ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 460 เกิดอะไรขึ้น
SC:บทที่460: เกิดอะไรขึ้น?
“ฉันคิดว่าพวกเขาตายไปแล้ว…”
เมื่อมองไปที่ดิงเฮาหยวนและฉางเหวินฉวนที่ถูกแช่แข็ง หลิงเหมิงก็รู้สึกหนาวขึ้นมา ความรู้สึกกลัวที่มีต่อคุกน้ำแข็งของเธออเพิ่มขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ “ถ้าฉันเดาถูก ตอนนี้นายควบคุมฐานทัพอยู่ใช่รึเปล่า? แล้วทำไมพวกเขาถึงถูกทิ้งไว้ที่นี่?”
เมื่อได้ยินคำถามหลินเฉิงก็ส่ายหัวเล็กน้อยและตอบอย่างรวดรัด “ยังมีประโยชน์!”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงไม่ต้องการที่จะพูดกับเธออีกหลิงเหมิงก็ไม่มีทางเลือก เธอมองไปรอบๆถ้ำน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เหมือนกับตู้เย็นยักษ์และถาม “ฉัน ฉันก็จะถูกขังไว้ที่นี่เหมือนกันหรอ?”
“เธอคิดว่ายังไงล่ะ?”
เมื่อเห็นความกังวลของหลิงเหมิงตอนที่ถามเขาหลินเฉิงก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็มีวงแหวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและกำแพงน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นตรงกลางคุกน้ำแข็ง ซึ่งแยกฉางเหวินฉวนและดิงเฮาหยวนออกเป็นสองฝั่ง!
“ฉันรู้ว่าเธอจะพูดอะไรแต่ทุกคนไม่ใช่เด็ก ฉันรู้ดีว่าเธอหนักกี่ปอนด์! ถึงแม้ว่าอุณหภูมิของคุกน้ำแข็งนี่จะต่ำ แต่มันก็จะผ่านไปได้ถ้าเธอต้านมันด้วยลักษณะทางกายภาพของเธอไม่ใช่รึไง?”
หลังจากสร้างกำแพงน้ำแข็งแยกระหว่างดิงเฮาหยวนและฉางเหวินฉวนหลินเฉิงก็เดินมาที่โต๊ะน้ำชาและรินน้ำร้อนลงในถ้วย หลังจากนั้นเขาก็ส่งมันให้หลิงเหมิงและพูด “แต่ถ้าเธอไม่อยากจะถูกแช่แข็งอยู่ที่นี่ไปตลอดเวลา เธอก็สวดมนต์ขอให้คนของเธอลงมือเร็วพอและมาพาตัวเธอออกไปก่อนที่เธอจะแข็งตายก็แล้วกัน!”
หลังพูดจบเขาก็ไม่สนหลิงเหมิงที่ทำถ้วยน้ำชาร่วงลงพื้น เดินออกไปจากคุกน้ำแข็งและปิดประตู จากนั้นก็เดินออกไป!
“ฟู่ว…!”
แต่เดิมที่ทรมานกับบาดแผลภายในอย่างหนักอยู่แล้วแต่หลังจากกลับมา เขาก็ต้องเผชิญกับการแตกหักมากมาย ในที่สุดหลินเฉิงก็ตัดสินใจที่จะวางทุกอย่างไว้สักพัก เขาหายใจเข้าลึกๆและเดินกลับไปที่ห้องนอนของตน และลงไปนอนบนที่นอนทันที ไม่อยากจะเคลื่อนไหวอะไรอีกแล้ว
ความเจ็บปวดของร่างกายยังคงแสดงออกมาอยู่เรื่อยๆเสื้อผ้าที่ส่วมอยู่ขาดรุ่งริ่งไปเพราะการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคราบเลือดที่จับตัวกันไปทั่วร่างกายของเขา ตอนนี้หลินเฉิงดูเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารที่เพิ่งหนีมาจากความตาย มันดูแปลกประหลาด
แต่ถึงอย่างนั้นหลินเฉิงก็ไม่ได้อยากจะดูแลตัวเองเลยสักนิดเพราะวันนี้เขาเหนื่อยแทบจะตายแล้ว และผลของ “การกระตุ้นศักยภาพ” ก็เริ่มโจมตีเขามาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้แม้แต่ขยับนิ้ว มันก็ยังเจ็บมาอยู่ดี
ถึงแม้ว่าพลังของหลี่เหมิงเดียจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในร่างกายของเขาได้แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เขายังไม่พร้อมที่จะปล่อยให้ชูฉิงพาตัวพวกเขากลับไป อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะทางกายภาพและความสามารถในการรักษาตัวเองของเขา ตราบใดที่เขาได้พักผ่อนเพียงพอ เขาก็จะสามารถฟื้นฟูได้เกือบทั้งหมด
หยูซานเองก็ผ่านช่วงเวลาอันตรายมาได้โดยปลอดภัยหลังจากที่กินยารักษาเข้าไปตราบใดที่ได้รับการพักผ่อนเพียงพอ เธอก็น่าจะดีขึ้นภายในไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงยังไม่ต้องการความช่วยเหลือของหลี่เหมิงเดียในตอนนี้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีพลังในการรักษาก็ตาม
ขณะที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ หลินเฉิงก็รู้สึกว่าตาของเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อต้านทานมัน แต่คลื่นความง่วงก็เหมือนกับคลื่นที่สาดซัดทำให้เขาไม่มีแรงต้านทาน อีกไม่กี่นาทีต่อมา หัวที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหลินเฉิงก็หลับไปบนเตียงนุ่ม!
…
“ก๊อกก๊อก!”
“ตื่นได้แล้วหลินเฉิง!”
“ก๊อกก๊อก!”
เช้าวันต่อมา
ผ่านไปหนึ่งคืนโดยที่ไม่ฝันอะไรหลินเฉิงกำลังนอนหลับไหลอยู่บนเตียง ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเคาะดังมาจากด้านล่าง เขาลืมตาขึ้นอย่างไม่เต็มใจ ถอนหายใจยาวๆออกมาและจากนั้นก็จัดระเบียบผมของตัวเองด้วยการสะบัดหัวสามครั้ง
“ยัยบ้า!เช้าตรู่แบบนี้ เธอรบกวนฝันคนอื่นนะ! “
ขณะเสียงเคาะที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็เดินไปเปิดประตูและมองฉีเซี่ยวฮันที่ยืนกงัวลอยู่นอกบ้าน และตะคอกใส่เขาอย่างอดไม่ไหว
“ฝันถึงน้องนายน่ะสิ!เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มากับฉัน! “
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลินเฉิงก็ตื่นขึ้นฉีเซี่ยวฮันไม่มีเวลาอธิบายอะไรให้เขามากนัก เธอคว้าที่ข้อมือของอีกฝ่ายและวิ่งออกไปทันที!
“เธอนี่เธอ เดี๋ยวก่อน!”
เขาถูกฉีเซี่ยวฮันลากออกไปข้างนอก
หลินเฉิงที่มีใบหน้าเหลอหลาก็สามารถทำได้แค่ดึงมือออกจากการฉุดลากของเธอจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและถูข้อมือที่เจ็บปวดของตนและถามเธอ “นี่เธอเป็นอะไร? อย่าบอกนะว่าพวกตาไม่ถึงของกลุ่มปีศาจรัตติกาลมาที่นี่อีกแล้ว?”
“ไม่ใช่ปีศาจรัตติกาล!”
เมื่อได้ยินคำถามลูกพี่ตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ก็ทำได้แค่อธิบายให้อีกฝ่ายฟังอย่างอดทน “แต่มันคือ“สำนักงานใหญ่!” เหลียงเลาเพิ่งไปที่สำนักงานใหญ่มาเมื่อเช้านี้พร้อมกับคนของปู่ฉันแล้วก็กลุ่มดาบรัตติกาลเพื่อเตรียมตัวประชุม คาดไม่ถึงว่าพวกระดับสูงที่มุดหัวอยู่แต่ในนั้นทั้งวันกลับไม่รู้ที่ของตัวเอง พวกเขาล้อมรอบสำนักงานใหญ่พร้อมกับคนและม้าจำนวนมาก ตะโกนให้ดาบรัตติกาลยอมให้พวกเขาคิดบัญชี หรือไม่พวกเขาจะจัดการท่านผู้บัญชาการของดาบรัตติกาลซะ”
“แค่นี้น่ะหรอ?”
หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของฉีเซี่ยวฮันหลินเฉิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณเหลียงสัญญากัยฉันว่าเขาจะจัดการทุกอย่างในฐานทัพภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ ถูกมั้ย? ถ้าอย่างนั้นก็ดี วันต่อไปฉันจะได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่อยกู้ภัยไปที่นั่น”
“เลิกประชดได้แล้ว!”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงยังมีอารมณ์มาประชดประชันฉีเซี่ยวฮันก็รู้สึกว่าเขาทำให้เธอจะเป็นบ้า “พวกระดับสูงไม่ได้แย่ไปกว่าพวกทหารที่อยู่ในสำนักงานใหญ่เมื่อวานเลย ขืนถ้าเรายังใจเย็นอยู่แบบนี้ ดาบรัตติกาลทั้งกลุ่มจะต้องถูกพวกเขาล้างบางแน่!”
“งั้นก็ล้างบางมันให้หมดเลย!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลิงเฉิงก็พึมพำอย่างโมโห “ฉันเพิ่งร่วมมือกับคุณเหลียงและการแบ่งงานของพวกเราก็ชัดเจนอยู่แล้ว ฉันไม่ได้มีหน้าที่มาช่วยเขาจัดการกับปัญหาของตัวเขาเอง! และถ้าเขาไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ล่ะก็ ฉันก็คงต้องหาหุ้นส่วนคนใหม่!”
หลังจากนั้นเขาก็หยุดการเกลี้ยกล่อมของฉีเซี่ยวฮันด้วยการยกมือขึ้น จากนั้นก็หมุนตัวและเดินกลับเข้าไปในห้อง
“นาย…นายฆ่าคนเป็นพัน! ฉันโกรธแล้วนะ!”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงเดินกลับเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่พูดอะไรฉีเซี่ยวฮันก็กระทืบเท้า แต่เธอก็ยังคิดว่าถ้าหลินเฉิงไม่ปรากฏตัวในวันนี้ ดาบรัตติกาลคงมีกองกำลังไม่เพียงพอที่จะเข่นเขี้ยวกับอีกฝ่ายแน่!
เมื่อคิดถึงความรุนแรงของผลกระทบที่ตามมาฉีเซี่ยวฮันก็ไม่กล้าอารมณ์เสียอีก หลังจากที่หายใจเข้าลึกๆสองครั้งเพื่อบังคับให้ตัวเองใจเย็นลง เธอก็พูดกับหลินเฉิง เรากำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน “นายควรจะคิดให้ดีนะ สิ่งเดียวที่น่าจะเชื่อใจได้ในฐานทัพตอนนี้ก็คือดาบรัตติกาลของพวกเรา แน่นอน ด้วยกำลังของนาย นายสามารถแทนที่พวกเราได้ทุกเมื่อและหาหน่วยอื่นมาร่วมมือด้วยได้ แต่นายวางใจได้ยังไงว่าลุงของนายจะสามารถหนีออกจากบ้านและไปที่หน่วยโดยปราศจากความช่วยเหลือ?”
“หืม?”
เมื่อได้ยินคำของฉีเซี่ยวฮันเท้าของหลินเฉิงที่กำลังก้าวเดินอยู่ชะงัก จากนั้นเขาก็หันหมุนตัวกลับและเดินไปหางฉีเซี่ยวฮัน ขณะที่เขาเดิน เขาก็เอ่ยถามออกไปพร้อมกับรอยยิ้มบางเบา “เธอ นี่เธอกำลังขู่ฉันงั้นหรอ?”
————————