ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 280 กลุ่มใหม
SC:บทที่280 กลุ่มใหม่
เลาฟางประทับใจในความสามารถของหลินเฉิงเขาเห็นว่าชายคนนี้ไม่ได้มาเล่นๆ และตอนนี้ปฏิสัมพันของเขาต่อเซียวฉีก็ดีขึ้นแล้วด้วย “น้องชายน่านี่มันสุดยอดไปเลยจริงๆ ! งั้นระดับยศก็ไม่ได้ต่ำใช่ไหมหละ?”
“น่าจะสองไม่ก็สามนะ?”
หลินเฉิงได้ยินคำพูดของชายทั้งสองเขาก็ขมวดคิ้วสงสัยก็ที่จะคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก
“น่าจะแถวนั้นแหละ?”
ได้ยินคำตอบเซียวฉีก็ถามด้วยความสงสัย “น้องชายนายยังไม่เคยทดสอบวับระดับเลยหรอ?”
“แบบทดสอบเพื่อจัดกลุ่มอย่างนั้นหรอ?”
หลินเฉิงก็แปลกใจมากและถาม“พวกพี่หมายความว่า ตอนนี้แต่ละแผนกมีการสอบวัดระดับความเชี่ยวชาญแล้วอย่างงั้นรึ?”
เซียวฉีพยักหน้า “แน่นอน! ตอนนี้โลกใบนี้เต็มไปด้วยคนที่มากความสามารถ และเพื่อที่จะรักษาความสามารถเหล่านั้นไว้จึงมีการจัดลำดับที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นพวกเราจึงต้องไปรับการทดสอบเพื่อให้เห็นความแตกต่าง…”
“น่าสนใจมาก….”
หลินเฉิงพยักหน้าเบาๆ“งั้นถ้าฉันต้องการเข้าร่วมกับกองพันที่หนึ่ง ก็ต้องรับบททดสอบแบ่งแยกกลุ่มด้วยใช่ไหม?”
เซียวฉีส่ายหน้า“มั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่นายต้องการ ในกองพันที่หนึ่ง จะจัดกลุ่มของทหารออกเป็น 5 กลุ่ม อันดับล่างสุดคือกลุ่มทหารปืนใหญ่ คนพวกนั้นไม่จำกัดระดับการเข้าร่วมแม้แต่ความสามรถยังไม่ต้องการเลย ขั้นที่เหลืออีกสี่ขั้นต้องการความสามารถขั้นพื้นฐานอยู่ ผู้ที่ต้องการไปถึงขั้นที่สูงกว่า ทหารขั้นที่สี่หรือสูงกว่า ก็ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถทั้งสิ้นเลย! นายยังไม่แน่ใจว่าพลังของนายอยู่ในขั้นไหนฉันจึงแนะนำให้นายไปรับการทบสอบมาก่อน อย่างแย่ที่สุดนายก็อาจจะได้ขั้นที่สอง ซึ่งมันสามารถลงแรงเพื่อเลื่อนขั้นของตัวเองให้กลายเป็นทหารชั้นหนึ่งเลยก็ได้นะ!”
“งั้นเกี่ยวกับการดูแลรักษาหละมันเหมือนกันในทุกขั้นไหม?”
“เอาจริงๆก็ ทหารขั้นที่ 3 หรือต่ำกว่าจะมีความเสี่ยงสูง ยิ่งขั้นต่ำเท่าไหรงานที่ต้องทำก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น! ขอบเขตของการปฏิบัติการของกองพันหลักๆ แล้วคือการล่า ถ้าเราต้องออกล่าในทะเล เราก็ต้องสู้กับพวกปีศาจนั้นบ่อยๆ ทหารขั้นหนึ่งและขั้นสองมีหน้าที่คุมความปลอดภัยโดยรอบของทั้งกองพัน หน้าที่หลักคือการค้นหาและจัดการพวกอสูรกายตัวใหญ่ที่อาจจะเข้ามาก่อปัญหาให้พวกเราได้ พวกเขาก็เลยเปลืองตัวเป็นบางครั้งบางคราว แต่ทหารระดับสามตั้งเป้ากับการล่าลูกเดียวเลย”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเซียวฉีหลินเฉิงก็เข้าใจถึงระดับความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติการของพวกเขาหลังจากที่เขาไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้ว เขาก็ถาม “ปกติแล้วเทียบจากพลังแต่ละระดับ คนประเภทไหนอยู่ไหนระดับไหนกันบ้าง?”
เห็นหลินเฉิงถามด้วยความเคารพเซียวฉีก็คาดการณ์ตามที่เขาเข้าใจให้ฟัง “ปกติแล้วจะแบ่งกันแค่สามขั้น เรียกตามความหมายของพลังเลย ระดับพลังที่ตื่นขึ้นมา ระดับพลังกลายพันธุ์ และ ระดับสูง! ยังไงก็ตามเวลาผ่านไปพลังความสามารถก็มีให้เห็นมากขึ้น จนการแบ่งแค่สามระดับมันไม่มากพอ พวกเขาจึงเพิ่มขึ้นมาอีกสองระดับเมือเดือนที่แล้วเองมั้ง ระดับพลังควบคุม และระดับทำลายล้าง! แม้จะแบ่งเพิ่มมาอีกสองขั้นแต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นพวกนั้นเลย…”
เห็นพารากราฟทั้งสองที่เซียวฉีชี้ให้ดูหลินเฉิงก็คาดไม่ถึง พารากราฟของกองพันที่หนึ่งดูหน้าเชื่อถือ แต่พารากราฟอันใหม่ทั้งสองดูจะเว้อร์เกินไปหน่อย หลังจากที่แนะนำหน้าที่และระดับขั้นในกองพันให้หลินเฉิงได้ทราบเซียวฉีก็มองดูเวลา และพบว่ามันเกือบจะหกโมงเย็นแล้ว เขาพยักหน้าให้หลินเฉิงและเลาฟาง แล้วจึงหยิบเอกสารของหลินเฉิงไป ระหว่างที่เขาเดินก็รีบอธิบายบางอย่างให้ฟัง “น้องหลิน ถ้าอยากจะวัดระดับพลังก่อน นายสามารถมาหาฉันได้ตั้งแต่เก้าโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ได้เลยนะ ฉันจะพานายไปยังแผนกทดสอบเพื่อทำการวัดระดับ ตอนนี้ฉันจะไปยื่นเรื่องให้นายก่อน ฉันจะรอถึงวันพรุ่งนี้นะ!”
เขาหยิบจดหมายขึ้นมาให้เหลาฟาง“พี่ฟาง ถ้านายมีเวลา ก็พาหลินเฉิงไปยังกองพันได้เลยนะ นี้คือบัตรผ่านชั่วคราวที่ฉันออกไว้ให้ ถ้าใครถามก็ยื่นสิ่งนี้ให้เขาไป!”
หลังจากจัดการปัญหาทุกอย่างเสร็จเซียวฉีก็เดินออกไปจากสำนักงานขี่จักยานภูเขาออกไป
หลินเฉิงมองไปยังท้องฟ้าตอนนี้ก็ด้วยอาทิตย์ก็ตกดินไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้อยู่ในยามสนทยา มันเตือนเขาว่าอีกไม่นานก็จะมืดแล้ว เขาจึงบอกลาเลาฟาง “พี่ฟาง นี่มันจะมืดแล้ว ฉันต้องกลับบ้านไปหาครอบครัวแล้ว ถ้าฉันไม่รีบกลับพรุ่งนี้ก็คงไปไหนไม่ได้ ฉันจะมารับการวัดระดับ แล้วเราค่อยไปหาอะไรซื้อที่ตลาดมืดกันนะ?”
“ได้เลยไม่มีปัญหา!”
เลาฟางพยักหน้ารับ“แต่ตลาดมือมันเปิดหลังจาก 4 โมงเย็น ฉันจะพานายไปดูข้างในกองพันที่หนึ่งก่อน บัตรผ่านที่เซียวฉีให้มาจะได้ไม่เสียเปล่านะ?”
“ได้แน่นอน!”
หลังจากพยักหน้าและจัดการเดินทางในวันพรุ่งนี้หลินเฉิงและเลาฟางก็กลับไปยังเขตอาศัยของเลาฟางอีกครั้ง หลินเฉิงนั้นบนสามล้ออีกคันของเลาฟาง เลาฟางขับนำและหลินเฉิงก็ตามมาติดๆ สามล้อบันทุกแซลมอนยักษ์สองคันมุ่งตรงไปยังเขตอยู่อาศัยหมายเลขสาม…
… “แกร็ก!”
ด้วยเสียงของวัตถุขนาดใหญ่วางลงบนพื้นตู้ปลาที่มีแซลมอนตัวใหญ่อยู่ในนั้นก็มาถึงห้องนั่งเล่นของป้าฉินด้วยแรงของเลาฟางและหลินเฉิง
หลังจากช่วยหลินเฉิงยกปลาพวกนั้นเข้าไปในห้องเลาฟางก็รีบกลับบ้านของเขาในทันที่โดยไม่พักกินข้าวกินน้ำก่อน
หลินเฉิงได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่นที่เห็นเลาฟางปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ เขาก็สุภาพส่งเขากลับไป
เห็นเลาฟางจากไปหลินเฉิงก็กลับไปในบ้านอีกครั้ง ครั้งนี้ป้าฉินกลับมาจากที่ทำงานแล้ว แต่หลีเหมิงเดีย และหลีเฉิงหยียังไม่กลับมา….
“น้องส้มนี้มันปลาอะไรทำไมตัวใหญ่จัง?”
เห็นปลาแซลมอนยังในตู้ปลาฉินชูหยี ที่พึ่งกลับมาจากการทำงานก็ถามอย่างประหลาดใจ หลินเฉิงจึงยิ้มและตอบกลับไป“นี้คือปลาแซลมอน! แม้ว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าเพื่อนของผมที่พึ่งเจอกันวันนี้ เลาฟาง หามันมาได้อย่างไรทั้งที่ราคามันสูงเสียดฟ้าขนาดนั้น ผมเลยสนับสนุนเขาสักหน่อย พวกเราเองก็จะได้มีของดีกินกันวันนี้….”
“น้องส้มไม่รู้วิธีที่จะประหยัดเลยหรอ!”
หลินเฉิงไม่ได้ใส่ใจอะไรป้าฉินก็เลยเศร้า “จ่ายไปเท่าไหร่เนียหลานป้า ? เป็นสมาชิกใหม่แท้ๆ หาเงินมาจากไหนหละเนีย?”
หลินเฉิงก็ตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม“ป้าฉิน! ผมต่อสู้มาตอลดทางต้องมีอะไรดีๆ มาขายบ้างแหละครับ ก็พอที่จะและตั๋วมาบ้าง ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เรามาห่วงเรื่องจะจัดการกับมันอย่างไงดีกว่านะครับ!”
———————————