ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 247 ป้าฉินกับการ ทรมาน
บทที่247 ป้าฉินกับการ “ทรมาน”
ผลไม้เหล่านั้นหายไปนานแล้วจากความโกลาหลเพราะว่าอากาศของแผ่นดินใหญ่นั้นหนาวจนแข็งตายได้ง่ายๆ เหตุผลดเดียวที่พวกเขาสามารถกินผลละไม้ได้อย่างสบายใจนี้เป็นเพราะสภาพอากาศของเกาะ หนานซู ทั้งเกาะเหมาะสมแก่การเพาะปลูกมากอย่างยิ่ง พวกเขาจึงกินกันแบบสวาปาม กินมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยพวกเขาก็นั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข…
“น้องส้มเหมือนเธอจะยังไม่ได้แนะนำพวกเพื่อนๆ ให้ป้าฟังเลยนะพวกเขาชื่ออะไรกันบ้าง?” ป้าฉินมองไปยังแขกที่กำลังกินกันอย่างเลอะเมอะแล้วยิ้มออกมา ก่อนที่จะถามหลินเฉิงที่กำลังนั่งปลอกส้มกินเองอยู่
เมื่อได้ยินสิ่งที่ป้าถามหลินเฉิงที่กำลังดื่นด่ำกับรถชาติของส้มอยู่นั้นก็รีบกลืนมันเข้าไป และชี้ไปยังเฟยหยูและพูด“คนนี้คือ เฉินเฟยหยู ครับเขาเป็นกับตันเรือเฟอร์รีที่พวกเรานั่งข้ามฟากมา ผมเจอกับเขาครั้งแรกที่ เฉินเจียง ต้องขอบคุณเขาพวกเราจึงข้ามแม่น้ำมาได้…”
“ไม่!ไม่ขนาดนั้นหรอพี่หลิน ถ้าไม่มีพี่นะ เสี่ยวซวน และ ผมก็คงจะตายอยู่กลางทะเลแล้วพี่ พวกเราทั้งหหมดคงไม่ได้มานั่งกินส้มอยู่ตรงนี้หรอก!”
เมื่อได้ยินคำชมอันยิ่งใหญ่ของหลินเฉิงเฟยฟยูเขารู้ความสามารถของตัวเองดี ก็อดที่จะอายไม่ได้รีบโบกปัด
“ใช่อย่างนั้นหรอ?น้องของเฟยหยูเก่งจะตาย! ผู้หญิงที่นั่งถัดจากน้องก็คือแฟนของน้องใช่ไหมหละ? น้องก็พักก่อนสักสองวัน แล้วค่อยมาหาป้าจะได้แจกแจงงานในกองทัพให้ตกลงไหม?” ได้ยินเฟยหยูถ่อมตน ฉินชูหยีก็อยากจะช่วยตอบแทนเขาที่พาหลินเฉิงกลับมา เธอกะจะช่วยเขาหางานดีๆ ให้ทำ
“อ๊ะ?เหมือนว่าป้าฉินยังมีพลังเหลืออยู่ใช่ใหม่ครับ?” เมื่อเห็นป้าฉินแจกแจงงานให้เฟยหยูหลินเฉิงก็สงสัยระหว่างทางมาที่บ้านหลังนี่ เขาถามหลีเหมิงเดียและรู้มาว่าพลังของป้าฉินและลุงหลียังไม่ตื่นขึ้นมาด้วย
เห็นอย่างนั้นหลินเฉิงก็ประหลาดใจเล็กน้อยป้าฉินก็พูดออกภูมิใจ “อย่างที่เห็นแหละ ถ้าในครอบครัวของเราไม่มีใครมีพลังเลย ก็คงจะถูกพวกหมาจิ้งจอกแก่ๆ พวกนั้นกินไปตั้งนานแล้ว!”
“อ่อครับ…”
หลินเฉิงพยักหน้าเข้าใจฐานทัพทะเลน้ำเงินแห่งนี้ต่อจากเขตปลอดภัยอื่นๆ ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่เป็นพนักงานระดับสูงที่มีอำนาจ ถ้าไม่มีกำลังอะไรเลย ลุงหลี หลีเหมิงเดียที่มีพลังเวทย์รักษา ป้าฉิน ครอบครัวนี้คงจะไม่มีโอกาศที่จะได้อยู่ในฐานทัพอันแสนหรูหราแห่งนี้เลย
หลินเฉิงชี้ไปข้างๆเฟยหยู “คนนั้นชื่อ ฉาเพง ครับ เราเจอสถานที่แห่งนี้เพราะคำแนะนำของเขาสึ่งเป็นประโยชน์กับพวกเรามากครับถ้านายสะดวกก็ขอให้ป้าฉินหางานให้ด้วยก็ดีนะ?”
ป้าฉินพยักหน้ารับ“ไม่มีปัญหา ไปทำงานในกองทัพกับเฉินเฟยหยูได้เลย”
พูดจบป้าก็ชี้มือไปยังหยูซานที่นั่งอยู่เงียบๆใกล้กับประตูทางเข้าก่อนที่จะถามหลินเฉิงด้วยสีหน้าติดตลก “ผู้หญิงคนนี้คือแฟนของเธอใช่ไหม?”
“มะ….ไม่ใช่ค่ะป้า!หนูชือหยูซาน ปะ..เป็นคนของพี่หลิน!”
เมือเห็นฉินชูหยี เข้าใจผิด หยูซานที่กำลังนั่งใจลอยอยู่ก็รีบลุกขึ้นมาโบกมือปฎิเสธ
หลินเฉิงก็สงสัยเขาตอบแทนหยูซานเองก็ได้เขาบอกเธอไปก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่ต้องกังวล
“หยูซานผมเจอเธอที่ หุบเขาฟินิกซ์ อย่ามองว่าเธอเป็นคนอ่อนแอนะครับ เธอต่อสู้ได้เก่งกาจมาก!” ได้ยินแบบนั้นป้าฉินก็ผิดหวัง“เธอเป็นแค่เด็กเองนะ….เธอน่าจะต้องให้คนอื่นปกป้อง แต่เธอสามารถสู้เองได้ทั้งที่หน้าตาน่ารักขนาดนี้ นี้หนะ ช่างหน้าสับสนจริงๆ!” ไอลีนโนเวล
เห็นหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของป้าหลินเฉิงก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่โลกจะล่มสลายป้าฉินก็วุ่นกับการหาคู่ครองให้เขาแม้แต่ตอนนี้ป้าก็ยังไม่ยอมแพ้
“หลังจากได้ยินคำติของป้าหยูซานก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกเธอกลัวว่าความกระตือรือร้นของเธอจะทำให้ป้าเข้าใจหลินเฉิงผิด “มะ..ไม่ค่ะป้า! โลกข้างนอกมันโหดร้ายมาก แม้ว้าหนูจะเป็นผู้หญิงแต่เพื่อการเอาตัวรอดหนูก็ต้องเรียนรู้ที่จะสู้ค่ะ ไม่ต้องโทษพี่หลินที่ฝึกหนูมาจนได้ขนาดนี่หรอกค่ะ หนูอยากจะเป็นแบบนี้เอง!”
“อ๋อ…”
เมื่อเธอเห็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะคนนี้กำลังกังวลใจแทนหลินเฉิงเพราะคำพูดของเธอฉินชูหยีก็ถอนหายใจ กวักมือเรียกหยูซานให้มาใกล้ๆ “ที่ป้าพูดมาทั้งหมด ป้าไม่โทษใครหรอกและหลินเฉิงก็ไม่ต้องกังวลอะไรด้วย”
“อ่อรู้แล้ว”
เธอคิดได้แบบนั้นป้าฉินก็กุมมือของเธอไว้ก่อนที่เธอจะได้เบาใจแล้วกลับไปนั่งกับโคล่า “ป้าคิดถูกไหมว่าหนูชอบหลินเฉิง?”
“อะไรนะค่ะ?”
หลินเฉิงได้ยินแบบนั้นเขาก็แถบจะลงไปกองกับพื้นหลังจากที่เขาตั้งหลักตัวเองได้แล้ว เขาก็ดึงหยูซานออกมาจากป้า ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาและเสียงหัวเราะ “หยูซานพึ่งจะอายุ 16 ปีเองนะครับ ป้าว่ามันจะไม่เร็วไปหน่อยหรอกับคำถามนี้?”
ป้าฉินก็จ้องมองเขาเธอรูสึกไม่ปะติดปะต่อและดุเขา”เร็วไปอะไรกันหละ? จะมีเด็กสาวสักกี่คนหละที่จะอยู่กับเธอได้แบบนี้ อีกไม่กี่ปีได้แล้ว”
“เอาเป็นว่าป้าอย่าถามคำถามนี้อีกเลยนะเดี๋ยวเธอก็กลัวผมหรอก”เพียงเพราะว่าเขาไม่อยากจะให้หยูซานตกใจกลัว หลินเฉิงก็เห็นสายตาเหมือนผลแอมพริคอทคู่นั้นจองมาทางเขา เขาทำได้แค่เกาะหัวที่กำลังหมุนติ้วของเขาที่อยู่ๆก็คันขึ้นมา จู่ๆเขาก็นึกถึงวันเก่าๆ ที่ป้าฉินแนะนำผู้หญิงให้แก่เขา…
“กลับมาแล้วค่าาาา!”
หลีเหมิงเดียที่ถูกสั่งให้ไปซื้อผักก็กลับมาถึงบ้านแล้วช่วยชีวิตเขาไว้ทันที เธอเห็นหลินเฉิงสีหน้าไม่ค่อยดีและตกตะลึงอยู่นั้นเธอก็ถาม “เกินอะไรขึ้นอะ พี่ชาย? แม่เขาทรมานพี่หรอ?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็กำลังจะบ่นออกมาแต่ป้าฉินชิงพูดก่อน“ยังจะมาพูดอีก มันสายไปแล้วที่แม่จะทำร้ายพี่เขา แม่จะไปทรมานอะไรได้?” ป้ามองมายังหลินเฉิงด้วยดวงตาที่แฝงความหมาย “ใช่ไหมน้องส้ม?”
“ชะ..ชะ.ใช่แล้วป้าก็แค่เป็นห่วงอะไรนิดหน่อย”
เห็นสายตาแบบนั้นหลินเฉิงก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วรีบพูดแก้ เมื่อป้าเห็นหลินเฉิงยังคงมีไหวพริบดีอยู่เธอก็ถามหลีเหมิงเดียต่อ “แล้วพ่อหละว่าไงบ้าง ได้ถามไปถามเขาแล้วรึยัง?”
เมื่อแม่ของเธอถามถึงพ่อเธอก็รีบตอบกลับไป“พ่อบอกว่าให้หนูกลับมาก่อน พ่อจะไปหาลุงเฉินถามหาไวน์รสเริศสักขวดแล้วจะตามมา”
“โฮ่ตาแก่นั้นยังหัวดีอยู่!”
ได้ยินแบบนั้นฉินชูหยี ก็รับผักจากมือของหลีเหมิงเดียมาและบอกให้เธอทำตัวดีๆ กับทุกคนและกลับไปทำอาหารหลังครัว
————————–