ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 465 เป้าหมายที่แท้จริงของหลินเฉิง
SC:บทที่465: เป้าหมายที่แท้จริงของหลินเฉิง!
“หืม?อ๋อ อื้ม!”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงไม่ได้ชี้มาที่เธอหยูซานก็เห็นใบหน้าขัดเขินที่อยู่ด้านหลังของเขา เธอหน้าแดงและรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที
หลังจากที่หยูซานวิ่งขึ้นไปข้างบนหลินเฉิงก็เดินไปที่น้ำพุและชงชามาสองถ้วย เขาเดินนำไปที่โต๊ะชาและส่งถ้วยชาให้หลิงฉง จากนั้นจึงบอกให้อีกฝ่ายนั่งลงและคุย
แทนที่จะนั่งลงหลิงฉงก็เอ่ยถาม “ฉันขอเห็นหลานสักนิดก่อนที่จะคุยได้รึเปล่า?”
“อะไรล่ะ?กลัวว่าผมจะฆ่าเธองั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาลุกขึ้นและเดินไปที่คุกน้ำแข็งที่หลิงเหมิงถูกกักตัวอยู่
“ครืดครืด…”
เขาผลักอยู่สองสามครั้งเสียงน้ำแข็งแตกดังขึ้น ประตูของคุกน้ำแข็งก็ถูกหลินเฉินผลักจนเปิดออก เขาเดินเข้าไปข้างในและมอง หลิงเหมิงกำลังนั่งตัวสั่นอยู่ที่มุมห้องโดยที่มีผ้าห่มอยู่ในอ้อมกอดของเธอ เขาหัวเราะและเดินตรงไปหาเธอ
“ตื่นได้แล้วเจ้าหญิงเหมิง มีคนมารับเธอแล้ว!”
เขาผลักร่างของหลิงเหมิงที่อยู่ในสภาพกึ่งโคม่าอย่างรุนแรงเมื่อเห็นว่าเธอลืมตาด้วยสายตางุนงง หลินเฉิงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“หืม?!”
เมื่อได้ยินคำของหลินเฉิงสมองของหลิงเหมิงคิดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากตื่นขึ้นทีละนิด เธอก็คว้าแขนของหลินเฉิงและถามเสียงดัง “นายพูดจริงหรอ?!”
“แน่นอน!” เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เขาปัดเศษน้ำแข็งที่ติดอยู่บนร่างของเธอและเอ่ย “แต่เธอจะสามารถออกไปจากที่ได้หรือเปล่ามันก็ขึ้นอยู่กับบทสนทนาระหว่างปู่ของเธอกับฉันว่าเป็นไปได้ด้วยดีรึเปล่า…”
“สารเลว!ฉันจะแข็งตายถ้าหากอยู่ที่นี่!”
แต่ดูเหมือนว่าหลิงเหมิงจะกลัวความเย็นมากจริงๆเธอตะโกนใส่เขาด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว “สุดท้ายแล้วนายต้องการอะไรกันแน่ พูดมาสิ มาทรมานฉันแบบนี้ นายมีสามัญสำนึกบ้างรึเปล่า?”
“สามัญสำนึก?เธอมีสามัญสำนึกมาบอกฉันรึไง?”
เมื่อได้ยินเสียงตะคอกของหลิงเหมิงทันใดนั้นหลินเฉิงก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาและดึงเธอให้ยืนขึ้น ขณะที่เดินออกจากห้องเขาก็พูด “ดูเหมือนว่าเธอยังไม่เข้าใจนะ พวกเราเป็นศัตรูกันไปตลอด โอเคมั้ย? ฉันไว้หน้าเธอแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้บังคับเธอ!” พูดจบเขาก็ผลักเธอออกจากห้องอย่างรุนแรงและปิดประตูด้านหลังของเธอทันที!
“หลาน?!ทำไมหลานถึงดูแย่ขนาดนี้?หลาน…”
หลิงเหมิงเพิ่งเดินออกมาจากห้องและยังไม่ทันที่เธอจะได้หายใจ เธอก็เห็นหลิงฉงวิ่งมาหาตนด้วยใบหน้ากังวล จับมือเย็นๆของเธอแน่น และเมื่อเขาเห็นว่าร่างของเธอถูกหุ้มไว้ด้วยเกล็ดน้ำแข็ง เขาก็หันไปชี้หน้าหลินเฉิงอย่างเดือดดาลและพูดเสียงดัง “หลิน! นายขังหลานของฉันไว้ในนั้นได้ยังไง?”
“แล้วจะทำไม?”
เมื่อได้ยินคำถามหลินเฉิงก็ยักไหล่อย่างไม่สนใจ “พวกผู้มีพลังไม่ใช่คนธรรมดา คุณคิดว่าแค่กุญแจมือจะทำให้พวกเขาอยู่เฉยได้งั้นหรอ?”
“หึ!”
เมื่อได้ยินคำของหลินเฉิงหลิงฉงก็พึมพำฮึดฮัดออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจว่าหลินเฉิงกังวลเรื่องอะไร แต่เขาก็รับไม่ได้อยู่ดีที่อีกฝ่ายปฏิบัติกับหลิงเหมิงแบบนี้
“เอาล่ะในเมื่อคุณเจอกันแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันได้รึยัง?”
หลังจากนั่งลงบนโซฟาสักพักหลินเฉิงก็ว่างถ้วยชาของตนลงและจุดบุหรี่ขึ้นสูบ
“นายอยากจะพูดเรื่องอะไร?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลิงฉงก็ทำได้แค่ละความสนใจจากหลิงเหมิงและถามหลินเฉิงพร้อมขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็เข้าเรื่องได้สักซีหลินเฉิงก็นั่งลงและถามอีกฝ่ายพร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย “ก็อย่างที่คุณเห็น พวกเราต่อสู้และฆ่ากันมามากแล้วเมื่อวาน ทั้งกลุ่มเผ่ารัตติกาลและฐานทัพสมุทรสีครามต่างก็สูญเสียกองกำลังไปจำนวนมากในการต่อสู้เมื่อวาน โดยที่ไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับผลลัพธ์แต่อย่างใด แล้วเหตุผลใหญ่ๆของมันคืออะไรกนันล่ะ?” “ไม่ใช่ว่านายงั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินเฉิงถามหลิงฉงที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขาเท่าไหร่ก็พูดต่อ
“ถูกต้อง!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็พยักหน้ายอมรับ “ผมเองนั่นแหละ แต่มันก็มีอีกเหตุผล ไม่ว่าทั้งกลุ่มเผ่ารัตติกาลของคุณ หรือฐานทัพสมุทรสีคราม คุณให้ความสำคัญกับมันเกินไป และให้ความสนใจในตัวของผมมากไปเช่นกัน!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้หลินเฉิงก็หันไปเขี่ยขี้เถ้า
แต่เมื่อหลิงฉงจะพูดบางอย่างเขาก็ทำมือให้หยุดและเอ่ยขัด “แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก เห็นได้ชัดว่าคุณบาดเจ็บ และเจ้าหญิงที่ถูกผมจับมาก็ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นคุณจะต้องส่งใครสักคนไปต่อรองกับศัตรูของผม และเมื่อถึงตอนนี้ เป้าหมายของผมก็เสร็จสมบูรณ์…” “ถ้าฉันบอกให้นายหยุดนายจะหยุดรึเปล่า? ฉันยอมรับว่านายได้ทำตามความต้องการแรกของตัวเองอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว นายบอกฉันมาตรงๆได้เลยว่านายต้องการจะทำยังไงกับกลุ่มเผ่ารัตติกาลของพวกเรากันแน่!”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงที่พูดมาเป็นเวลานานพูดถึงความหมายที่แท้จริงของตนหลิงฉงก็ยิ่งกังวลขึ้นเรื่อยๆ และพบว่าหน้าผากของเขาที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อร้อนขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยขัดหลินเฉิงทันที
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็หัวเราะออกมา เขาก็คีบก้นบุหรี่ไปวางไว้ในที่เขี่ยบุหรี่ และพูด “ก็ได้ ในเมื่อคุณรีบขนาดนั้น ผมก็จะไม่พูดอ้อมค้อมกับคุณอีกต่อไป!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ท่าทางของหลินเฉิงก็ค่อยๆภูมิฐานมาขึ้นเรื่อยๆ “กลุ่มเผ่ารัตติกาลของพวกคุณมีความลับมากเกินไป ถึงแม้ว่าความลับพวกนี้จะไม่ส่งผลอะไรกับคนธรรมดา แต่มันกลับสำคัญมากสำหรับผม! ผมจะไม่บอกคุณอย่างเจาะจง แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือผมต้องการไปที่เผ่ารัตติกาลของพวกคุณ!”
“ว่ายังไงนะ?!”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงจะไปที่เผ่ารัตติกาลของพวกเขาหลิงฉงก็จ้องหน้าอีกฝ่ายทันที “เป็นไปไม่ได้! แค่พวกเราออกมาข้างนอกนี่มันก็มากพอแล้ว ถ้าเราพานายไปที่เผ่ารัตติกาล แล้วฆ่าคน มันจะต้องเกิดหายนะแน่!”
“เอ่อ…”
หลังจากที่ถูกหลิงฉงปฏิเสธหลินเฉิงก็รู้สึกประหลาดใจ “คุณไม่รู้หรอ? แม้ว่ามันคือที่อยู่ของเผ่ารัตติกาล ถ้าผมสู้กับพวกคุณอีกครั้ง ผมก็ชนะพวกคุณอยู่ดี”
“ไม่มีทาง!”
ถึงแม้ว่าจะเห็นด้วยกับหลินเฉิงหลิงฉงก็ยังไม่อยากจะเสี่ยง เมื่อเขาคิดถึงตอนที่ผู้ชายคนนี้ฆ่าทั้งสี่อาวุโสเมื่อวานนี้ ใครจะไปรู้ว่าเขามีแผนที่จะทำอะไรกับพวกเขาหลังจากนี้รึเปล่า
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กันคุณไม่ใช่รึไง?”
เมื่อเห็นว่าหลิงฉงปฏิเสธที่จะพาเขาไปที่กลุ่มเผ่ารัตติกาลหลินเฉิงก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา “ผมแค่บอกว่าคุณต้องทำอะไร สิ่งที่คุณต้องทำก็คือพาผมไป ถ้าหากคุณปฏิเสธ คุณมั่นใจว่าจะทนรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้งั้นหรอ?”
“นาย…!”
เมื่อได้ยินคำขู่ของหลินเฉิงหลิงฉงก็ก็โกรธและอยากจะตะคอกใส่เขาทันที แต่เขาก็ไม่กล้าตะคอกใส่อีกฝ่าย
“ก็ได้ก็ได้…”
เมื่อเห็นความโกรธที่ไม่ลดลงของหลิงฉงหลินเฉิงก็โบกมือและเอ่ย “ผมรับรองได้เลยว่าตอนที่ผมไปถึงที่เผ่ารัตติกาล ตราบใดที่ไม่มีใครยั่วโมโหผม ผมก็จะไม่ทำร้ายใคร! ผมบอกไปแล้วนิ่ว่าผมอยากได้เบาะแสบางอย่างเท่านั้น ไม่ได้จะฆ่าคน…” —————————————-