ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 473 ข้อกล่าวหาของหยุนเฟิง
SC:บทที่473: ข้อกล่าวหาของหยุนเฟิง!
“คลิ๊ก…ชิบหาย!”
เมื่อรู้สึกถึงความความไม่พอใจจากน้ำเสียงของหยุนเฟิงหัวใจของหลิงฉงที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นกังวลอะไรเนื่องจากสุดท้ายเขาก็สามารถสงบใจเรื่อง “ผู้ก่อการร้าย” หลินเฉิงได้ แต่เขาลืมไปว่าแม่ของหลิงเหมิง สาวงามที่กำลังนั่งอยู่ในบ้านของเขาที่ชื่อหยุนเฟิงเองก็ไม่ใช่หลอดประหยัดน้ำมันเก่าๆเหมือนกัน!
หลิงเหมิงจะต้องไปหาแม่ของเธอทันทีที่เธอหนีไปได้นอกจากนี้เมื่อวานเธอยังถูกหลินเฉิงทรมานอีก เขาจึงกลัวว่าภาพลักษณ์ของหลินเฉิงที่หลุดออกจากปากของเธอคงยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก หยุนเฟิง ผู้หญิงที่เป็นห่วงลูกของตัวเองจะต้องไม่ยอมง่ายๆแน่หลังจากที่ได้รู้ว่าบุตรสาวของตนโดนกระทำอย่างโหดร้ายมากมาย!
ขณะที่กลัวว่าจะถูกหยุนเฟิงทำอันตรายหลิงฉงก็ไม่มีใจจะช่วยหลินเฉิงทำแผ่นป้ายหลังจากที่หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้าน เขารีบปิดประตูและเดินเข้าไปด้านใน
ตอนนี้หยุนเฟิงพร้อมกับหลิงเหมิงนั่งลงฝั่งตรงข้ามของหลินเฉิง หลังจากที่มองตากันไปมา เธอก็ยิ้มและเอ่ย “นายชื่อหลินเฉิงใช่มั้ย?”
“หะ?”
เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวหลินเฉิงก็มองหน้าเธอพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยตาม “มีอะไรงั้นหรอ?”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมันก็แค่ผู้ชายอย่างนายมันมีอยู่น้อยมากในโลกใบนี้ ในฐานะแม่ ฉันเลยอยากมาเห็นด้วยตาของตัวเอง…”
ถึงแม้ว่าท่าทางหลินเฉิงจะดูเย็นชามากแต่ก็ดูเหมือนว่าหยุนเฟิงจะไม่ทันสังเกตเห็นมันเลยสักนิด เธอยังยิ้มและพูดต่อไป
“ผมเป็นหมีแพนด้ายักษ์รึไงคุณถึงมาที่นี่เพื่อดูผม?”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหยุนเฟิงหลินเฉิงก็พูดอะไรไม่ออกทำแค่เหลือกตา จากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจเธออีก เขาหันไปถามหลิงฉงที่ยังยืนอยู่ที่ประตู “ไม่ใช่ว่าคุณต้องไปทำแผ่นผ้ายให้ผมหรอกหรอ? ทำไมถึงยังไม่ไปอีก?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลิงฉงก็ทำได้แค่ยิ้มแหย๋ๆออกมา คนสองคนที่ทำให้เขาปวดหัวกำลังนั่งอยู่ในบ้านของเขา แล้วเขาจะมีกระจิตกระใจทำอย่างอื่นได้ยังไง? แต่เขาก็ไม่สามารถพูดให้หลินเฉิงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของหยุนเฟิงฟังได้ เขาจึงทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างหมดปัญญา “ก่อนที่ฉันจะไป ไม่ใช่ว่านายมีบางอย่างที่จะพูดกับฉันรึไง?”
เมื่อได้ยินคำของหลิงฉงหลินเฉิงก็แย้มยิ้มประหลาดออกมาทันที เขาหรี่ตามองหลิงเหมิงและเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ใช่ว่าพวกเขามาหาคุณหรอกหรอ?”
“นายหมายความว่ายังไง”
เมื่อได้ยินที่หลินเฉิงเอ่ยหลิงฉงก็งุนงง“ไม่ใช่ว่านายเพิ่งบอกว่าเรื่องนี่ไม่เกี่ยวกับหลิงเหมิงหรอกหรอ?”
เมื่อได้ยินหลินเฉิงก็หยักหน้าเบาๆ “มันไม่เกี่ยว แต่อย่างไรแล้ว ผมก็ยังอยู่ในอาณาเขตของกลุ่มเผ่ารัตติกาล ผมก็ต้องมีการรับประกันตัวเองไม่ใช่หรือไง? และผมก็ไม่ได้รู้จักคนที่นี่มากนัก ดังนั้นผมเลยจำเป็นต้องให้เจ้าหญิงหลิงช่วย…”
“หึ!ผู้ร้ายที่อยากได้ชีวิตของคนอื่นแต่กลัวความตายของตัวเอง!”
หลิงเหมิงที่นั่งอยู่อีกฝั่งและได้ยินว่าหลินเฉิงจะใช้เธอเป็นตัวประกันก็สบถออกมาอย่างอดไม่ได้!
เมื่อเห็นว่าจู่ๆทั้งสองก็พูดจิกกัดกันหยุนเฟิงก็ปิดปากซ่อนรอยยิ้มอยู่หลายครั้ง ซึ่งนั่นทำให้หลิงเหมิงที่ถูกหลินเฉิงยั่วยุจากกลายเป็นเสือสาวหยุดลง และพูดกับหลินเฉิง “ที่จริง ฉันมาที่นี่เพราะเรื่องนี้….”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้หยุนเฟิงก็เห็นว่าหลิงฉงและหลินเฉิงมองหน้ากันอย่างสงสัยและทำมือให้ทั้งคู่สงบลงเล็กน้อย จากนั้นเธอจึงอธิบายให้หลินเฉิงฟัง “พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ แต่ในเมื่อวันนี้ นายอยากมาที่เผ่ารัตติกาลของพวกเรา นายก็ต้องเตรียมตัวมาพร้อมแล้วใช่หรือเปล่า? หลังจากที่ฟังเรื่องของนายจากหลิงเหมิง ฉันก็พบว่าตอนที่หลิงเหมิงที่ต้องอยู่กับนายจากไป ความกดดันทั้งหมดก็อาจจะตกมาที่พ่อของฉัน…”
“หรอ?”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหยุนเฟิงหลินเฉิงก็มองหน้าเธออย่างประหลาดใจ เขาคิดว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ที่เป็นภรรยาของท่านหัวหน้าของเผ่ารัตติกาลจะไม่ใช่แค่หลอดประหยัดน้ำมันเก่าๆสินะ จากเรื่องที่หลิงเหมิงเล่าให้ฟัง ผู้หญิงคนนี้สามารถประมวลได้ถึงภัยอันตรายที่แอบซ่อนอยู่ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!
แต่หลังจากเห็นปฏิกิรยาของหลินเฉิงหยุนเฟิงก็รู้ทันทีว่าเธอมาถูกทางแล้ว เธอถอนหายใจเบาๆและพูดต่อ “เพราะฉะนั้นฉันจะให้หลิงเหมิงกลับมาอยู่ที่นี่กับฉัน ผู้คนในกลุ่มจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่ในฐานะของภรรยาของหัวหน้ากลุ่ม ถึงแม้ว่าฉันจะโกรธมากกับสิ่งที่นายทำกับลูกสาวของฉัน แต่ความปลอดภัยของคนในกลุ่มสำคัญกว่า!”
“ก็นะ…”
หลังจากฟังสิ่งที่หยุนเฟิงพูดหลินเฉิงก็ลูบคางตัวเองเบาๆ หรี่ตาและค่อยๆสังเกตสาวงามตรงหน้าของตนอย่างละเอียด แต่ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองหลิงเหมิงและเอ่ย “เห็นมั้ย? ในอนาคตเธอควรอาจจะได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะเลยจากแม่ของเธอ หรือการที่ความแข็งแกร่งและสติปัญญาของเธอไม่สามารถฆ่าฉันได้ จะทำให้ฉันตายด้วยน้ำมือของจิ้งจอกเฒ่าอย่างแม่เธอกันแน่!”
“พูดอะไรไว้หน้าฉันด้วย!”
เมื่อได้ยินคำของหลินเฉิงหลิงเหมิงที่รังเกียจอีกฝ่ายอยู่แล้วก็เดือดดาลขึ้นทันที“ฆาตกรอย่างนายมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาพูดอย่างนี้กับฉัน? และถึงแม้ว่าฉันจะรู้อะไรเกี่ยวกับเกิดความขัดแย้งขึ้น แต่มันก็ไม่เหมือนนายที่ฆ่าผู้มีพลังไปมากมายโดยที่ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง!”
“หลิงเหมิง!”
เมื่อเห็นว่าหลินเหมิงพูดจาแย่ขึ้นเรื่อยๆหยุนเฟิงที่กลัวหลินเฉิงเป็นอย่างมากหน้าซีดและตะคอกใส่หลิงเหมิงด้วยความโมโห!
“ไม่ต้อง!”
หลังจากที่ได้ยินเสียงดุของหยุนเฟิงหลินเฉิงก็ทำมือให้เธอหยุดและจากนั้นจึงหยิบบุหรี่ออกมาสูบ เขาพ่นควันออกมาและพูดกับหลิงเหมิงอย่างโกรธเคือง “แล้วยังไง? ในเมื่อเธอรู้อยู่แก่ใจชีวิตของเธอไม่ได้เป็นของเธออีกต่อไป แล้วทำไมเธอถึงยังยั่วโมโหฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก? เธอรู้รึเปล่าว่าแค่การที่เธอระเบิดความโมโหของเธอเมื่อกี้นี้ กลุ่มของเธอก็มีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในสงครามอีกครั้ง ซึ่งนั่นจะทำให้คนของเผ่ารัตติกาลที่มีจำนวนประชากรน้อยอยู่แล้วน้อยลงกว่าเดิม? แค่เรื่องนี้ เห็นความแตกต่างระหว่างเธอกับฉันรึยัง?”
“นาย…พูดอะไรของนาย!”
เมื่อได้ยินหลินเฉิงบอกว่าผลลัพธ์ของมันนั้นแย่มากหลิงเหมิงก็มีท่าทีร้อนรนและรีบอธิบายทันที “ฉันไม่เหมือนกับนาย! นาย…นายมันคนเลว ฆ่าคนตามใจชอบ ฉันจะไปเหมือนนายได้ยังไง!”
ปรากฏว่าหลิงเหมิงกลับหลายเป็นฝ่ายที่สับสนเพราะคำพูดของหลินเฉิงหยุนเฟิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ เธอลูบหลังหลิงเหมิงให้หยุดพูด จากนั้นก็พูดกับหลินเฉิง “เพราะว่าพ่อของฉันกับฉันตามใจเธอมากเกินไป เด็กคนนี้เลยยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ในบางเรื่อง ขอโทษแทนเธอด้วย หวังว่านายจะไม่ถือสา…”
“ท่านแม่!”
เมื่อเห็นผู้เป็นแม่เอ่ยขอโทษหลินเฉิงหลิงเหมิงก็มองหน้าอีกฝ่ายและถามด้วยอารมณ์โกรธอย่างเหลือเชื่อ “ทำไมท่านถึงต้องขอโทษคนเลวคนนี้ด้วย?! เขาคือคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี่!”
“เงียบ!”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้หยุนเฟิงก็หมดความอดทนและดุเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชาและเอ่ยอย่างโมโห “จะต้องมีใครตายอีกกี่คนลูกถึงจะเข้าใจว่าพวกเรา เผ่ารัตติกาล ไม่สามารถรับความสูญเสียไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว?”
—————————