ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 267 ตั้งรกราก
“ใช่แล้วค่ะ..ก็แค่….”
เมื่อได้ยินคำถามของชูฉิงหลีเหมิงเดียก็พูดออกมาเบาๆ เมื่อทุกอย่างมันมาถึงขนาดนนี้เธอก็ไร้ซึ่งคำพูด
“แค่อะไรหรอน้อง?”
เห็นหลีเหมิงเดียนิ่งไปเธอก็ถามกลับไปด้วยเสียงอันนุ่มลึก“เธอคิดว่า มันค่อนข้างที่จะหน้าอายที่ต้องพูดซ้ำอีกทีหลังจากที่ฉันเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ของเธอไปใช่ไหม?”
“ชะ..ใช่คะ….”
หลีเหมิงเดียก็ก้มหัวให้อย่างเป็นกังวล“หนูแค่อยากพาพี่เขามาทำบัตรยืนยันตนของกองทัพ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อตัวพี่เขารวมถึงหนูในอนาคตแค่นั้นเอง แม้จะว่าอย่างงั้นแต่หนูก็อยากจะแนะนำให้พวกพี่ๆ รู้จักกัน แต่หนูก็ไม่คิดว่าพวกพี่จะรู้จักกันและมีความขัดแย้งกันอยู่ก่อนแล้ว…”
“อะแฮ่ม…งั้น…พี่ขอขัดหน่อยฉันแค่เคยคุยกับเธอผ่านโทรศัทย์แค่สองครั้ง เราไม่เคยรู้จักกันจริงๆ หรอก เหมือนใครสักคนจะตาถั่วเกิดไปหน่อย”
ได้ยินแบบนั้นชูฉิงก็ไม่พูดอะไรแต่หลินเฉิงก็ขึ้นมาขัด “แม้จะเป็นเลขาของผู้นำ เธอกับเขาก็เป็นนักธุรกิจกันทั้งคู่ทำไมถึงเดาไม่ออกว่าทำไมฉันถึงตัดสายไป? หรือว่าเดาไปแล้ว แต่อยากจะเขี่ยฉันที่เป็นเด็กใหม่ที่พึ่งจะเข้ามาให้พ้นทางฮ่ะ!”
“เฮอะ!ฉันเบื่อที่จะทำให้นายซึ่งเป็นใครไม่รู้ต้องอับอายแล้ว แต่ครึ่งนึงที่นายพูดมันก็ถูก ฉันเดาไปบ้างแล้วว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่ฉันจะดุนายที่ตัดสายใส่ไม่ได้เลยรึยังไงฮ่ะ!”
หลังจากที่เห็นพี่ๆทั้งสองคนคุยกันอย่างดิบอย่างดี แต่กำลังจะเริ่มมีน้ำโหใส่กันอีกครั้ง!
เห็นแบบนั้นหลีเหมิงเดียก็รีบขัดจังหว่ะเพื่อยังยั้งสถานะการณ์ในตอนนี้“งั้น…มีใครบอกน้องได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่ทั้งสองคน?”
“ให้เขาบอกเธอสิ!”
“ให้นังนี้บอกเธอสิ!”
ได้ยินคำถามของหลีเหมิงเดียทั้งสองก็ตอบกลับไปเสียงดังพร้อมกันโดยไม่ได้คาดเดาถึงสิ่งที่อีกคนกำลังจะพูด!
เห็นคนทั้งสองมีเล่ห์นัยอะไรบางอย่างหลีเหมิงเดียก็เริ่มมีสิทธที่จะพูดบ้างแล้ว เธอแสดงรอยยิ้มแห่งความสำเร็จออกมา เธอหันไปยังหลินเฉิงและถาม “พี่หลิน พี่พูดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วได้อย่างไงถ้าพี่ตอบคำถามน้องไม่ได้!?”
“หะ!ไหงเป็นงั้น!”
หลังจากการโทรกันครั้งนั้นความทรงจำของเขาดีมากถุกอย่างอยู่ในหัวของเขาแน่นอนอยู่แล้ว แต่จะให้พูดมันออกมาอีกครั้งเขาก็ไม่อยากจะพูดสักเท่าไร แต่ตอนนี้เขาถูกกดดันโดยผู้หญิงสองคนให้เขาพูดออกมา เขาก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้
เขากำลังจัดเรียงคำพูดในหัวเขาพิงโซฟาอย่างเต็มหลังเขาไม่อยากจะวางมาดผู้ดีสักเท่ไหร่ เขาจุดบุหรีและยกขึ้นมาสูบต่อหน้าพวกเธอทั้งสอง ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ก็แค่เรื่องเล็กน้อย….ตอนที่ฉันเดินทางผ่านเมืองหยุนหยางฉันต้องช่วยเหลือนักชีวะคนนึงโดยไม่ได้ตั้งใจ และนักชีวะคนนั้นก็มีมือถือดาวเทียม นั้นทำให้ฉันสามารถโทรคุยกับผนักงานอาวุโสของกองทัพได้ ฉันเลยยื้มโทรศัพท์ของหมอนั้นมาและโทรมาที่นี้ เพื่อหาว่าครอบครัวของฉันเป็นอย่างไรบ้าง! นั้นเป็นเพราะตอนนั้นฉันอยู่ไกลจากที่นี่มาก และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นฉันก็คาดไม่ถึงมาก่อนเลยแม้แต่น้อย เพื่อความปลอดภัยของทุกคนฉันต้องตัดสายไปอย่างช่วยไม่ได้หลังจากที่รู้แล้วว่าครอบครัวของฉันยังสบายดีอยู่ และฉันก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนเองเลยแม้แต่น้อย ฉันก็เลยไม่ได้รู้จักผู้หญิงขี้ระแวงคนนี้ตั้งแต่แรก”
“เป็นแบบนี้นี่เอง…”
หลีเหมิงเดียเข้าใจ“แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกพี่ฉินเขาไปตั้งแต่ตอนนั้นหละ ถ้าแม่น้องรู้คงไม่ต้องร้องไห้ฟูมฟายอยู่่เป็นเดือนๆ …”
“มันซื่อตรงเกินไป!” ไอลีนโนเวล
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็มองหน้าไปยังหลีเหมิงเดียและตะโกนใส่“เธอมันเด็กไม่ดี เธอไม่รู้ว่าสถานะการณ์ของแผ่นดินใหญ่ตอนนั้นมันเป็นอย่างไรใช่ไหมหละ? ฉันจัดการกับไอพวกจิ้งจอกเฒ่าพวกนั้นมาเยอะแล้วเธอหนะไม่รู้อะไร!”
เขามองไปยังชูฉิงเธอไม่ได้ต่างจากตอนแรกเสียเท่าไหร่ และหลินเฉิงก็พูด ”สถานการณ์ที่นี้ดูเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าเธอลองมองมันดูดีๆ เธอจะเห็น! ว่าที่นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากแผ่นดินใหญ่นั้นเลย! ฉันต้องยั่วยุพวกมันอยู่หลายครั้งตลอดทางที่ผ่านมา แม้ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมอยู่หลายครั้ง แต่มันก็ไม่หมดไม่สิ้นเสียที! ไอพวกที่รอดไปมันจะทำอะไรได้หลังจากที่จัดการฉันตรงๆ ไม่ได้หละ?”
“พวกเราจะทำอะไรได้อีก?ปกป้องประเทศที่ไม่รู้จะเรียกว่าประเทศได้ไหมไปวันๆ…”
ชูฉิงที่นั่งเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมา“ถ้าพี่ชายของเธอ ระบุตัวตนของเขาและครอบครัวก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่ และไอพวกนั้นก็มีหูมีตามากมายพวกมันจะใช้จุดอ่อนของเขามาเป็นตัวล่อ ใช่แล้วพี่ชายของเธอก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นมันมีเส้นสายในฐานทัพแห่งนี้อยู่มากมายหรือปล่าว และเพื่อปกปิดจุดอ่อนนั้น เขาจึงไม่ตอบคำถามของฉันและตัดสายไป!”
ชูฉิงมองหน้าหลินเฉิงที่ไม่ได้มองตรงๆมานานและบอกกับเขาไป “ฉันพูดถูกใช่ไหม?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว“ใช่แล้ว! แต่เธอจะทำให้ฉันร้องไห้ไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงมาช่วยฉันพูดได้หละเนีย?”
“เชอะ!” เห็นหลินเฉิงมองเธออย่างระมัดระวังชูฉิงก็ส่งเสียงไม่พอใจออกมา
“แม้ฉันจะไม่พอใจที่นายตัดสายไปโดยพละกาลมันเหมือนกับถูกตบหน้าในตอนที่นายกำลังยิ้มต้อนรับอีกฝ่ายอย่างอบอุ่น ฉันยังเป็นเลขาที่มีIQปกติอยู่ แม้ว่านายจะทำตัวหน้าโมโหใส่ แต่ในสถานการณ์แบบนั้น มันซับซ้อน นายก็มีเหตุผลที่ทำแบบนั้น…”
เมื่อเห็นพวกเขาเริ่มหันดาบออกจากกันแม้ว่าพวกเขาจะดุด่ากันถึงขั้นใช้กำลัง หลีเหมิงเดียก็ไม่เห็นสีหน้าไม่พอใจบนใบหน้าของพวกเขาแล้ว คนที่อายุน้อยสุดก็อดยิ้มขำออกมาไม่ได้ เธอเห็นความหวังในตัวพี่ชายคนนี้แล้ว
ในใจของหลีเหมิงเดียหลินเฉิงเหมือนผู้ที่รู้ทุกอย่างดี แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจในตัวของชูฉิงซักเท่าไหร่ แม้ผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนเจ้าอารณ์อยู่บ้าง หน้าตาและความฉลาดรอบรู้ของเธอจัดว่าดีเยี่ยม เขาต้องทำอะไรหลายอย่างอีกในอนาคต เพราะฉะนั้นเขาคงไม่มีเวลามาคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในเวลาแบบนี้
คิดได้แบบนี้หลินเฉิงก็จะดีดก้อนบุหรี่ทิ้งไปแต่ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่านี้มันออฟฟิสของคนอื่น เขาจึงลุกขึ้นและจะเดินไปทิ้งที่ถังขยะ ที่อีกมุมหนึ่งของห้อง ชูฉิงเห็นแบบนั้นเธอก็เดินไปที่โต๊ะทำงานของเธอเปิดลิ้นชักออกมา หยิบที่เขี่ยบุหรีรุ่นใหม่งดงามมาให้หลินเฉิง
“เป็นบางครั้งที่ฉันต้องจัดประชุมในห้องแห่งนี้กับลูกน้องของฉันฉันเลยมีที่เขี่ยบุหรี่เตรียมพร้อมอยู่ในห้องนี้บ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าสูบในห้องของฉันเลย…”
หลังจากที่หลินเฉิงหยิบไปชูฉิงก็เหมือนจะสงบลงแล้ว แต่เธอก็ยังอธิบายด้วยเสียงแข็ง
“อย่างนั้นหรอ?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็กดและบิดก้อนบุหรี่นั้นลงไปอย่างนุ่มนวลบนที่เขี่ยบุหรี่อันใหม่เอี่ยมบนโต๊ะน้ำชาเบื้องหน้าของเขาเขาตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง….” —————————-