ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 437 “ตำแหน่ง”ของเหลียงเลา
SC:บทที่437: “ตำแหน่ง”ของเหลียงเลา!
“เคร้ง!”
ด้วยดาบเล่มนั้นภาพร่างกายที่ถูกฟันเป็นสองท่อนกลับไม่เกิดขึ้น กลับกัน กำแพงเหล็กสีเงินได้ปรากฏขึ้นปิดกั้นฉางเหล่าอู๋เอาไว้!
“หลินเฉิงหยุด!”
หลังจากที่ช่วยฉางเหล่าอู๋จากหลินเฉิงเหลียงเลาอู๋ที่กำลังยืนด้วยไม้ค้ำสีดำทองก็เดินมาหยุดอยู่ข้างกับชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุน่าจะประมาณ15-16ปี และกลุ่มผู้มีพลังที่น่ากลัวข้างหลังของเขา ขณะที่เขาเดินมาเขาก็พูด “ไม่ว่านายจะมีข้อแก้ตัวอะไร ฉันก็ไม่สามารถช่วยอะไรนายได้อีกแล้ว…”
เมื่อได้ยินคำของเหลียงหลินเฉิงก็ไม่สนใจ จากนั้นเขาจึงมองไปที่กลุ่มผู้มีพรสวรรค์ที่เหลียงพาตัวมาเป็นอันดับแรก เมื่อเขาพบว่าคนพวกนี้ดูรุนแรงกว่าคนอื่นๆ เขาก็ขมวดคิ้วและมองไปที่เด็กหนุ่มข้างๆเหลียง จากนั้นเขาจึงยื่นมือชี้ไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นและเอ่ยถามกับเหลียง “เขาก็คนของดาบรัตติกาลงั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามเหลียงก็ขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่หลินเฉิงเอ่ยถามอย่างชัดเจน เขาก็พยักหน้าและเอ่ยตอบ “ใช่ ครอบครัวของเด็กคนนี้ถูกพวกซอมบี้ฆ่าตอนที่พวกมันเริ่มเข้ามา เขาเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องเกือบเดือนพร้อมกับกระเป๋าที่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับกาต้มน้ำ และในที่สุดก็ถูกช่วยออกมาจากเมืองได้โดยหน่วยเก็บกู้ของเราตรง….”
“ไม่ต้องเล่าเรื่องชีวิตที่น่าสลดของผู้ชายคนนี้ให้ผมฟังเพราะมันไม่มีผลต่อการกระทำต่อไปของผม!”
หลังจากที่เข้าใจความหมายของคำพูดของเฒ่าเหลียงหลินเฉิงก็ส่ายหน้าอย่างเย็นชา “เขาเป็นคนของดาบรัตติกาล แต่เขาเพิ่งช่วยคนที่จะต้องตายด้วยมือของผม! บวกกับกลุ่มผู้มีพลังที่ยืนอยู่ข้างหลังของคุณ ในที่สุดผมก็เข้าใจเสียทีว่าคุณเลือกที่จะประนีประนอมกับสำนักงานหลังหลังจากที่แกว่งมีดมาเป็นเวลานาน?”
“ไม่ไม่ใช่!”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเหลียงเฉินที่เยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆเหลียงเลาก็ตกใจ เขารีบส่ายมือปฏิเสธและพูดออกมา “ฉันแค่ไม่อยากให้นายสร้างศัตรูเยอะ สิ่งที่นายทำมันจะไม่มีทางจบ!”
“ในเวลาเดียวกันคุณก็ได้แสดงให้ผมเห็นถึงทัศนคติที่บิดเบี้ยวของสำนักงานใหญ่ที่ทำให้คุณไม่กล้าไปไหน และในเวลาเดียวกัน คุณก็บอกผมว่าคุณไม่ต้องการให้ผมสร้างศัตรูเยอะ ไม่ว่าจะทางไหน มันก็ได้แสดงถึงตัวคุณและทัศนคติของคุณที่มีต่อดาบรัตติกาลออกมาอย่างชัดเจนแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเหลียงหลินเฉิงก็หัวเราะเย้ยหยันออกมาอย่างอดไม่ได้ “ยังไงก็เถอะ คุณก็ยังกังวลถึงเรื่องของตัวแปรในอนาคต คุณอาจจะไม่ต้องการที่จะทำให้ผมไม่พอใจ แต่คุณก็ไม่ต้องการทำให้นฤบาลของฐานทัพสมุทรสีครามไม่พอใจเช่นกัน! แต่ในสถานการณ์การพัฒนาของสิ่งต่างๆในปัจจุบัน มันเห็นชัดเจนแล้วว่าฝ่ายหนึ่งจะต้องถูกทำลายอย่างสิ้นซาก และบนพื้นฐานของความเข้าใจนี้ คุณก็เลือกสำนักงานใหญ่ที่มีประชากรมากมายและฝังรากลึกอยู่กับฐานทัพสมุทรสีคราม ถูกรึเปล่าครับ?”
“เอ่อ…”
หลังจากเห็นว่าหลินเฉิงได้พูดสิ่งที่คิดออกมาจนหมดเหลียงก็รู้สึกกระอักกระอ่วนทันที ถึงแม้ว่าเขาจะชอบหลินเฉิง แต่เขาก็ไม่สามารถตัดสินทิศทางในอนาคตของดาบรัตติกาลได้จากการชอบและไม่ชอบของตัวเอง ในฐานะหัวหน้าของสำนักงานใหญ่ดาบรัตติกาล หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่หลายคร้ัง เขาก็ตัดสินใจว่าทางเดียวก็คือตอนนี้ต้องกลับไปที่สำนักงานใหญ่ให้ได้และจากนั้นก็วางแผนเรื่องการพัฒนาในอนาคตใหม่ หลังจากที่จับตัวหลินเฉิงได้แล้ว!
เมื่อเห็นว่าเหลียงไม่พูดอะไรออกมาหลินเฉิงก็ส่ายหน้าเบาๆและจู่ๆเขาก็ถามออกมา “ตอนนี้ครอบครัวของลุงผมอยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินปัญหาที่หลินเฉิงถามออกมาอย่างกรระทันหันเรื่องครอบครัวของหลี่เฉิงหยีเฒ่าเหลียงก็กระแอมออกมาและพูดอย่างเก้ๆกังๆ “ตั้งแต่ที่นายเริ่มเคลื่อนไหว ฉันก็ส่งคนไปปกป้องพวกเขาแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าเกิดขึ้น ตอนที่คนของฉันไปถึงที่บ้านของพวกเขา พวกนั้นก็ไม่พบใครเลยสักคน และครอบครัวนั้นก็หายไปเหมือนไม่มีอะไรเลย!”
“อย่างนั้นหรอ?”
เมื่อเห็นว่าเหลียงเลาตอบออกมาอย่างอึดอัดและละอายหลินเฉิงก็ไม่โกรธอะไร เขาพยักหน้าเบาๆเพื่อบอกว่าเขารับรู้
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงไม่ได้มีท่าทีแม้แต่จะต่อความกับเขาเรื่องนี้เหลียงก็ต้องแปลกใจอย่างอดไม่ได้ เขาแค่อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลินเฉิงเท่านั้น แต่สติของเขากลับยั้งเอาไว้!
“นายพาพวกเขาไปก่อนที่พวกเขาจะไปถึงใช่รึเปล่า?”
เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
ก่อนที่หลินเฉิงจะตอบอะไรเหลียงก็พูดต่อ “อันที่จริง ฉันคิดว่ามันก็จริงเหมือนกันที่ฉันควรจะจัดการกับญาติของฉันด้วยตัวเอง โดยเฉพาะตอนที่ฉันรู้ว่าฉันจะไขว้เขวไม่ได้…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ยักไหล่ แต่เขาเข้าใจว่าเหลียงจะส่งครอบครัวของหลี่เฉิงหยีให้อยู่ในความคุ้มครองของเหย่เหลินจริงๆ แต่ตอนนี้ครอบครัวเขากลับหายไป ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหนีไปก่อนกับโคล่าและเทียนซือหลังจากที่ได้รับข้อมูลบางอย่าง!
ส่วนเรื่องที่ถูกตัดขาดจากคนอื่นน่ะหรอ?
หลินเฉิงไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วเขามีสัตว์พิเศษอยู่สองตัว โคล่าและเทียนซือ ที่เป็นคนพาพวกเขาไป ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสของเผ่ารัตติกาลจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะไม่มีทางได้เปรียบทั้งสองตัวนั้น ยิ่งกว่านั้นก็คือพวกเขาอาจจะโดนสวนกลับด้วยดวงดาวแห่งความชั่วร้ายของโคล่า แล้วนับประสาอะไรพวกที่เก่งด้านสนับสนุนของฐานทัพสมุทรสีคราม!
“ใครกัน?”
เขาคิดในใจหลินเฉิงมองไกลออกไป ทันใดนั้นเงาที่ผอมแห้งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา!
“ถ้าหากว่าเป็นเธอมันจะต้องมีคำอธิบาย!”
เมื่อมองไปที่ชูฉิงที่ยืนอยู่เงียบๆข้างดิงเฮาหยวนในสนามรบผู้ที่มักจะดูแลที่ของเขาเสมอ หลินเฉิงก็คิดออก ด้วยความเข้าใจพฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ ตราบใดที่เธอมีความสัมพันธ์กับหลี่เหมิงเดีย ผู้หญิงคนนี้จะต้องเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดเพื่อรายงานข้อมูลล่าสุดที่ได้มาให้กับหลี่เหมิงเดียแน่นอน เพื่อที่ครอบครัวของเขาจะได้ตัดสินใจเลือกที่หลบภัยที่ปลอดภัยได้ตลอดเวลา!
จากจุดเริ่มต้นของความไม่ไว้ใจเปลี่ยนเป็นความเชื่อถือในเวลาต่อมาชูฉิง หญิงสาวผู้ที่ดูเหมือนวิญญาณของสัตว์ที่ไม่เป็นอันตราย มักจะปรากฏตัวในเวลาที่คาดเดาไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้คนพูดอะไรไม่ออกที่สุดก็คือตอนที่เธอปรากฏตัว เธอจะทำสิ่งที่ไม่ดี หรือจบเรื่องที่ไม่ดี ซึ่งทำให้เธอต้องพูดโกหกออกไป และท้ายที่สุดเธอก็ปล่อยให้อีกกลุ่มรู้ข่าวบางอย่างไป
เมื่ออาศัยจากความพยายามในการบอกรายละเอียดให้เธอฟังหญิงสาวที่แสนฉลาดคนนี้ก็สามารถเข้าใจบริบททั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว ความเฉลียวฉลาดและความคิดตรรกะของเธอทำให้หลินเฉิงพร้อมที่จะปฏิเสธออกไปมากกว่าหนึ่งครั้ง
ถึงแม้ว่าชูฉิงจะฉลาดมากแต่หลินเฉิงก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้พบกันหลายครั้งโดยเจตนา เพราะอย่างไรแล้ว มันก็ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างพวกเขาตั้งแต่ต้นจนจบอยู่แล้ว และสัมผัสที่หกของเขาและความสามารถในการตัดสินใจที่เกินธรรมดาของเขา มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะถูกผู้หญิงคนนั้นนำได้
เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว การพบกันหลายครั้งระหว่างทั้งสองคนจึงสามารถเป็นได้แค่โชคชะตาบางอย่างเท่านั้น
เนื่องจากว่ามีหลายอย่างที่ต้องคิดในหัวหลินเฉิงจึงไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่แรก ดังนั้นจนถึงตอนนี้ ในที่สุดเขาก็พบว่าเมื่อเขาคิดว่าตัวเองปลอดภัย เขาก็จะมองข้ามหลายๆอย่าง และชูฉิง หญิงสาวที่มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นแต่กลับไม่ค่อยมีความรู้สึกของการชีวิต ที่มาพบกับเขาในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ เป็นเหมือนช่องโหว่ที่ร้ายแรง!
—————————–