ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 349 เรือหมายเลขหนึ่ง
“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!”
เห็นน่าอันเต็มไปด้วยคำถามของหลินเฉิงเฉินฉีก็อธิบายให้ฟัง “ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ กองพันที่หนึ่งประกอบด้วยเรือรบขนาดเล็กจำนวน 20 ลำ เรือฟิกเก็ท 5 ลำ และ เรือพิฆาตอีก 2 ลำ แม้ว่าจะไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนของเรือรบทั้งฐานทัพ แต่เพื่อการประหยัดทรัพยากรแล้ว เรือลำใหญ่หรือการใช้เรือจำนวนมากก็ย่อมถูกตัดทิ้งไป…”
“หลังจากที่รายงานตัวกับกองพันที่หนึ่งแล้วสมาชิกใหม่ทุกคนจะถูกถามหาใบประเมินพลังและทดสอบอีกครั้ง หลังจากนั้นก็จะถูกจัดไปประจำตามเรือโดยเทียบจากผลของการทดสอบ! เรือหมายเลขหนึ่งคือเรือธง เป็นเรือครุยเซอร์ลำเดียวของกองพัน เป็นเรือที่มีนายทหารฝ่ายเสนาธิการ เช่น รองผู้บังคับบัญชาเป็นต้น เรือหมายเลขสองเป็นต้นไปคือตัวแทนของระดับขั้น! นั้นคือเหตุผลว่าทำไมเลาฟางถึงประจำเรือหมายเลขสาม แม้ว่าเขาจะไม่ชอบทำงานมารายงานตัวไม่บ่อยนัก แต่เขาก็เป็นถึงผู้ใช้หลังระดับสาม แต่ด้วยความสามารถของเขา แม้จะอยู่ในเรือหมายเลขสาม เขาก็เป็นถึงตัวท็อปของที่นั้นเลย!”
“อย่างไรก็ตามแม้เลาฟางจะอยู่ในเรือที่ 3 เขาก็ไปมั่วกับเรือลำอื่นไม่ได้ เมื่อกองพันที่หนึ่งจัดขบวนเสร็จ ท่านรองผู้บังคับบัญชาก็จะออกคำสั่ง โดยจะสั่งตรงไปที่เรือไม่มีการสั่งไปยังผู้ใช้พลังรายคนแต่อย่างใด มันจึงเป็นเรื่องต้องห้ามที่จะโดยสารเรือลำอื่นที่ไม่ใช่เรือที่ตนเองต้องไปประจำการ ไม่รู้ว่ามันมีเบื้องลึกอะไรยังไง จนถึงตอนนี้ทุกคนปฏิบัติตามข้อห้ามนี้อย่างเคร่งครัด!”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเฉินฉีหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วแน่น สิ่งที่เขาได้ยินทำให้เขาสนใจในตัวของฉางเหวินฉวนมากกว่าเดิมอีก!
คำสั่งนี้เป็นอะไรที่ดูแปลกประหลาดอย่างแน่นอนถ้าเขากลัวว่าผู้ใช้พลังจะรวมกลุ่มจนกลายเป็นแก้ง จึงต้องแยกผู้ใช้พลังตามลำดับขั้นของเรือแต่ละลำอยู่แล้ว แต่ถ้าเหตุผลไม่ใช่แบบที่หลินเฉิงคิด มันจะเป็นอะไรที่หน้าสนใจมาก
ถ้าเขาเดาไม่ผิดเหตุผลที่มีคำสั่งแบบนี้ออกมาก็เพราะว่าฉางเหวินฉวนกลัวว่าจะมีคนแอบขึ้นมาบนเรือธงและเห็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะให้เห็นนั้นเอง!
หลินเฉิงพยักหน้าให้กับเลาฟางเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะเดินตามเฉินฉีไปยังเรือธงหมายเลขหนึ่ง
“นี่แหละลำนี้เลย!”
หลังจากที่เดินเคียงกับเรือลำใหญ่เฉินฉีก็หยุด และชี้ไปยังเรือสีเงินข้างหน้าของเขา และแนะนำมันให้กับหลินเฉิง “นี้คือเรือหมายเลขหนึ่ง ชั้นลูจง 051C เป็นเรือพิฆาต ความยาวกว่า 165 เมตร กว้าง 17.1 เมตร มีระวางขับน้ำกว่า 7000 ตัน! ติดอาวุธทั่วทั้งลำ ฉันไม่จะพูดไปมากกว่านี้แล้ว เหมือนนายจะไม่สนเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ใช่ไหมหละ?” “อื่ม… ฟังดูทรงพลังดีนะ!”
เมื่อได้ยินเฉินฉีแนะนำคุณสมบัติของเรือหลินเฉิงก็ตั้งใจฟัง สังเกตุเรือพิฆาตลำนี้อย่างละเอียด อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจเรื่อของมันมากนัก ยิ่งเฉินฉีอธิบายมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหมดความสนใจไปมากเท่านั้น
พวกเขาทั้งสองเดินเข้ามาในตัวเรืออย่างรวดเร็วเฉินฉีก็อธิบายข้อควรระวังให้กับหลินเฉิงไปด้วย “นี้ก็ 8 โมงครึ่งแล้ว ปกติกองพันจะออกเดินเรือตอน 9 โมง งั้นฉันจะพานายไปยังห้องทดสอบก่อน หลังจากทดสอบเสร็จนายก็ออกมาได้เลย ถือว่าสิ้นสุดงานของวันนี้ นั่นคือทุกครั้งผลประโยชน์เล็ก ๆ สำหรับผู้สมัครใหม่หละนะ … ”
“ก็ดีจริงๆนั้นแหละ”
หลินเฉิงได้แต่ยกคิ้งวขึ้นเขากำลังปวดหัวกับการลอบขึ้นมาบนเรือหมายเลขหนึ่งลำนี้ เขาไม่คิดว่าการรายงานตัววันนี้จะเป็นตั๋วชั้นดีที่นำเขาเข้ามาได้ นั้นทำให้เขาประหยัดเวลาไปได้มาก “ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับโชคของนายแล้วหละ!”
“ยังไงก็เหอะเรือธงลำนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเรือลำอื่นสักเท่าไหร่ จะดีกว่าก็ตรงที่มีผู้ใช้พลังระดับสูงบางคน และนายทหารเสนาธิการโดยสารอยู่บนนี้! ถ้านายโชคดีอาจจะได้รู้จักพวกเขาสักคนสองคน พวกเขาจะได้ช่วยนายตอนมีปัญหาได้ด้วย ถ้าไม่ไปเจอกับคนแปลกๆ เขานะ…”
“ไม่ต้องห่วงฉันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น!”
ก่อนที่เฉินฉีจะพูดต่อหลินเฉิงก็หยุดเขาไว้ “ฉันก็แค่มารายงายตัว เมื่อเสร็จจากตรงนี้ฉันก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก!”
“งั้นก็ดี!”
ได้ยินคำสัญญาของหลินเฉิงเฉินฉีก็ลบความคิดไม่เข้าท่าออกไป และเดินไปยังห้องทำงานห้องหนึ่ง
“ก็อกก็อก!….”
หลังจากที่เคาะไปยังประตูเหล็กข้างหน้าเฉินฉีก็พยักหน้าให้กับหลินเฉิง เสียงเรียกให้เข้ามาก็ดังขึ้น เขาจึงพลักประตูเขาไป
“เซี่ยวเฉิน?อะไรทำให้นายมาที่นี่เช้าอย่างงี่เนี่ย?”
ข้างในมีหญิงอายุประมาณ50 สวมแว่นกรอบทอง แม้เธอจะอ้วนนิดหน่อย แต่เธอก็ดูเป็นคนสบายๆ ตอนนี้เธอกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนเอกสาร และเห็นเฉินฉีเดินเข้ามา เธอก็ถามอย่างแปลกใจ
“สวัสดีคับพี่ฉาง!”
ทันทีที่ถูกถามเฉินฉีก็ยิ้มและกล่าวทักทาย เขาชี้ไปยังหลินเฉิงที่เดินตามเข้ามาและพูด “นี้คือหลินเฉิงครับ เขาเสร็จสิ้นการลงทะเบียนกับผมเมื่อสองวันที่แล้ว ผมพึ่งจะจัดการเรื่องของเขาเสร็จ เลยพาตัวมาในวันนี้ครับ…”
“โฮะโฮ่…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหญิงวัยกลางคนชื่อ ฉางเจียก็ดันกรอบแว่นขึ้น เธอมองสำรวจหลินเฉิงอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนที่จะพูดอย่างพึงพอใจ “ไม่เลวเลย ที่นายหาคนมาได้!”
พูดจบเธอก็ลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาหลินเฉิงรับเอกสารที่เฉินฉียื่นให้และตั้งหน้าตั้งตาอ่าน ก่อนที่จะถามหลินเฉิงคร่าวๆ ว่า “พ่อหนุ่มคนนี้มีพลังระดับไหนกันหละ?”
เธอมองมายังหลินเฉิงด้วยรอยยิ้มหลินเฉิงหันหน้าไปหาเฉินฉีก่อนที่จะพยักหน้าให้กัน “พาลากราฟที่ 4!”
“ระดับ4 เลยหรอ!?”
ได้ยินคำตอบนั้นฉางเจียก็อดที่จะตรวจเอกสารอย่างระเอียดไม่ได้ เธอแทบจะไม่เชื่อสายตา แต่เอกสารก็ระบุทุกอย่างไว้อย่างชัดเจน เธอจึงเชื่อแล้วว่าหนุ่มหล่อตรงหน้านี้ อายุน่าจะไม่น้อยไปกว่าลูกของเธอนักมีพลังถึงระดับ 4 !
“ช่างหน้าอศัจรรย์จริงๆ…”
เมื่อรู้แล้วว่าไม่ได้โม้เธอก็อดที่จะเอ่ยปากชมไม่ได้ “ไม่ใช่แค่หล่อนะแต่มีพลังระดับสูงด้วย อนาคตไกลแน่นอนบอกเลย!”
พูบจบเธอก็ทำใจให้สงบก่อนที่จะหันไปพูดกับเฉินฉี “น้องเฉิน นายทำได้ดีมากรอบนี้ อย่างลืมไปรับรางวัลที่ฝ่ายจัดหาวัสดุด้วยหละ! เอาเอกสารนี้ไปให้ยามดูนะ!”
“รางวัลหรอ?”
ได้ยินแบบนี้หลินเฉิงก็ขมวดคิ้ว“ทำไมถึงรู้สึกเหมือนถูกขายเลยนะ?”
“ฮ่าๆๆ!”
เห็นหลินเฉิงไม่พอใจนิดหน่อยเฉินฉีก็หัวเราะออกมา เขารีบอธิบายให้ฟัง “ไม่มีใครกล้าขายนายหรอก ไอน้องชาย! มันเป็นข้อกำหนดของกองพัน ถ้าใครนำผู้ใช้พลังระดับสูงเข้ามาได้จะตบของรางวัลให้ มันเป็นข้อตกลงนายไม่ต้องคิดอะไรมากมายหรอกนะ….”
———————–SC: บทที่ 350 การเปลี่ยนแปลง