ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 251 นี่ไม่ใช่คนด
บทที่251 นี่ไม่ใช่คนดี!
“อะแฮ่ม….อ่า…เสี่ยวเดียพี่ว่าพี่เดินอยู่ในบ้านมาทั้งวันแล้ว ยังไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย”
หลังจากทนบรรยกาศอันสุดแสนจะไม่สบายใจมานานหลินเฉิงก็ทนไม่ไหว เขาลุกขึ้นและทักหลีเหมิงเดียและจะออกไปข้างนอกกับหยูซานที่ทนไม่ไหวเหมือนกัน
“อ่า…”
หลีเหมิงเดียได้ยินแบบนี้เธอก็ตื่นจากภวังที่กำลังจะทำให้เธอหลุดลอยไปทุกทีและร้องออกมาเบาๆ เธอลุกขึ้นแม้วว่าเธอจะจงใจออกห่างจากฉางเหวินฉวนกว่าครึ่งเมตร แต่หน้าของเธอก็ยังคงแดงเหมือนลูกเชอรี่ “ค่ะ…ขอโทษด้วยนะค่ะพี่ ทะ..ที่น้อง…”
เมื่อมองมายังผู้หญิงที่กำลังทำอะไรไม่ถูกหลินเฉิงก็โบกมือ ”ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกพี่ก็แค่ออกไปเดินเล่นนิดหน่อย ถ้าป้าฉินเรียกพี่ก็จะรีบกลับมาทันทีเลย!”
หลังจากพูดจบเขาก็เหมือนถูกฉางเหวินฉวนมองมาอย่างเฉยๆ เขาก็พาหยูซานกับโคล่าเดินออกมาไปยังหมู่บ้านแถวๆ นั้น
หลังจากเดินผ่านป่ารอบๆหมูบ้าน หลินเฉิงก็หายใจเข้าลึกสูดเอาอากาศบริสุทธ์เข้ามาและปลดปล่อยความรู้สึกที่หน้าเบื่อและอัดอั้นที่ได้รับมากจากในบ้านออกไป
หลินเฉิงรู้สึกไม่ดีกับชายคนนั้นฉางเหวินฉวน จริงๆ เขาไม่ได้ฆ่าคนกว่า 80 หรือ 100 คน ระหว่างการเดินทางแล้วไม่รู้สึกอะไร เมื่อเขาเห็นคนประเภทนั้นอยู่ใกล้ตัวเขาก็อดปลดปล่อยความอยากกำจัดเสี้ยนหนามให้สิ้นขึ้นมาไม่ได้อย่างไม่รู้ตัว!
แต่ในนี่ก็ไม่ใช่ข้างนอกถ้าเขาทำตามใจตัวเองอย่างมุทะลุมันก็คนส่งผลเสียกับคนที่เขารู้จักและเป็นห่วงในนี้อย่างแน่นอน
และอีกอย่างคนที่เข้ามาใหม่อย่างเขาก็ยังไม่รู้อะไรเกียวกับสังคมภายในนี้ต้องใช้เวลาสักพักเขาถึงจะเขาถึงเบื้องลึกของที่แห่งนี้ได้ว่าน้ำมันลึกขนาดไหน
“ไอหมอนั้นฉันต้องหาโอกาศที่จะรู้ให้ได้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่….”
เขารู้สึกได้เลยว่าชายคนนั้นเป็นเหมือนกับระเบิดเวลาต่อป้าฉินและพวกเขาเขาทำได้แค่เก็บเรื่องนี้ไว้ในหัวรอโอกาศตัดสินใจในคราวหน้า เขาอยากจะให้หยูซานทำหน้าที่เป็นสายลับทันทีที่เขาตั้งรกรากได้
“พี่หลิน…”
ขณะที่เขากำลังคิดถึงอะไรต่อมิอะไรที่เกิดขึ้นหยูซานก็เปิดปากพูดระหว่างที่เดินตามเขามาอย่างเงียบๆ
เขาหันกลับไปมองหลินเฉิงเห็นสีหน้าของหยูซานเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เขาอยากจะพูดอะไรให้เธอรู้สึกดีขึ้นแต่ก็กลัวว่ามันจะออกมาไม่ดี
เขาเหลือบไปเห็นขอนไม้ที่ขนาดกำลังดีวางตัวลงยาวข้างๆเขา เขารีบโบกมือเรียกหยูซานมานั่งบนนี้กับเขา
“ไม่ต้องกังวลนะตอนนี้พวกเราจะพูดอะไรก็ได้แล้ว”
กำลังนั่งบนของไม้เขาก็ยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบก่อนที่จะพูดมันออกมา
ได้ยินแบบนั้นหยูซานก็รวบรวมความกล้าและเปิดปากออกมา“นะ…หนูว่า..หนูไม่คิดว่าฉางเหวินฉวน…เป็นคนดีค่ะ! พี่หลินต้องเตือนเสี่ยวเดียนะคะ!”
“โฮ่?อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้นหละ?”
เขาเห็นสีหน้าที่ดีขึ้นของหยูซานหลังจากพูดสิ่งที่พวกเขาคิดเหมือนกันออกมาหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วถามต่อ
พอได้ยินคำถามที่เหมือนว่าหลินเฉิงจะคิดไม่เหมือนกับเธอเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ “น..หนู..พูดแบบชัดๆ ไม่ได้หรอก แต่ว่า…..หนูรับรู้ได้โดยสัญชาตญานค่ะ! พี่หลิน พี่ต้องเชื่อหนูนะ การรับรู้ของหนูมันมักจะถูกเสมอหนูคำนวณมันอย่างดีแล้ว!” เมื่อเห็นสีหน้าอันเป็นกังวลของอีกฝ่ายเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาและหัวเราะ “ใครบอกว่าพี่ไม่เชื่อเราหละ? ถ้าให้พี่พูดความจริง พี่ก็เห็นอะไรหลายอย่างเหมือนกันที่บอกว่าไอหมอนั้นมันแปลกมาสักพักแล้วเหมือนกัน!”
“ห๊ะ!?”
รู้แบบนี้เธอก็ทำได้แค่ตกใจอยู่แปบหนึ่ง“จะ….จริงหรอค่ะ?” novel-lucky
“เธอคิดว่าอย่างไรล่ะ”
เมื่อเห็นหยูซานประหลาดใจเขาก็กล่าวเพิ่มเติมเข้าไปอีก“พี่ได้กลิ่นของเลือดออกมาจากมันตั้งแต่ไกลเลยหละ ถ้าพี่ไม่เคยจัดการกับคนมา 100 กับอีก 80 คน พี่ก็คงไม่รู้ถึงกลิ่นอายการฆ่ามาจากไอหมอนั้นหรอก!”
เธอได้ยินแบบนี้กลับไม่เบาใจเธอก็เร่งหลินเฉิงมากกว่าเดิมอีก“‘งันทำไมพี่ปล่อยเสี่ยวเดียไว้กับเขาหละค่ะ?! เราต้องกลับไปช่วยเธอนะ!” หลินเฉิงเห็นหยูซานเป็นกังวลมากกว่าเขาเสียอีกหลินเฉิงได้แต่รู้สึกช่วยไม่ได้กับผู้หิญฺงตัวน้อยที่กำลังส่งเสียงโวยวายในตอนนี้ “พี่บอกว่าเราจะรีบร้อนไปทำไมหละ? เธอลองคิดดูดีๆ ก่อน อย่างแรกเลย ไอหมอนั้นมันแวะมาพูดคุยกับครอบครัวของป้าฉินตั้งสองสามเดือนก่อนที่พวกเราจะมาถึงอีก ถ้ามันอยากจะทำแบบนั้นจริงๆ ทำไมต้องรอนานขนาดนี้ด้วยหละ?”
หยูซานก็ตกตะลึงอีกครั้ง“งั้น…เขามีแผนอะไรกันแน่?”
แต่หลินเฉิงก็ยิ้มออกมา“ฉันก็รู้ด้วยนะว่ามันเกียวกับอะไร! เมื่อพวกเราตั้งรกรากได้แล้วภายในสองถึงสามวันนี้ เรามีแผนที่จะให้เธอทำหลายอย่างเลยหละ”
เมื่อรู้ว่าเธอต้องอยู่กับหลินเฉิงจริงๆเธอก็ล้มลงไปเอาหน้ามุดดินด้วยความเขินโดยไม่รู้ตัว “พี่หลิน พี่ให้หนูพักสักสองสามวันก่อนได้ไหม? ช่วงนี้หนูรู้สึกแปลกๆ เป็นช่วงๆ ไม่แน่ท้องของหนูอาจจะไม่ค่อยดี…” เขาก็อดสงสัยไม่ได้“แน่ใจหรอ? สิ่งที่เธอพึ่งกินไปมีแค่อาหารของป้าฉินนะ แล้วตอนนี้เธอก็ปวดท้อง เธอจะบอกฉันว่าอาหารของป้าฉินมันแย่อย่างนั้นหรอ?”
“อ่า!อยู่ๆ ก็หายปวดท้องแล้ว! แปลกจริงๆเลย…”
สีหน้าของหยูซานเปลี่ยนไปในทันทีเธอรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาโคล่าที่อยู่ห่างออกไปอย่างเด๋อด๋า เธอไม่รู้หรอกว่ามันน่าอายขนาดไหนเมื่อมองจากจากตรงนี้
มองหลังขอหยูซานที่รีบออกไปหลินเฉิงก็ได้แต่หัวเราะแปลกๆ “จริงๆ นะ พักนี้เราใจดีเกินไปรึปล่าว ขนาดแม่หนูนี้ยังเล่นกับเราเลย….”
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงหลินเฉิงก็ดูเวลาที่ข้อมือของตนเองก่อนที่จะดับบุหรี่และเรียกโคล่ากับหยูซานที่นั่งเล่นอยู่ห่างๆ กลับเข้าบ้านกัน
… แม้ว่าจะใกล้ถึงเวลาหกโมงแล้วดวงอาทิตย์ก็ยังคนลอยเหนือขอบฟ้าแต่อากาศก็เย็นมากแล้ว หลินเฉิงและหยูซานรวมถึงโคล่าก็เดินเล่นกันมามากพอแล้วกำลังเดินกลับที่พักอย่างเอื่อยเฉื่อย
สิบนาทีให้หลังพวกเขาก็กลับมาถึงบ้านของป้าฉิน พวกเขากำลังจะเคาะประตู แต่ก็ได้ยินเสียงของลุงหลีจากข้างๆ ก่อน
“อ้าวน้องส้ม?มาทำอะไรอยู่แถวนี้หละเนีย?”
หลินเฉิงก็หันกลับไปยังต้นเสียงเห็นหลีเฉิงหยีถือกล่องบุหรี่ที่ยังไม่ได้แกะมาสองกล่อง
“กลับมาแล้วหรอครับลุงหลี”
เห็นบุหรี่เยอะอย่างเขาก็ถามลุงหลีตรงๆ“การซื้อบ้านเป็นไปได้ไม่สวยใช่ไหมครับ?”
หลีเฉิงหยีส่ายหน้าไม่ตอบอะไรกลับมาเขาก็ไม่รู้หรอกว่าหลินเฉิงรู้ได้ยังไง หลินเฉิงก็ยืนเงียบเหมือนกันแต่ในที่สุดเขาก็ถาม“พวกเขาบอกไหมว่าทำไม?”
“อ่า…”
ได้ยินคำถามของหลินเฉิงเขาก็ถอยหายใจแบบโกรธเคืองอย่างมาก“ไอพวกบ้านั้น! พวกมันก็รู้อยู่ว่าเจ้าของเก่าไม่กลับมาอย่างแน่นอนแต่มันก็ยังยืนยันว่าพวกเขาจะกลับมาตอนไหนก็ได้ มันบอกว่าจะซื้อขายไม่ได้ถ้าไม่ได้รับการยืนยันจากทั้งสองฝ่าย! แต่ปัญหาก็คือพวกมันซื้อขายบ้านเก่าไม่มีเจ้าของเป็นว่าเล่น เพราะแบบนั้นแหละพวกมันไม่เล่นตามกฏที่มีตั้งแต่แรกแล้ว ไอพวกนี้มันแย่มาก!”
—————————–