ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 246 เข้ามายังบ้าน
บทที่246 เข้ามายังบ้าน
“แม่ทำอะไรของแม่อะ!”
ฉินชูหยีตบหัวลูกของเธอกลางหน้าผาก หลีเหมิงเดียตื่นจากความเหม่อลอย และบ่นกลับในทันที เธอเอามือกุมหน้าผากที่ได้รับความเสียหาย
เมื่อเห็นลูกยังกล้าต่อปากต่อคำฉินชูหยีก็จ้องเธอตาเขียวปั้ดราวกับธนูเหล็กกำลังจ่อยิงมาทางเธอ ”ลูกพูดว่าอะไรนะ? พี่กลับมาแล้ว เธอไม่รู้หรอว่าเกิดเหตุการสำคัญแบบนี้ต้องทำอะไร เราต้องฉลองใช่ไหม? งั้นก็ไปสิ ไปเร็ว!”
ป้าฉินก็หันกลับไปมองหลินเฉิงลูบใบหน้าของเขาถามอย่างอ่อนโยน
“ลูกส้มของป้า…ทำไมลูกถึงกลายเป็นแบบนี้หละ? ป้าแทบจะจำไม่ได้เลยรู้ไหม! มานั่งตรงนี้สิ เล่าให้ป้าฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
“ใช่แล้วใช่แล้ว! พี่ชายเราให้หนูฟังด้วยซิ ไปทานยาวิเศษตัวไหนถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้? ยังเหลืออยู่ไหม ?น้องขอหน่อย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของป้าหลีเหมิงเดียก็เข้ามาหาจับแขนของเขาดึงไปนั่งที่โซฟา
เมื่อเห็นผู้หญิงที่ในตอนแรกเย็นชากับเขามากอยู่ๆ ก็กลายมาเป้นน้องสาวตัวเล็กคนเดิมหลินเฉินก็ดีใจแกล้งไม่ไหว เขาทำท่าตะลึง “เธอจำผิดคนรึเปล่า? ถ้าผมจำไม่ผิด เธอระแวงในตัวผมตลอดเวลาเลยไม่ใช่หรอ? มันไม่น่าขายหน้าหรอที่จะเปลี่ยนอารมณ์เร็วแบบนี้?”
เมื่อได้ยินหลินเฉิงกล่าวเสียดสีตาของป้าฉินก็เปร่งแสงอีกครั้ง เธอจับแขนหลีเหมิงเดียที่กำลังตกที่นั่งลำบากอยู่ในขณะนี้ น้องสาวคนนี้อยากจะซึมเข้าไปในกำแพงแล้วไปโพล่ข้างนอกบ้านมากเลย ป้าฉินโกรธเธอมาในตอนนี้ “เธอจำพี่ชายคนเดียวของเธอไม่ได้หรอตลอดทางที่เธอพาเขามาที่นี่!? เธอเป็นอะไรของเธอ?”
อยู่ๆเธอก็กลายเป็นเป้าหมายของป้าฉินหรือก็คือแม่ของเธอซะแทน เพราะพี่ชายที่เพิ่งกลับมาเอาคืนเธอก่อนหน้านี้ หลีเหมิงเดียก็รู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาก “นะ…หนูก็เอาพี่ชายกลับมาได้ก็แล้วกัน! จะมีอะไรอีกหละ แม่ไม่รู้หรอกว่าพี่หลินเขาเก่งและเจ๋งขนาดไหนใช่ไหมหละ? มีคนอยู่ไม่กี่คนใช่ไหมหละที่ล้มบอสเลได้ ถ้าหนูไม่ห้ามพี่เขาไว้ เขากับทีมที่เหลือก็คงจะตายกันไปหมดแล้ว! ชายแปลกหน้ามากความสามารถอยู่ๆ ก็มาบอกว่าตัวเองเป็นพี่ชายของหนู แม่จะให้หนูคิดว่าอะไรหละหนูไม่กล้าที่จะเชื่อหรอก…”
แต่สิ่งที่เธอพูดมันก็ซื้อใจฉินชูหยีไม่ได้เลย“เอาเถอะ แม่ว่าสายตาของลูกน่าจะมีปัญหาแล้วหละ! เขาหล่อเหลามาก! ต่อให้ไม่ใช้น้องส้ม ไม่เป็นมังกร ก็ต้องเป็นนกฟินิกส์! แม่ก็จะบอกให้เธอขอให้เขาช่วยตามหาพี่ชายไม่ก็ของให้เธอเอาเขาเป็นแฟนอยู่ดีแหละ ไม่ต้องไปจีบไอ ฉางเหวินฉวนนั้นทุกวันหรอกเขาไม่น่าประทับใจแถมยัง…”
“โอเคโอเค! หนูจะออกไปซื้อผักเข้ามาแล้ว นายก็ช่วยหาพี่ชายของฉันให้เจอด้วยหละ”
ฉินชูหยีถอนหายใจและเริ่มเข้าสู่โหมดบ่นออกมาไม่หยุดอีกครั้งหลีเหมิงเดียก็รีบขัดจังหวะแล้วหนีออกไปก่อนที่จะแลบลิ้นใส่พี่ชายของเธอก่อนสักทีก่อนที่จะวิ่งออกไปไกล!
มองลูกแท้ๆวิ่งหนีออกไป ฉินชูหยี ก็คิดอะไรบางอย่างออกเธอจับแขนของหลินเฉิงพาเขาเขาไปในห้องเหมือนกับจะกลัวว่าเขาจะหายไปอีก
“ป้าฉินแป๊ปนึงนะครับ!”
เมื่อเขาเห็นป้าจะดึงตัวเขาไปพูดคุยต่อในห้องเขาได้แต่หัวเราะทั้งน้ำตาและรีบพูดออกไป“ผมมีเพื่อนรออยู่ที่รถอยู่บ้าง ผมต้องไปอธิบายให้พวกเขาฟังก่อน…”
ป้าฉินได้ยินแบบนั้นเธอก็บอก“จะว่าอย่างไงดีหละ? เรียกพวกเขาเข้ามาเลย จะได้ทานอาหารกันอย่างอิ้มท้อง ป้าจะบอกเลยต่อจากนี้ป้าจะไม่ให้เธอหายไปไหนอีกแม้แต่นาทีเดียว!”
เขาพูดเสร็จก็เดินไปที่รถSUV ของพวกเขา หลินเฉิงถามทุกคนอย่างอบอุ่นชวนทุกคนในรถไปกินข้าวในบ้าน…
เห็นป้าฉินออกคำสั่งแบบนั้นแม้แต่เพื่อนของเขาก็ต้องเข้าไปในบ้าน หลินเฉิงแต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้นอกจากทำตามที่เธอสั่ง หลินเฉิงและพรรคพวกถูกบังคับให้เขาไปในห้องโดยป้าฉิน ทุกคนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น พวกเขากังวลนิดๆ แต่หลินเฉิงไม่ แม้ป้าฉินจะกระตือรือร้นและใจดี แต่เธอก็ยังคงเป็นญาติผู้ใหญ่ของหลินเฉิงที่เป็นหัวหน้าของพวกเขาอีกที ทุกคนก็เลยรู้สึกเหมือนถูกมัดไว้นิดๆ พวกเขาไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี นั่งตัวแข็งมองไปยังหลินเฉิงและป้าฉิน novel-lucky
“น้องส้มบอกป้าหน่อยลูกหาที่นี่เจอได้ยังไง? มันไกลกว่า 2000 กิโลเลยนะ เธอไปเจอความลำบากอะไรตลอดทางบ้างเนีย…” เธอจับมือของหลินเฉิงไว้แน่นเธอเห็นความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าหลินเฉิงไปในทางที่เศร้าเธอจิตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าเด็กคนนี้ไปเจอกับอะไรมาบ้าง
เมื่อมองไปยังป้าฉินที่อายุมากแล้วเขาก็รู้สึกแย่ เขาผ่านอะไรที่โหดร้ายมามากเหลือเกินตลอดเส้นทางอันยาวไกล ต่อให้เขาอยากจะบอกต่อให้ผ่านไป 3 วัน 3 คืน มันก็คงไม่จบ พอคิดได้แบบนี้เขาก็ทำได้แค่ลูบแผ่นหลังของป้าฉิน “ผมกลัวว่าจะพูดออกมาได้ยาก ตอนนี้ผมคงบอกอย่างละเอียดได้ทีหลัง แต่ขอให้ป้าจำไว้ว่า ไม่ว่าผมจะเปลี่ยนไปอย่างไง ผมก็คือน้องส้มของป้า ผมเดินทางมาไกลจากจงโจวเพื่อจะมาดูว่าป้าปลอดภัยดีใช่ไหม”
“ป้าโอเคป้ารู้ดี…”
หลินเฉิงพูดสิ่งนี้ออกมาจากใจป้าก็ได้แต่เอามือปิดปากและสะอึกสะอื้นหลินเฉิงไม่รู้ควรจะทำอย่างไรดีอยู่แปปนึง เขาเป็นคนที่ทนต่ออะไรได้เยอะมาก แต่มันก็ถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว เรื่องนี้ต่อให้เป็นยาอะไรก็แก้ไม่ได้
“อะแฮ่ม…พี่หลินผมจะพาเพื่อนๆ ออกไปชมสถานที่รอบๆ ก่อนนะครับถ้าทุกอย่างมันโอเค พวกเราจะอาศัยอยู่ด้วยแถวนี้ ถ้าพวกเราคุ้นชินกับสถานที่นี้ก่อน…”
ด้วยการกระแอ่มนิดหน่อยและพูดออกมา เฉินเฟยหยูที่นั่งอยู่เฉยๆ มานานก็รู้สึกว่าบรรยกาศแบบนี้มันไม่ถูกต้อง รับลุกขึ้นเพื่อช่วยขจัดความเขินอายของหลินเฉิงออกไป
เห็นความรู้ทันเหตุการณ์ของเฟยหยูแล้วหลินเฉิงก็อดชื่นชมเขาในใจไม่ได้เขาก็อยากจะเห็นด้วย แต่เมื่อเห็นป้าฉินรีบปาดน้ำตาแล้วเขาก็ลุกขึ้นห้ามไว้
“ไม่ต้องกังวลไปพ่อหนุ่ม! ประเดี๋ยวลูกสาวของฉันก็กลับมาหลังจากออกไปซื้อผักเข้ามา มาทานอาหารเย็นกันก่อนแยกย้ายเถอะ! ป้าก็อยากให้พวกเธออยู่ทานด้วยตั้งแต่แรกแล้วแต่กำลังร้องไห้อยู่จนลืมชวนหนะ!”
พูดจบเธอก็รับเข้าไปหลังครัวหยิบน้ำชาและผลไม้ออกมาวางบนโต๊ะเป็นการต้อนรับที่อบอุ่น “หิวน้ำรึปล่าว เดินทางกันมาไกลมากไหม? ทานผลไม้พวกนี้ดับกระหายก่อนนะแม่หนูนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว เดี๋ยวป้าจะโชวฝีมือการทำอาหารให้ดู!”
“ขอบคุณมาครับป้า!”
“ไม่ต้องรบกวนป้าขนาดนั้นก็ได้ค่ะ!”
“โฮ่ง!”
หลังจากที่เห็นความกระตือรือร้นของฉินชูหยี ทุกคนก็คงไม่กล้าไปไหนสักพักใหญ่ๆ เลยแหละ พวกเขาทำได้แค่นั่งพักอยู่บนโซฟา พูดจากันอย่างสุภาพเล็กน้อย พวกเขามองไปยังผลไม้ที่ป้านำมาวางไว้แทนอย่างอดไม่ได้
—————————–