หลินเฉิง มองดูใบหน้าที่เศร้ามองของ หวังจินหลง และพูดเย้ยหยันอย่างไร้ความปราณี
เมื่อได้ยินคำถามทางของหลินเฉิง หวังจินหลง พยักหน้าเห็นด้วยจากนั้นเขามองตรงมาที่ หลินเฉิง และตามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ถูกต้องฉันควรถูกลงโทษสมควรแล้วที่ฉันจะต้องตาย ก่อนที่ฉันจะตายฉันขอถามได้ไหมว่าแกเป็นใคร?…”
อย่างไรก็ตามหลินเฉิง โบกมือและพูดว่า
“ฉันเป็นแค่คนบังเอิญผ่านมาถ้านายไม่ได้จับตัวชายหญิงคู่นั้นมาพวกเราคงไม่มีทางที่จะเจอกัน!”
เมื่อได้ยินดังนั้นหวังจินหลง ยิ้มอย่างขมขื่น
“ดูเหมือนว่าฉันจะโชคร้ายจริงๆที่ไปยุ่งเกี่ยวกับ เฉินเฟยหยู ออ มีบางอย่างที่นายลืมถาม เสบียงของพวกเราอยู่ในชั้นล่างห้อง 432 นายดีใจที่ฉันบอกเรื่องนี้ไหม?”
“นายต้องการพูดอะไร?”
เมื่อได้ยินข้อมูลจากหวังจินหลง แล้ว หลินเฉิง โบกมือ
“เอาล่ะหลับตาฉันจะทำให้นายหลับไปตลอดชีวิต”
“เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อน”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิง กำลังจะลงมือโดยการใช้ดาบสีดำแทงลงไปบนหน้าผากของเขา หวังจินหลง พยายามร้องขึ้นอย่างเต็มที่และโบกมือเพื่อต้องการที่จะหยุดการกระทำของ หลินเฉิง เมื่อเห็นดังนั้น หลินเฉิง ขมวดคิ้วและถามอย่างหงุดหงิดว่า
“ทำไม นายยังคิดว่ามันจะมีโอกาสรอดอีกหรอ?”
“เปล่า..ไม่ใช่อย่างนั้น…”
เมื่อได้ยินดังนั้นหวังจินหลง รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ฉันรู้ว่าฉันจะต้องตายอย่างแน่นอนแต่ก่อนฉันจะตายฉันขอเลือกสถานที่ตายได้ไหม ในห้องนอนของฉันมี เถ้ากระดูกของครอบครัวฉันอยู่ฉันอยากจะตายเคียงข้างพวกเขา..”
“งั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินคำอธิบายจากปากของหวังจินหลง หลินเฉิง ยิ้มขึ้น
“มองไม่ออกเลยว่านายเป็นคนรักครอบครัวมากเอาละห้องนอนของนายอยู่ไหน”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิง เห็นด้วย หวังจินหลง รู้สึกโล่งใจทันทีและชี้ไปที่ประตูสีทองด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว
“ที่นั่น!”
เมื่อพูดจบหลินเฉิง ก็พยักหน้าทันทีและตะโกนขึ้นว่า
“หยูซาน!”
“คะ”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของหลินเฉิง หยูซาน ที่นั่งอยู่ข้างนอกกำลังพูดคุยกับ จางซวน รีบเปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อ หยูซาน เดินเข้ามาหา หลินเฉิง หลินเฉิง ก็ชี้ไปที่ประตูสีทองด้านหลัง หวังจินหลง และบอกว่า
“เข้าไปด้านในแล้วดูสถานการณ์ตรวจสอบให้ดี อย่าทำให้ฉันผิดหวัง!”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ในที่สุดหยูซาน ก็มีโอกาสแก้ตัวเธอรีบตอบตกลงจากนั้นเปิดประตูสีทองและเดินเข้าไปด้านใน หลังจากที่หยูซานเดินเข้าไปแล้ว หลินเฉิง หันมามอง หวังจินหลง ที่รู้สึกประหม่าเล็กน้อย จากนั้นเขายิ้มและพูดว่า
“นี่เป็นที่อยู่ของนายเราต่างก็เป็นศัตรูกันดังนั้นฉันเองก็ต้องระมัดระวังให้มาก”
“อ่า..ใช่ๆ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของหลินเฉิง หวังจินหลง รู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งหัวใจเขาพยายามบีบรอยยิ้มที่น่าเกลียดของตัวเองออกมาและพยักหน้าอย่างแรง
10 นาทีต่อมา หยูซาน ผู้สำรวจห้องเดินออกมาด้วยความสับสนและเห็น หลินเฉิง กำลังจ้องมองตัวเองอยู่เธอจึงเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
——————————-