ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 442 ความคิดของดิงเฮาหยวน
SC:บทที่442: ความคิดของดิงเฮาหยวน!
ในฐานทัพสมุทรสีครามตัวตนของเฒ่ารัตติกาลนั้นถือว่าเป็นความลับอย่างมาก มีแค่พวกหัวหน้าระดับสูงเท่านั้นที่รู้ว่าตัวตนของพวกเขานั้นเกินกว่ามนุษย์ธรรมดา แต่เมื่อจำนวนของผู้มีความสามารถและเฒ่ารัตติกาลที่อยู่ในฐานทัพสมุทรสีครามเพิ่มขึ้น พวกระดับสูงบางคนก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับการมีตัวตนอยู่ของพวกเขาเหล่านี้ อย่างเช่นคุณเหลียงที่รับผิดชอบหน่วยดาบรัตติกาลคือหน่วยงานแรกที่รู้ถึงการมีอยู่ของปีศาจโบราณ มันถูกจำกัดด้วยคำสั่งของสำนักงานใหญ่ และมีไม่กี่คนที่จะกล้าพูดเรื่องของปีศาจรัตติกาลออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
แต่ไม่ว่าสำหนักงานใหญ่และเหลียงจะรู้เกี่ยวกับปีศาจรัตติกาลมากน้อยแค่ไหนพวกเขาต่างมีความคิดเหมือนกันในใจ ซึ่งก็คือ พวกเขารู้ดีว่าปีศาจรัตติกาลนั้นทรงพลังและเป็นภัยคุกคามต่อฐานทัพสมุทรสีครามมากแค่ไหน!
เพราะฉะนั้นในหัวของพวกระดับสูงของฐานทัพสมุทรสีครามนั้นปีศาจรัตติกาลถือเป็นภัยคุกคามต่อฐานทัพสมุทรสีครามเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความแข็งแกร่งมหาศาลของอีกฝ่ายและไม่ได้ต้องการจะสู้กับฐานทัพสมุทรสีคราม สิ่งที่ฐานทัพสมุทรสีครามสามารถเลือกได้ก็คืออยู่อย่างสงบและรอดูว่าปีศาจรัตติกาลจะทำอะไร
พวกเขาไม่คิดว่าปีศาจรัตติกาลดูทรงพลังในสายตาของพวกผู้มีพลังในฐานทัพสมุทรสีครามจะปรากฏตัวในสนามรบพร้อมกันได้ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสี่คนยังดูหวาดกลัวหลินเฉิง!
เมื่อรู้สึกถึงสายตาประหลาดใจของผู้คนที่อยู่รอบๆชายชราหนวดขาวที่ชื่อว่ากระเรียนขาวก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่าอดไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะมองไม่เห็นคนพวกนี้เลยสักนิด เขาชี้นิ้วไปที่หลินเฉิงและพูดกับฉางเกอ“ใช่แล้ว พวกเราคือจิตวิญญาณรัตติกาล! แต่เป้าหมายของพวกเราในวันนี้ก็แค่ไอ้เด็กเวรนี่ และพวกเราก็ไม่มีแผนจะสู้รบกับฐานทัพสมุทรสีครามแต่อย่างใด! ถ้าหากพวกนายไม่อยากสู้ ก็อย่าขัดขวางพวกเราในการจับตัวคนๆนี้!”
เมื่อเห็นว่าท่าทางของกระเรียนขาวนั้นเย่อหยิ่งมากและไม่มองมาที่ตนตรงๆตั้งแต่แรกฉางเกอก็เดือดดาล เธอจึงเอื้อมมือเปล่าออกไป แต่ก่อนที่เธอจะได้ปล่อยใบมีดลมออกไป เธอรู้สึกว่าข้อมือของเธอตึงและก็มีมือเอื้อมมาจับที่ข้อมือของเธอ!
“ไม่มีปัญหา!และผมก็อาจจะต้องบอกคุณเหมือนกันว่าเป้าหมายของพวกเราวันนี้ก็หมือนกับคุณ ตราบใดที่พวกเราจับตัวเขาได้ ผมก็ขอสัญญาเลยว่าจะไม่ต่อสู้กับพวกคุณ!”
หลังจากที่คว้าข้อมือของฉางเกอดิงเฮาหยวนก็เดินออกมาจากด้านหลังของเธอด้วยสีหน้าดุดัน เมื่อเขารู้สึกว่าฉางเกอดึงมือของเธอออกจามือของเขา เขาก็อดพึมพำออกมาไม่ได้ จากนั้นเขาก็มองตรงและพูดกับเฒ่ารัตติกาลทั้งสี่
“เยี่ยมที่สุด!”
เขาได้ยินคำสัญญาของดิงเฮาหยวนปีศาจรัตติกาลทั้งสี่ก็ตกตะลึง พวกเขาไม่รู้ว่าหัวหน้าของฐานทัพสมุทรสีครามจะเก่งเรื่องเจรจาขนาดนี้ พวกเขามองหน้ากันอยู่หลายครั้ง จากนั้นคนทั้งหมดจึงพยักหน้าและตัดสินใจที่จะรักษาความสงบกับฐานทัพสมุทรสีครามเอาไว้และจัดการบดกระดูกของหลินเฉิงก่อน!
เมื่อเห็นว่าทั้งสองกองกำลังที่ถูกกำหนดชะตามาให้สู้กัน ได้ทำความเข้าใจ ทิ้งอคติและร่วมมือกัน หลินเฉิงก็ทำได้แค่ส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่นออกมา เขารู้สึกพูดอะไรไม่ออกเรื่องที่พลังของเขาสร้างปัญหามากมาย แต่เขาก็เข้าใจตาแก่ดิงเฮาหยวนผิดไปโดยสิ้นเชิง!
เมื่อตอนที่เขาเพิ่งมาถึงที่ฐานทัพสมุทรสีครามหลังจากที่เห็นภาพการรักษาความปลอดภัยและความเจริญ ภาพดิงเฮาหยวนในหัวของเขานั้นเป็นคนที่ฉลาดมาก ในฐานะผู้บัญชาการของฐานทัพสมุทรสีคราม ดิงเฮาหยวนควรจะรู้ถึงความคุกคามของปีศาจรัตติกาลมากกว่าคนอื่นๆ
ไม่น่าเชื่อเมื่อเห็นแก่ฉางเหวินฉวน เขากลับเต็มใจที่จะวางอคติทั้งหมดและร่วมมือต่อสู้กับปีศาจรัตติกาล ที่อาจจะฆ่าพวกเขาเองด้วยเหมือนกัน!
อันที่จริงตอนที่เขาได้ยินการตัดสินใจของดิงเฮาหยวน หลินเฉิงก็มีปฏิกิริยาทันที ดิงเฮาหยวนคนนี้อยากจะฆ่าเขาเป็นอย่างมาก เหตุผลแรกก็เพราะเรื่องของฉางเหวินฉวน และอีกอย่างนึงที่น่าจะเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด มันน่าจะเป็นเพราะหลังจากที่เห็นความแข็งแกร่งที่เขาเปิดเผยออกมา หัวใจของดิงเฮาหยวนก็เริ่มจะตื่นตระหนก และเจ้าตัวก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถฆ่าเขาที่นี่ได้ เพราะหากเขาทำให้เกิดความวินาศ อำนาจของเขาในฐานทัพสมุทรสีครามจะลดลงและถูกแทนที่! “เพราะอย่างไรแล้วมนุษย์ก็ต่างเห็นแก่ตัว…”
เขาส่ายหัวเบาๆ
ตอนนี้ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าดิงเฮาหยวนคิดอะไรอยู่หลินเฉิงเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ ในเวลานี้ กลุ่มผู้มีพลังที่ทำตามคำสั่งของดิงเฮาหยวนเริ่มจัดเป็นวงกลมล้อมรอบตัวเขาอย่างแน่นหนา และในเวลาเดียวกัน พร้อมกับเสียงลมหายใจและดาบยาว เขาเองก็ตั้งใจที่จะล้างบางสำนักงานใหญ่ทั้งหมดให้สิ้นซาก!
“ท่านผู้บัญชาการ!ที่เราทำแบบนี้มันถูกหรอคะ? “
ใครจะไปคิดกันว่าผู้บัญชาการของสำนักงานใหญ่และเฒ่ารัตติกาลทั้งสี่จะร่วมมือกันเพื่อจัดการกับหลินเฉิงฉางเกอ ที่ถูกเมินมากเป็นเวลานาน ก็หายจากความตกตะลึงในที่สุด เมื่อเห็นสถานการณ์ตอนนี้ เธอก็ถามดิงเฮาหยวนด้วยสีหน้าตกใจทันที “ไม่ว่าหลินเฉิงจะทำอะไรมา นี่ก็เป็นความขัดแย้งภายในของพวกเราที่เป็นมนุษย์! ท่านเลือกที่จะร่วมมือกับปีศาจรัตติกาลพวกนี้เพราะคุณไม่สามารถเขาชนะพวกเขาได้ ได้ยังไง?”
“ไร้สาระ!”
เมื่อได้ยินคำถามของฉางเกอดิงเฮาหยวนก็ตะคอกออกมาเสียงดัง “ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของพวกเราตอนนี้ไม่ใช่เผ่ารัตติกาล แต่เป็นไอ้เนรคุณหลินเฉิง! ฉวนเอ๋อดูแลครอบครัวหลี่เฉิงหยีตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงฐานทัพสมุทรสีครามแห่งนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่พอใจกับพฤติกรรมของเขา แต่ฉันก็ไม่เคยขัดขวางอะไร! แต่ดูสิ สิ่งที่พวกเราได้รับตอนแทนน้ำใจคืออะไร? เขาจัดการกับผู้มีพลังของเราไปจำนวนมาก และมันก็ยังไม่ชัดเจนว่าฉวนเอ๋อยังมีชีวิตอยู่หรือว่าตายแล้ว แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่ฆ่าผู้ชายมี่มีพลังแต่ใจโหดคนนี้?”
“แต่…”
เมื่อได้ยินคำถามที่ดิงเฮาหยวนถามกลับฉางเกอก็พูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง ในใจของเธอปฏิเสธว่าหลินเฉิงนั้นต่างจากพวกเผ่าจิตวิญญาณรัตติกาล แต่เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปเมื่อเธอคิดถึงเรื่องความสะดวกสบายของครอบครัวของหลินเฉิงในฐานทัพสมุทรสีครามและสิ่งที่เขาทำตอนนั้น
“น่าสนใจน่าสนใจจริงจริงๆ!”
หลินเฉิงที่ถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มผู้มีพลังหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ดิงเฮาหยวนพูด เขาเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว เขามองไปที่ดิงเฮาหยวน “อย่าไปพูดถึงจุดประสงค์ของฉางเหวินฉวนที่เข้าใกล้ครอบครัวของผมเลย แต่โปรดคิดดูให้ดีว่าทำไมผมถึงจับตัวฉางเหวินฉวนไป แม้แต่สำนักงานใหญ่ของพวกคุณ ผมก็ไม่ได้มีตำแหน่งที่เจาะจง แต่พวกคนของกลุ่มจิตวิญญาณรัตติกาลเป็นกังวลมากกว่าพวกคุณเสียอีก พวกเขาถึงขั้นส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขามาเพื่อช่วยเหลือฉวนเอ๋อที่น่าสงสารของพวกคุณ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหัวใจของดิงเฮาหยวนก็กระตุกทันที ในความเป็นจริงแล้ว ตอนที่ปีศาจรัตติกาลปรากฏตัวออกมาและได้ยินบทสนาระหว่างพวกนั้นกับหลินเฉิง เขาก็เดาคร่าวๆว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่เขาคิด แต่ยังไงก็ตาม หลินเฉิง ผู้ชายที่มีพลังที่แข็งแกร่ง ก็เป็นภัยคุกคามต่อจุดยืนของเขาจริงๆ นอกจากนี้ เขาได้ฆ่าผู้มีพลังของหน่วยงานสำนักงานใหญ่ของเขาไปจำนวนมาก และด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยหลินเฉิงไป!
—————————————–