ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 279 ศีลธรรม
SC:บทที่279 ศีลธรรม
“ใช่แล้ว”
ได้ยินแบบนั้นชายสวมแว่นก็ถอนหายใจยาวเยียด“ปัญหากลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้เกิดขึ้นกับพนักงานระดับสูงแล้วในตอนนี้ มันก็วุ่นวายในขณะนี้ แต่ก็ยังไม่ร้ายแรง แต่มันจะร้ายแรงมากขึ้นแน่ในอนาคต! ฉันเองก็กลัว พวกเขาก็เช่นกัน พวกเรากังวลอย่างมากและนอนไม่ค่อยหลับเลยทุกวันนี้….”
“ปั้ง…”
เมื่อเห็นชายผู้นั้นทำอะไรไม่ถูกหลินเฉิงยิ้มเหยียดหยาม แต่ไม่อยากพูดอะไรอีก เขาหยิบแบบฟอร์มจากมือของชายคนนั้นและกรอกอย่างระมัดระวัง
เขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกพนักงานระดับสูงกังวลเรื่องความวุ่นวายจริงๆรึปล่าว แต่ถ้าโกดังมีช่องว่างและอาหารหมดในฐานขนาดใหญ่ที่มีประชากรเกือบ 100,000 ต้องเป็นปัญหาใหญ่เกินกว่าที่จะคาดการได้แน่นอน!
อย่างไรก็ตามปัญหานี้ไม่ใช้ปัญหาที่เขาจะแก้ไขได้เขาไม่เคยคิดที่จะอาศัยอยู่ในฐานทัพที่แทบจะพังทลายไม่ได้แห่งนี้ แต่กลับมากด้วยปัญหาการใช้ชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเกิดหายนะแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ เขาก็ตั้งใจจะปกป้องครอบครัวของเขา ส่วนที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องของเขา
มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้ที่เคยประสบกับความสิ้นหวังภายนอกมาก่อนจะสามารถสงบใจและมุ่งมั่นต่อไปได้เมื่อพบกับปัญหาใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในฐานทัพของพวกเขา แต่ทางฐานทัพก็ยังไม่เคลื่อนไหวอะไรในตอนนี้ นั้นทำให้เห็นว่าพนักงานระดับสูงและผู้มีอำนาจยังคงอาศัยและตั้งกฏเกณอยู่ในที่แห่งนี้ตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลกแล้ว!
หลังจากได้รับแบบฟอร์มที่เสร็จสมบูรณ์จากหลินเฉิงชายสวมแว่นรูปกรอกระดาษบเบา ๆ แล้วตรวจสอบอย่างระมัดระวัง “หลินเฉิง…อายุ22….อยู่ในเขตอาศัยที่ 3 ? ถูกต้องแล้วหรอน้องหลิน ถ้าเธอมาจากเขตร่ำรวยแบบนั้น ทำไมนายถึงยังอยากจะเข้าร่วมกับพวกเราอยู่อีกหละ?”
อ่านถึงที่อยู่ของหลินเฉิงชายสวมแว่นก็ตกใจและถามอย่างสงสัย แต่หลินเฉิงก็มองกลับมาอย่างแปลกใจ “มีกฏห้ามคนจากเขตร่ำรวยทำงานในกองพันที่หนึ่งด้วยหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่!”
ชายคนนั้นโบกปัดทันที“มันก็แค่….คำถามทั่วไป ส่วนใหญ่คนที่ทำงานในกองพันที่หนึ่งจะเป็นพวกมีปัญหาด้านการเงินอย่างใหญ่หลวง หลังจากที่ได้ค่าจ้างจาการทำงานมาระยะเวลาหนึ่งส่วนใหญ่ก็จะรีบไปซื้อบ้านเขตร่ำรวยอยู่กัน และรีบออกจากงานทันทีหาที่พักผ่อนหย่อนใจหลังจากทำงาน นั้นมันตรงข้ามกับนายแบบสุดๆ ไปเลย!”
“เห้!”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็มีความสุขขึ้นมา“พวกนายเป็นคนทำหน้าที่รับสมัครคนเข้ากองพันที่หนึ่งไม่ใช่หรอ? และมันงานมันก็จะยากขึ้น ยากขึ้นทุกที ฉันมาถึงหน้าประตูเองเลยนะ หมายความว่ายังไง ถ้าฉันไม่อยากจะร่วมแล้วหละ? ถ้าจะรับก็รับไปเลยไม่ต้องสนไอพวกผู้นำนั้นหรอก”
“ฉัน…ไม่ได้หมายความแบบนั้น!”
เห็นชายใส่แว่นรีบส่ายหน้าสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตูม “เซ็นตรงนี้เลย ผู้นำนั้นหมายถึงใครกัน?..”
เขาถามมาแบบนั้นหลินเฉิงมองไปยังเลาฟางพวกเขามองหน้ากันเองอย่างสงสัย สีหน้าของชายใส่แว่นก็เริ่มซีด เขาเข้าใจถึงปัญหาทางทัศนคติของหลินเฉิงเมื่อกี้นี้เอง ถ้าเขายังไม่เข้าใจอีกคงจะเหมือนกับเหยียบหางราชสีเข้าให้ ถ้ามันไปถึงหูผู้นำเขาเองก็ไม่รู้จะเอาตัวรอดยังไง…
หลินเฉิงโบกมือและพูด“อื่ม เอาจริงๆ แล้ว ต่อให้นายไม่พูด ฉันก็น่าจะเดาว่าเป็นเรื่องของศีลธรรมใช่ไหม!“
“มันเรื่องอะไรอีกหละ?” ได้ยินแบบนั้นเลาฟางก็พูดขึ้นมาบ้าง“ฉันเองก็รู้จัก เซียวฉี มาพักนึงแล้ว และฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทำไมนายถึงเข้าใจได้หละไอน้องชาย?”
“มันง่ายมากพี่เขาพูดว่าคนส่วนใหญ่ทำงานอย่างหนักในกองพันที่หนึ่งเพื่อก้าวไปอยู่ในเขตร่ำรวย แต่สิ่งที่ฉันทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิด นอกจาก นี้สิทธิพิเศษในฐานทะเลน้ำเงินยังคงมีอยู่ดี ถ้านายเป็นคนที่มีสิทธินั้น นายจะกล้ารับสมัครคนจากเขตร่ำรวยอย่างง่ายๆ ไหมหละ? ถ้าฉันตายไป นายจะจัดการกับภาระเบื้องหลังของฉันได้ไหม?”
novel-lucky
เลาฟางมองมาด้วยความสงสัยหลินเฉิงจึงอธิบายได้ฟังแบบนั้นเลาฟางก็เข้าใจ เขามองกลับมาด้วยสีหน้าผิดหวังและอับอาย!
เห็นสีหน้าผิดหวังของเลาฟางเซียวฉีก็โมโหนิดหน่อยรีบอธิบายกลับไป “นั้น….พี่ฟางฟังฉันก่อน! ฉันรู้สึกกังวลโดยไม่รู้ตัว ที่จริงแล้วฉันจะไม่ขัดขวางการสมัครของน้องหลินหรอก และ…” “ลืมมันไปซะเถอะนายควรจะรับจัดการมันให้เสร็จเร็วๆ!”
เลาฟางขัดจังหว่ะเขา“ฉันเข้าใจความกังวลของนาย แต่ตอนนี้มันก็มีปัญหามากพอแล้วสำหรับกองพันที่หนึ่งของเรา ถ้าเราจะรับผู้เชี่ยวชาญแบบหลินเฉิงไม่ได้ เราจะทำอะไรได้อีก?”
เขาเองก็กลัวหลินเฉิงจะเข้าใจผิดเขาหันกลับมาพูดกับหลินเฉิง “ไม่ต้องห่วงน้องหลิน แม้งานมันจะอันตรายมาก อันตรายกว่าส่วนงานอื่นๆ ตราบใดที่นายยังระมัดระวังพวกเราจะช่วยหนุนนายอีกที”
“ไม่ต้อง~”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ปฏิเสธ“ฉันอยากจะร่วมกับกองพันตั้งแต่แรกเพราะอยากจะเข้าใจสถานะการณ์ของกองพัน ฉันเตรียมตัวมาพร้อมแล้วพี่ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก!”
พูดจบหลินเฉิงหันกลับไปหาเซียวฉี“และนายก็ไม่ต้องห่วงนะ แม้ฉันจะมีเบื้องหลังกับฐานทัพแห่งนี้ แต่งานระดับฉันถูกมองผ่านได้สบายๆ จากเขตที่ผู้คนเยอะแยะขนาดนี้ ต่อให้ฉันตัดสายใครไปก็ไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน!”
เห็นสีหน้าหลินเฉิงในตอนนี้เขาก็ปลอบใจตัวเองได้เยอะเลยทีเดียวเซียวฉียิ้มให้อย่างขมขื่น “โอ่ น้องหลิน ฉันเองก็ไม่ได้เปิดหูเปิดตามานาน เพราะงั้นอย่าคิดมาเลยนะ! ตั้งแต่ที่นายกรอกแบบฟรอมไป ฉันก็แค่ต้องยื่นเรื่องให้ผู้นำดูคร่าวๆ เมื่อตรวจเสร็จนายก็ผ่านแล้ว จะมีใครสักคนส่งแบบฟรอมไปยังศูนย์บังคับการและน่าจะขึ้นตรงต่อกองพันที่หนึ่งทันที!”
เซียวฉีอ่านแบบฟรอมของหลินเฉิงชัดๆอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่เขาก็หันไปเห็นช่องความสามารถของหลินเฉิง!
“ควบคุมน้ำแข็ง?”
ในช่องนั้นกรอกคำนั้นไว้จริงๆด้วยความสงสัยเขาก็อดถามไม่ได้
“น้องชายพลังควบคุมน้ำแข็งมันเป็นยังไงหรอ?”
“นี่!”
พูดจบหลินเฉิงก็ไม่ได้ตอบอะไรจู่ๆ เซียวฉีก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังทะลุอากาศมาข้างๆ หูของเขา!
“ปั๊ก!”
สิ้นเสียงแหลมๆอะไรบางอย่างก็เสียบอยู่บนโต๊ะ เซียวฉีก็รีบก้มลงไปดู แล้วก็เห็นมีดน้ำแข็งนั้นปักอยู่ พร้อมกระแสงสีน้ำเงินระยิบระยับ เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ปะ…เป็นพลังที่น่ากลัวดีนะ”
หลังจากที่เขาสังเกตุมีดบนโต๊ะเขาก็ช็อค
หลินเฉิงในตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเห็นคนที่สามารถใช้พลังเวทย์ได้ แต่เขาก็ยังไม่เห็นคนที่จัดการลงได้ง่ายๆ เหมือนกัน
——————————