ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 471 โพรงที่คุ้นเคย
SC:บทที่471: โพรงที่คุ้นเคย
และตอนนั้นเองหยูกวงก็เหลือบมองด้านข้างและเห็นว่าเป็นองค์หญิงหลิงเหมิง ผู้ที่พวกเขาเพิ่งพูดถึงไป กำลังยืนอยู่ด้านข้างของคนแปลกหน้า เขาจ้องหน้าเธอและเอ่ยออกมาทันที “จะ เจ้าหญิงหลิงเหมิง?! พระองค์ไม่ได้….?”
“หึ!”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนทำหน้าราวกับเห็นผีหลิงฉงก็ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หลินเฉิงและแนะนำให้ทั้งสองคน “นี่เพื่อนที่ฉันเจอข้างนอก เขาแข็งแกร่งมาก และการที่องค์หลิงหลิงเหมิงถูกช่วยออกมาได้อย่างปลอดภัย เขาเองก็มีส่วนช่วยด้วย!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ถึงแม้ว่าหลิงฉงจะเคยผ่านศึกมามากมาย แต่เขาก็รู้สึกอายอย่างอดไม่ได้ หลังจากที่เขาบังคับความคิดในหัวให้เป็นปกติ เขาก็ไม่ได้เดินไปหาหลิงเหมิงที่ทำหน้าไม่มีความสุข แต่กลับพูดต่อ “ฉางเหวินฉวนตายในการต่อสู้เมื่อวานนี้ ดังนั้นฉันเลยให้ชายหนุ่มคนนี้ที่ได้ทำสิ่งที่ใหญ่หลวงต่อเผ่ารัตติกาลของพวกเรามาแทนที่ตำแหน่งของฉางเหวินฉวนและร่วมมือกับเราต่อไป! แต่ฉันต้องเอาเรื่องนี้ไปรายงานท่านหัวหน้าก่อน พวกนายทั้งสองคนอย่าเพิ่งไปพูดอะไรมากกว่านี้ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจเข้าใจครับ!”
เมื่อได้ยิน“คำอธิบาย” ของหลิงฉง ชายทั้งสองก็เข้าใจทันที จากนั้นจึงหันไปมองหลินเฉิง หลังจากที่พวกเขาจำลักษณ์ของหลินเฉิงได้ พวกเขาก็ไม่พูดอะไรไร้สาระต่อและรีบเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อเห็นว่าชายสองที่ตนเจอเดินลับสายตาไปหลิงฉงก็หันมาหาหลินเฉิงและพูด “ถ้านายไม่อยากมีปัญหาที่นี่ มันก็จำเป็นที่จะต้องมีหลักฐานยืนยันตัวที่ชัดเจน ที่นี่คือฐานของเผ่ารัตติกาลของพวกเรา นอกเหนือจากฉางเหวินฉวนที่เป็นผู้ร่วมมือ ก็ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนที่เคยเข้ามาที่นี่ เพราะฉะนั้นฉันถึงทำได้แค่สร้างตัวตนของนายขึ้นมาชั่วคราวแทนที่เหวินฉวน ไม่ว่านายจะไปเจอใคร นายก็สามารถที่จะหลอกพวกเขาได้เกือบทั้งหมด…”
“เข้าใจแล้ว”
โดยที่ไม่รอให้หลิงฉงพูดอะไรต่อหลินเฉิงก็ทำมือให้เขาหยุดและเอ่ย “ในเมื่อผมมาอยู่ในถิ่นของคุณ ผมก็จะทำตามกฎหรือคำพูดของคุณ ผมแค่อยากจะตรวจสอบบางอย่าง ตราบใดที่มันมีผลกระทบกับผม ผมก็ไม่สนว่าคุณจะจัดการเรื่องอื่นยังไง!”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงพูดแบบนั้นหลิงฉงก็อดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เพราะอย่างไรแล้ว สิ่งที่หลินเฉิงทำเมื่อวานยังคงติดตาพวกเขาอยู่ และจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เชื่อว่าหลินเฉิงจะทำแค่ตรวจสอบและไม่สร้างปัญหาอย่างที่เขาพูด แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอีกฝ่ายผิดไป
ไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้หลินเฉิงมองไปที่ทางเดินข้างหน้าและจากนั้นก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในความทรงจำที่ยาวนาน จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปด้านในเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
ในขณะที่คนทั้งสองค่อยๆเดินลึกเข้าไปในโพรงที่มืดมิดราวกับหลุมที่ไม่มีก้นทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆลอยมาแตะที่ปลายจมูกของหลินเฉิง และหลิงเหมิง หลังจากที่ได้กลิ่นนั้น เธอก็หันซ้ายหันขวา ใบหน้างามดูเศร้าลง และจากนั้นเธอก็วิ่งไปข้างหน้าหลังจากที่สลัดแขนของตัวเองหลุดจากมือของหลินเฉิง!
“เห้ย?!”
เมื่อเห็นว่าจู่ๆหญิงสาวก็สลัดแขนออกจากเขาและวิ่งหนีไปหลินเฉิงก็เหลอหลา ถึงแม้ว่าดูเหมือนว่าหลิงฉงจะยังไม่ถึงจุดหมาย แต่เขารู้ว่าถ้าหากเธอวิ่งหนีเข้าไปในโพรงหลายสายพวกนี้ตอนที่เขาไม่ทันได้สนใจ เขาก็คงจะต้องใช้เวลานานมากในการตามตัวเธอ!
เมื่อคิดได้แบบนั้นหลินเฉิงก็เตรียมจะวิ่งตามไป แต่เขาก็ถูกหลิงฉงที่อยู่ด้านหลังคว้าตัวไว้!ที่ทางเดินข้างหน้าและจากนั้นก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในความทรงจำที่ยาวนาน จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปด้านในเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
ในขณะที่คนทั้งสองค่อยๆเดินลึกเข้าไปในโพรงที่มืดมิดราวกับหลุมที่ไม่มีก้นทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆลอยมาแตะที่ปลายจมูกของหลินเฉิง และหลิงเหมิง หลังจากที่ได้กลิ่นนั้น เธอก็หันซ้ายหันขวา ใบหน้างามดูเศร้าลง และจากนั้นเธอก็วิ่งไปข้างหน้าหลังจากที่สลัดแขนของตัวเองหลุดจากมือของหลินเฉิง!
“เห้ย?!”
เมื่อเห็นว่าจู่ๆหญิงสาวก็สลัดแขนออกจากเขาและวิ่งหนีไปหลินเฉิงก็เหลอหลา ถึงแม้ว่าดูเหมือนว่าหลิงฉงจะยังไม่ถึงจุดหมาย แต่เขารู้ว่าถ้าหากเธอวิ่งหนีเข้าไปในโพรงหลายสายพวกนี้ตอนที่เขาไม่ทันได้สนใจ เขาก็คงจะต้องใช้เวลานานมากในการตามตัวเธอ!
เมื่อคิดได้แบบนั้นหลินเฉิงก็เตรียมจะวิ่งตามไป แต่เขาก็ถูกหลิงฉงที่อยู่ด้านหลังคว้าตัวไว้! “จะรีบร้อนทำไม?”
หลังจากคว้าตัวหลินเฉิงที่กำลังจะไล่ตามหลิงเหมิงไปหลิงฉงก็ส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังไง “ฉันยังอยู่ตรงนี้ ต่อให้เธอวิ่งไปไหน มันก็ไม่ส่งผลอะไร ไม่ใช่หรอ? นายไม่ได้กลิ่นหอมๆรึไง?”
เมื่อได้ยินคำถามหลินเฉิงก็ขมวดคิ้ว สูดกลิ่น “คุณหมายความว่ายังไง?”
เนื่องจากกลัวว่าหลินเฉิงจะไล่ตามหลิงเหมิงไปโดนไม่คิดว่าจะถูกขับออกจากฐานหลิงฮงจึงต้องอธิบายเหตุผลให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด “ง่ายมาก กลิ่นนี้เป็นกลิ่นเฉพาะของย่านที่อยู่อาศัยของสตรีของกลุ่มเรา ตราบใดที่นายยังได้กลิ่นนี้ นั่นหมายความว่านายไม่อยู่ห่างจากที่อาศัยของพวกเธอมากนัก หลังจากที่โดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่นายจับได้เมื่อวาน ตอนนี้หลิงเหมิงคงทนความกดดันไม่ไหว เธอเลยรีบไปหาแม่ของเธอ…”
“ผมจะ…” หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของหลิงฉงหลินเฉิงก็กลอกตา ถึงแม้ว่าหลิงเหมิงจะเป็นผู้หญิงที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับเขา แต่เธอก็ยังดื้ออยู่บ่อยครั้ง เธอทำถึงขนาดแอบหนีออกไปโลกด้านนอกเป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่คิดว่าเธอจะเศร้าจนต้องวิ่งไปหาแม่ตัวเอง
แต่หลังจากที่ได้ยินเหตุผลของหลิงฉงหลินเฉิงก็ไม่คิดที่จะตามเธอต่อ เพราะอย่างไร เขาก็มาถึงที่นี่แล้ว และหลิงฉงเองก็จัดการปลอมตัวตนของเขาอย่างดี เพราะฉะนั้นตราบใดที่พวกเขาทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน และคนของเผ่ารัตติกาลที่อยู่ในฐานไม่ได้ทำอะไรพวกเขา ผู้หญิงอย่างหลิงเหมิงนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด
ทันใดนั้นหลินเฉิงก็พบว่าตัวเองเดินอยู่ในพื้นที่โล่งกว้างโดยไม่รู้ตัวด้านบนของกำแพงหินที่ฝังด้วยไข่มุกจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสีขาวมากมาย บนผนังโพรงที่อยู่รอบๆมีช่องนับไม่ถ้วนสำหรับให้นักล่าเอาไว้ซ่อนตัวอยู่ใต้ภูเขาฟีนิกซ์! เมื่อมองไปที่ภาพตรงหน้าที่แทบจะเหมือนกันกับโพรงใต้ดินของยอดเขาฟินิกซ์คิ้วของหลินเฉิงย่นเข้าหากันและความสงสัยในใจของเขาก็มาถึงจุดสูงสุดภาพที่เห็นมันแทบจะเหมือนกับโพรงที่ยอดเขาฟินิกซ์เลยด้วยซ้ำ มันจะมีสัญลักษณ์อักษรรูนประหลาดๆสลักอยู่ด้วยรึเปล่า?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หลินเฉิงก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะเดา เขาลากตัวเองมาอยู่ด้านข้างของอีกฝ่ายและมองไปที่หลิงฉงอย่างงุนงง “ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย ที่นี่มีประตูหินที่มีอักษรณ์รูนสลักอยู่ทั่วบ้างรึเปล่า?”
“ประตูหินที่สลักอักษรรูน?”
เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฉิงหลิงฉงเอียงหัวของสับสน “ฉันเคยเห็นประตูหินแค่สองบานเท่านั้นที่นี่ บานแรกคือประตูหินที่พวกเราเดินผ่านเข้ามา ส่วนอีกบานนึงก็คือประตูใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นมา ไม่มีความทรงจำของประตูบานอื่นในหัวเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับสัญลักษณ์อักษรรูนที่สลักอยู่บนประตู”
“ไม่หรอ?”
เมื่อเห็นว่าหลิงฉงส่ายหน้าหลินเฉิงก็ขมวดคิ้ว ต้นเรื่องเขาไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนัก แต่ทันทีที่เขาเห็นค่ายปีศาจราตรีที่มีโครงส้รางคล้ายกับโพรงที่ภูเขาฟีนิกซ์ เขาก็พบว่าตัวเองมาถูกที่แล้ว!
ประตูทั้งสองบานนี้แทบจะเหมือนกันโครงสร้างภายในของมันแทบจะเหมือนกับหญิงลึกลับที่ยอดเขาฟินิกซ์ ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะยังไม่ชัดเจนก็เถอะ ที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น?
——————————–