ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 482 เปิดเผยจากส่วนลึก
SC:บทที่482 เปิดเผยจากส่วนลึก
“ช่วยเข้ามาตรงนี้ด้วย”
หลังจากที่ประตูหินนั้นเปิดออกจนหมดหลิงเชิงก็หันไปและกวักมือเรียกหลินเฉิง
ในตอนนั้นหลินเฉิงไม่ได้รีบที่จะเข้าไปแต่ไปยังจุดที่หลิงเหมิงยืนอยู่แทน เขามองไปตามผนังถ้ำและสัมผัสลงไปด้วยมือขวาจากนั้นก็สังเกตุการณ์มันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นมา “นายหาที่นี่เจอตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ได้ยินดังนั้นหลิงเชิงก็ตะลึงไปเลยเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามคำถามนี้แบบกระทันหัน เขาขมวดคิ้วอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตอบออกไป “ที่แห่งนี้ จริงๆแล้วฉันไม่ได้เป็นคนเจอมันเป็นคนแรกหรอก ผู้อาวุโสหลิงเฟิงเป็นคนเจอคนแรก เขามาหาฉันเมื่อประมาณเดือนก่อน จากนั้นก็บอกว่าเขาเจอที่แปลกๆแล้วก็พาฉันมาที่นี่…” “ผู้อาวุโสหลิงเฟิงอีกแล้วเหรอ?”
ได้ยินหลิงเชิงตอบหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วแน่น“ทำไมฉันเริ่มรู้สึกว่าผู้อาวุโสหลิงเฟิงนี่ดูจะรู้ความลับหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่รู้เยอะจังนะ?”
“ใครจะไปรู้เล่า!?”
หลิงเชิงส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นมา“ผู้อาวุโสหลิงเฟิงน่ะ มักจะเป็นคนที่เงียบอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าฉันเองจะเป็นผู้นำแห่งเผ่ารัตติกาลแล้วก็ตาม แต่ฉันก็ยังเป็นเด็กในสายตาเขาตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยอยากจะพูดในหลายๆสิ่งกับฉันจะกระทั่งตาย และนั่นทำให้ฉันรู้เพียงแค่น้อยนิด…”
“เขาบอกหรือเปล่าว่าเข้าเจอที่นี่ได้อย่างไร?”
จากคำพูดของหลิงเชิงหลินเฉิงพยักหน้าหลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับบุกคลิกของหลิงเฟิงเพิ่มเติม
หลังจากโดนหลินเฉิงเริ่มที่จะถามซอกแซ่กหลิงเชิงฝืนยิ้มอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “ฉันก็เคยอยากรู้ว่าเขาเจอที่นี่ได้ยังไง แต่ก็นะ ถ้าผู้อาวุโสไม่พาฉันมาที่นี่ ฉันก็คงไม่ได้ขุดมันมาทั้งชีวิตจนถึงที่นี่หรอก! แล้วก็ที่ฉันเพิ่งพูดไป ผู้อาวุโสหลิงเฟิงน่ะไม่แยแสอะไรทั้งสิ้นแล้วก็ยังพูดน้อยด้วย ในตอนนั้น ฉันถามเกี่ยวกับรายละเอียดที่นี่ แต่เขาก็ตอบมาเพียงประโยคสั้นๆอย่าง ‘ฉันเจอระหว่างเดินแก้เซ็ง’…”
“โอ้กระชับดีนี่!”
ดูเหมือนว่าหลิงเฟิงตาแก่ผีนั่นจะน่าสนใจกว่าที่เขาคาดคิดเสียอีกนะ หลินเชิงอดไม่ได้ที่จะขำน้อยๆแต่มันยิ่งทำให้เขาสนใจผู้อาวุโสแห่งเผ่าพันธุ์รัตติกาลผู้ที่ขับเคลื่อนนกกระเรียนแห่งตะวันตกนี้จริงๆ
“ก็ตามนั้นแหละ!”
อย่างไรก็ตามหลิงเชิงเองก็ยังบ่นเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้อาวุโสหลิงเฟิงอยู่ คนๆนั้นเป็นผู้นำแห่งเผ่ารัตติกาลและรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเขาเอง แต่กระนั้น หลิงเฟิงกลับไม่พาเขากลับไป แถมไม่ยอมบอกเขาเกี่ยวกับหลายๆอย่างจนกระทั่งตัวเองตายอีกด้วย หรือแม้แต่ตอนจะตาย แทนที่จะเรียกเขาเข้าไปเพื่อพูดอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่ทำดันเรียกหลิงเหมิงเข้าไปแทนและพูดในสิ่งที่ไม่สำคัญกับเธอ เหตุการณ์นี้มันทำให้เขารู้สึกอารมณ์เสียไม่น้อยเลย เพราะงั้นในงานศพของผู้อาวุโสหลิงเฟิงเขาจึงไม่ไปร่วม
เขารับรู้ได้ว่าหลิงเชิงกำลังทำหน้าตาน่าเกลียดอยู่ขณะที่หลินเฉิงกำลังตั้งขอสันนิษฐานมากมายในใจตัวเอง เขาส่ายหน้าช้าๆ เรื่องพวกนี้ คนน้องที่ไม่รู้รายละเอียดคงไม่ควรเอาไปพูดด้วย ดังนั้นแล้วเขาจึงถามไป “ถึงแม้ว่านายจะรูุ้ถึงการมีอยู่ของที่นี่แถมยังรู้วิธีเข้าอีก แต่นายก็ยังทำตาใสซื่อในสถานการณ์ด้านในนี้เหมือนว่าตัวเองไม่รู้เรื่องได้อยู่สินะ”
“อะ—ก็กะจะบอกเพิ่มอยู่แล้วน่า!”
มองหลินเฉิงที่เหมือนจะแฉเบื้องหลังของเขาออกมาแบบตรงจุดมันทำเอาหลิงเชิงไอออกมาหลายทีเลย ในตอนนี้สีหน้าของเขาดูอับอายมากๆ “ที่จะบอกก็คือ จะพูดว่าไม่รู้อะไรเลยก็คงไม่ถูก เพราะว่าฉันยังคงมาที่นี่เป็นครั้งคราวว่ามีการวิจัยอะไรในนี้ แต่ก็ยังไม่เจออะไรจนถึงตอนนี้เลย…”
“แต่นายบอกว่าต้องการจะหาที่ที่เหมือนกับที่แบบนี้มันแสดงว่านายเคยเห็นสถานที่ที่คล้ายที่นี่มาก่อนใช่หรือเปล่า?”
ขณะที่หลิงเชิงกำลังอับอายหลิงเหมิงที่เป็นมนุษย์ล่องหนอยู่พักใหญ่ก็เปิดปากถามหลินเฉิงขึ้นมาบ้าง
เมื่อได้ยินหลิงเหมิงที่จู่ๆก็ถามขึ้นมาเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปทางเธอแต่เมื่อหันกลับไปก็พบว่าเธอกำลังเหม่อมองที่ตนเองอยู่เหมือนว่าในหัวกำลังคิดอะไรซักอย่าง
“ใช่ฉันเคยเห็นถ้ำที่คล้ายกับที่นี่มาก่อน มีอะไรหรือเปล่า? ฉันไม่เคยบอกเธอมาก่อนเหรอ?”
ถึงแม้จะไม่ค่อนเข้าใจนักว่าหญิงสาวจะถามเขาเรื่องนี้ทำไมแต่หลินเฉิงก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพียงแค่พยักหน้าแล้วตอบไป หลิงเหมิงเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายเองก็พยักหน้ารับและไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมจนกระทั่งความเงียบปกคลุมณ ที่แห่งนั้น
เมื่อท่าทีของอีกฝ่ายสงบลงไปเมื่อถามเหตุผลของเธอหลินเฉิงก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนนี้ปากทางเข้ามาอยู่ด้านหน้าเขาแล้ว เพราะงั้นเขาจะไม่สนใจสิ่งเล็กๆน้อยๆอะไรทั้งสิ้น เขาเดินเข้าไปภายในนั้นต่อตามที่หลิงเชิงให้สัญญาณไว้
หลังจากที่ผ่านเข้ามาจากประตูหินสี่เหลี่ยมได้แล้วตรงหน้าเขาคือห้องที่เป็นเหมือนถ้ำที่มีขนาดราวๆ 10 ลูกบาศก์เมตร และบริเวณด้านซ้ายของถ้ำนี้มีเตียงหินที่หน้าตาเหมือนที่อื่นวางไว้อยู่ แต่กระนั้นบนผนังด้านหลังเตียงดังกล่าวกลับไม่มีประตูแห่งรูนที่เหมือนกับบนภูเขาฟินิกส์เลย
หลิงเชิงมองท่าทีที่ไม่อาจจะเข้าใจได้ของหลินเฉิงเขาโบกมือเรียกอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเพื่อให้เขามองไปทางด้านขวา
เมื่อมองตามท่าทางของหลิงเชิงเขาก็พบว่าทางฝั่งขวาของถ้ำ ที่นั่นมีประตูแห่งรูนที่คุ้นเคยติดตั้งไว้อยู่ที่กำแพง
หลังจากที่มองเห็นประตูนั่นหลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เชี่ย…”
“ห้ะ?”
การสบถของหลินเฉิงหลังจากมองเห็นประตูแห่งรูนนั้นทำเอาหลิงเชิงงงไปเลย
“หมายความว่าไงน่ะ?ไม่ใช่นายเข้ามาเพื่อหาประตูแห่งรูนนี่เหรอ? แล้วทำไม…?”
เขาโบกมืออย่างช่วยไม่ได้หลินเฉิงในตอนนี้อยู่ในอารมณ์ที่ค่อนข้างจะซับซ้อน เขาไม่สนใจที่จะอธิบายอะไรทั้งนั้น เขาจุดบุหรี่สูบเงียบๆและเดินไปยังที่ประตูแห่งรูนนั้นด้วยสีหน้าเศร้า
ก็จริงที่มาที่นี่เพราะประตูแห่งรูนที่จากส่วนที่ลึกสุดในใจ เขาไม่ต้องการที่จะได้เห็นสิ่งเดียวกันกับที่อยู่บนภูเขาฟินิกส์ เพราะประตูแห่งรูนที่นี่ เป็นตัวแทนของเรื่องราวทั้งหมด อันประกอบไปด้วยสาเหตุของโลกที่ล่มสลาย ตามที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาแล้ว!
ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อจะตามหาความจริงจนถึงวันนี้ตัวเขาเองก็ยังคงหาคำตอบให้อะไรไม่ได้เลยซักอย่าง ในทางกลับกัน ยิ่งค้นหา ก็ยิ่งเจอความลับอีกมากมายที่อยู่ตรงหน้า มันทำให้เขารู้สึกไร้พลังและจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งวิกฤตต่างๆนาๆ
เพราะหลังจากที่ทั้งสองติดต่อกันเขาก็พบว่าไม่มีใครหรือสิ่งใดที่อยู่ใกล้ประตูแห่งรูนที่จะมีน้ำมันตะเกียงที่ทรงประสิทธิภาพเลย ไม่ว่าจะผู้ควบคุมเส้นสีเงินที่ซึ่งต้องการจะพาตัวเขากลับไปยังบ้านที่อยู่ในจุดลึกสุดของหุบเขาฟินิกส์ หรือแม้แต่เผ่ารัตติกาลที่ซึ่งมีทุกสิ่งทุกอย่างเหนือกว่ามนุษย์ มันแสดงให้เห็นว่าโลกนี้นั้นกำลังซับซ้อนและแปลกเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการแล้ว!
ถ้านี่ไม่ใช่เพื่อชีวิตของเขาเองหลินเฉิงคงจะหนีไปตั้งที่เทือกเขาฟินิกส์แล้ว เขาคงจะไม่เสี่ยงจัดการกับผู้หญิงโรคจิตที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปแบบสุดๆเมื่อตอนช่วงต้นของวันโลกาวินาศ ถ้าเขาหาจุดอ่อนของเธอไม่เจอก่อนล่ะก็เขาได้กลายเป็นพ่อบ้านที่แข็งแกร่งอยู่ใต้หุบเขาฟินิกส์หรือไม่ก็กลายเป็นเศษมูลของพวกคันนิบาลถิงแน่ๆ
แต่ความอันตรายที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็แค่ปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งบางทีมันอาจจะมีสัตว์ประหลาดต่างๆมากมายซ่อนอยู่ในประตูแห่งรูนนี้เหมือนกับพวกตัวกินคนและหญิงโรคจิตนั่นก็ได้ มันไม่แน่นอนถ้าหากวันใดวันหนึ่งสัตว์ประหลาดเหล่านั้นสามารถทำลายโซ่ตรวนที่กักขังมันไว้ได้ วันนั้นมันก็คงจะออกมายังโลกและไล่บดขยี้ทุกคนเป็นแน่!
————————————–