ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 480 ภาพความทรงจำ
SC:บทที่480: ภาพความทรงจำ?
“นี่…”
เมื่อถูกหลินเฉิงจ้องหลิงเชิงก็รู้สึกอายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ “โอเค! มันแปลกที่ฉันไม่รู้ถึงมันจนถึงตอนนี้ แต่มันเป็นเพราะนอกจากสมาชิกหลักของกลุ่มแล้ว อย่าว่าแต่นายเลย คนในกลุ่มหลายคนก็ไม่รู้…..”
ขณะพูดเรื่องนี้หลิงเชิงก็เหลือบไปมองหลิงเหมิงและเห็นว่าเด็กสาวกำลังจ้องมาที่ตนด้วยตากลมโตทั้งสองข้าง เขาถอนหายใจออกมาและเอ่ยต่อ “ท่านผู้เฒ่าหลิงเฟิง ผู้ที่อาวุโสสุดของที่นี่ ตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาเขามีอายุ110ปี! ถึงแม้ว่าช่วงชีวิตของคนเผ่ารัตติกาลอย่างพวกเราจะยาวนานกว่าพวกนาย ซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่ได้ยาวกว่ามากนัก ท่านผู้เฒ่าหลิงเฟิงที่มีอายุถึง110ปี นับว่าเป็นช่วงชีวิตที่หาได้ยากมาก เพราะฉะนั้นความคิดของเขาจึงค่อนข้างสับสนเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตาย…”
“คุณต้องการหมายความว่าท่านผู้เฒ่าหลิงเฟิงเป็นคนวาดภาพวาดพวกนี้ทั้งหมดก่อนที่เขาจะตาย?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นในที่สุดหลินเฉิงก็เข้าใจความหมายของหลิงเชิง “และเพราะเขาอายุมากและความคิดสับสน คุณก็เลยคิดว่ารูปภาพทั้งหมดนี่เป็นแค่ภาพวาดธรรมดาที่ไม่มีความหมายอะไร?”
“ถูกต้อง!”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงเข้าใจที่ตนอธิบายหลิงเชิงพยักหน้า “พวกเราไม่ได้เก่งไปกว่านายหรอก ก่อนที่ฉันจะเจอนาย ฉันคิดมาตลอดว่าพวกเราคือกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ ดังนั้นกำลังของฉันทั้งหมดเลยมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มจำนวนประชากรของเผ่ารัตติกาลให้ได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นฉันเลยไม่ได้สนใจการกระทำของท่าผู้เฒ่าหลิงเฟิงเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะพลาดเรื่องสำคัญมากไปเรื่องนึง…” “ใช่…”
เมื่อรู้สึกได้ถึงอาการเสียใจจนพูดไม่ออกและอับอายจากหลิงเชิงหลินเฉิงก็ถอนหายใจออกมา หลังจากที่เขามองดูรูปภาพทั้งหมดอีกครั้ง เขาก็มั่นใจว่ามันจะต้องมีข้อมูลที่สำคัญมากๆซ่อนอยู่ในภาพวาดพวกนี้แน่ๆ แต่น่าเสียดาย เนื่องจากว่าทั้งเขาและหลิงเชิงไม่สามารถแก้ปริศนาของมันได้ และคนเดียวที่รู้ความจริงอย่างหลิงเฟิงก็ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากที่สุด!
“คุณคิดว่า…”
หลังจากขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานจู่ๆหลินเฉิงก็เอ่ยถามหลิงเชิง “จากความเข้าใจในตัวของท่านผู้เฒ่าหลิงเฟิงของคุณ คุณคิดว่าเขาจะตั้งใจวาดภาพพวกนึ้ก่อนตายไปทำไม?”
“อืม…”
เมื่อได้ยินคำถามหลิงเชิงก็ข่นคิ้วและคิดเป็นเวลานานโดยที่มือซ้ายจับอยู่ที่ปลายคาง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ “ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นแค่ภาพวาดขยุกขยิกของท่านผู้เฒ่า แต่หลังจากที่นายบอกและพอมอดีๆแล้ว ฉันก็พบว่ามันมีกฎบางอย่างซ่อนอยู่ในภาพวาดพวกนี้ เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าภาพวาดพวกนี้น่าจะเป็นเหมือนกับชิ้นส่วนของความทรงจำที่เขานึกขึ้นมาได้ตอนที่เขาสับสน!”
“ใช่ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของหลิงเชิงหลินเฉิงก็พยักหน้า “แต่คำถามก็คือ ในเมื่อความทรงจำก่อนที่จะหลับไหลไป แล้วทำไมเขาถึงต้องวาดภาพวิญญาณแบบนี้? เขาบอกอะไรรึเปล่า?”
แต่หลิงเชิงก็ทำได้แต่ยิ้มขมขื่นออกมาและเอ่ย“แต่นายก็ต้องรู้ด้วยว่าความคิดของท่านผู้เฒ่าหลิงเฟิงนั้นสับสนอยู่ตอนที่ท่านวาดรูปพวกนี้ มันมหัศจรรย์แล้วที่ท่านสามารถวาด “ภาพ” ได้ในสภาวะนั้น!”
“คุณพูดถูก!”
เมื่อได้ยินที่หลิงเชิงพูดหลินเฉิงก็ยิ้มแห้งๆออกมา “ช่างเถอะ! ตอนนี้คุณมองมันมาตั้งนานแล้ว เห็นคำใบ้อะไรจากรูปภาพพวกนี้บ้างรึเปล่า? เพราะอย่างไรแล้วคุณก็เป็นครอบครัวเดียวกันนี่ คุณน่าจะเห็นอะไรบางอย่างจากรูปวาดของท่านผู้เฒ่า ถูกมั้ย?”
“นี่…”
เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฉิงหลิงเชิงก็เกาหัวด้วยความอาย “เอาจริงๆเลยนะ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกว่ามันอาจจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในภาพวาดพวกนี้ แต่จากความทรงจำของฉัน ฉันยังมองไม่ออกจริงๆว่ารูปวาดพวกนี้พยายามจะสื่อถึงอะไร ดังนั้น…..”
“ไม่เลยหรอ?”
เมื่อเห็นว่าหลิงเชิงไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของภาพได้หลินเฉิงก็เอ่ยถามอย่างเหลือเชื่อ “คุณเป็นหัวหน้าของเผ่ารัตติกาลนะ! ผมคิดว่าคงไม่มีใครในเผ่ารัตติกาลจะรู้ความลับทั้งหมดมากไปกว่าคุณ คุณจะไม่รู้ได้ยังไง? มันมีช่องว่างอะไรระหว่างคุณกับท่านผู้เฒ่าหลิงเฟิงรึไง?”
“จะเป็นไปได้ยังไง!” เมื่อได้ยินแบบนั้นหลิงเชิงก็หันไปมองและรีบทำมือปฏิเสธ “ท่านผู้เฒ่าหลิงเฟิงเป็นเสาหลักเทพเจ้าสมุทรที่ได้รับความเคารพมากที่สุดในเผ่ารัตติกาล พวกเราปฏิบัติดูแลท่านเป็นอย่างดี แล้วเราจะไปมีช่องว่างกับท่านได้ยังไง? ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าภาพวาดพวกนี้ต้องการจะสื่ออะไร เพราะยังไงแล้วมันเป็นความคิดของคนอื่น และท่านผู้เฒ่าหลิงเฟิงเอง ความคิดท่านค่อนข้างสับสนก่อนที่ท่านจะเสียไป เพราะฉะนั้นมันเลยยากจริงๆที่ฉันจะเห็นคำใบ้อะไรจากภาพวาดที่ไม่สมเหตุสมผลพวกนี้…”
“นี่…ก็ได้!”
เมื่อเห็นว่าหลิงเชิงจะไม่รู้ความหมายของภาพวาดจริงๆหลินเฉิงก็ไม่บังคับอีกฝ่ายอีกต่อไป เพราะอย่างไรแล้ว ที่เขามาที่นี่วันนี้ก็เพราะต้องการจะหาคำตอบบางอย่างและไม่ได้อยากจะทำอะไรกับคนของเผ่ารัตติกาล หลิงเชิงเองก็คงไม่สามารถซ่อนอะไรจากเขาได้ถ้าหากอีกฝ่ายรู้เรื่องอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ต่อหน้าเขา มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะซ่อนอะไร ตอนนี้ถ้าหากหลิงเชิงปกปิดอะไรไว้ ไม่นานเขาก็จะรู้ดีอยู่!
“รอฉันแปปนึงในเมื่อหัวหน้าหลิงจำความหมายของภาพวาดพวกนี้ไม่ได้ ฉันจะต้องบันทึกภาพนี้เอาไว้ก่อน และเมื่อไหร่ที่มีโอกาส ฉันจะขอให้ใครสักคนมาช่วยฉันแกะความหมายของมัน!”
หลังจากทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อหลินเฉิงก็พูดกับหลิงเชิงขณะที่เปิดเครื่อง
คนทั้งสองกลับยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิมเมื่อพวกเขาเห็นว่าโทรศัพท์ของหลินเฉิงหน้าจอสว่างขึ้นเพราะตั้งแต่ที่คนของเผ่ารัตติกาลตื่นขึ้นมาหลังจากวันสิ้นโลก ถึงแม้พวกเขาจะเคยเห็นโทรศัพท์ แต่ไม่เคยเห็นโทรศํพท์ที่เปิดเครื่องได้
โดยที่ไม่อธิบายอะไรให้คนทั้งสองหลินเฉิงกดปุ่มถ่ายรูปและแฟลชทันทีหลังจากโทรศัพท์เริ่มทำงาน และจากนั้นจึงค่อยๆถ่ายรูปภาพบนผนังอย่างระมัดระวัง
โทรศัพท์เครื่องนี้ถูกหลินเฉิงเก็บได้ตอนที่เขาไปตามหาวัสดุในเมืองเขาเกือบจะโยนมันทิ้งไปแล้ว เพราะอย่างไรแล้ว อุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดได้ถูกทำลายไปหลังจากวันสิ้นโลก แต่ในภายหลังเขาก็พบว่าบ้านของเขาสามารถชาร์จมันได้ และโทรศัพท์นี้ก็สามารถใช้งานได้หลายอย่างนอกเหนือจากการสื่อสาร ดังนั้นเขาเลยเก็บมันไว้ แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ขึ้นมา
หลังจากที่ค่อยๆถ่ายรูปภาพวาดทั้งหมดที่ละรูปหลินเฉิงก็ทำการคัดลอกและจัดเก็บภาพวาดทั้งหมดอยู่หลายครั้ง จากนั้นจึงปิดเครื่องไปด้วยความพอใจ
“นายนั่นใช่โทรศัพท์ที่นายใช้ตอนอยู่ในช่วงสงบสุขรึเปล่า?”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงทำงานของตัวเองเสร็จในที่สุดหลิงเหมิงที่รู้สึกคันอยากรู้เรื่องโทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นอย่างมากก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอรีบถามออกไปทันที เมื่อได้ยินคำถามหลินเฉิงก็มอง จากนั้นก็ยิ้มและถาม “ใช่ ทำไมหรอ เธออยากดูหรอ?”
———————————–