ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 488 แผนใหม่
SC:บทที่488 แผนใหม่!
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ป่าหลินเฉิงก็รีบหันกลับด้วยความหวาดเสียว จากนั้นก็รีบวิ่งกลับไปยังช่องว่างนั้นทันที
หลิงเชิงเองก็หยุดเท้าเมื่อได้ยินเสียงคำรามนั้นจากนั้นก็หันกลับไปเช่นเดียวกับหลินเฉิงจากนั้นก็วิ่งกลับมายังประตูแห่งรูนเช่นกัน!
“ถ้าได้ยินไม่ผิดเมื่อกี้มันเป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่าหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นหลินเฉิงและพ่อของเธอกลับไปยังประตูหินแห่งรูนในเวลาเดียวกันกับที่เสียงคำรามดังขึ้นหลิงเหมิงผู้ที่ตอบสนองช้าจึงได้แค่ถามผ่านทางสายตา
“ชู่!”
หลินเฉิงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หลิงเหมิงอย่าเพิ่งพูดในตอนนั้นเขากำลังขมวดคิ้วและมองเข้าไปยังช่องว่างนั้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่หลิงเชิงเองตอนนี้ก็เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของหลิงเหมิงไปแล้ว เขาเองก็พยายามจัดท่าจัดทางเพื่อมองเข้าไปภายในช่องว่างนั้นเช่นกัน
เขาหลี่ตาลงและมองเข้าไปอย่างระมัดระวังระหว่างนั้นหลินเฉิงเองก็อยู่ในอารมณ์ที่จะไม่พร้อมสังเกตุอะไรซักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเสียงคำรามนั้นจะดังออกมาเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ทั้งสามก็ได้ยินอย่างชัดเจน มันเลยทำให้ไม่มีใครคิดว่าเสียงนั่นอาจจะเกิดมาจากการประสาทหลอนได้!
“นายคิดว่ายังไง?”
หลังจากที่สังเกตมาเป็นเวลานานหลินเฉิงที่ซึ่งไม่ได้อะไรล้มเลิกความตั้งใจแล้วหันมาจุดบุหรี่สูบอีกครั้ง เขาสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะหันไปถามหลิงเชิง
ได้ยินคำถามนั้นหลิงเชิงเองที่ไม่ได้อะไรเหมือนกันก็เลิกส่องและหันไปขอบุหรี่มาจุดสูบเหมือนกันเขาสูดหายใจเข้าไปลึกก่อนจะไอออกมาแรงๆ
หลังจากที่ปาดน้ำตาบนใบหน้าแล้วหลิงเชิงผู้ที่กล้ำกลืนทั้งความเป็นและความตายก็ยังไม่ยอมแพ้หลังจากที่สูดหายใจลึกๆไปอีกครั้งเขาก็ยิ้มออกมา “ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมมนุษย์ถึงชอบสูบบุหรี่ มันเหมือนได้กลับมาสดชื่นใหม่ แล้วก็สงบ…” ระหว่างที่พูดก็สูดหายใจเข้าไปลึกๆอีก จากนั้นเขาก็แสดงออกมาให้เห็นถึงอารมณ์ที่ดูจะสุขสมกับสิ่งที่ทำอยู่เป็นอย่างมาก
“ถ้านายชอบฉันจะให้นายทั้งห่อเลยก็ได้แต่ตอนนี้บอกมาก่อนว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้!”
เมื่อเห็นว่าตาแก่เริ่มจะปรับตัวกับการสูบบุหรี่แล้วหลินเฉิงก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ตอนนี้เข้าไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาอืดอาดได้ยามที่ได้ดูดบุหรี่กับคนอื่น เขาโยนซองบุหรี่ที่เพิ่งจะเปิดใหม่ให้หลิงเชิง จากนั้นก็ถามด้วยความใจร้อน
“คิดยังไงเหรอ?จะให้คิดยังไงอ่ะ? ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วยิ่งสติที่เหลือครึ่งๆกลางๆนี่อีก…”
หลังจากที่เอาบุหรี่ครึ่งซองที่ได้มาจากหลินเฉิงเก็บไปในกระเป๋าแล้วหลิงเชิงก็สูบบุหรี่ในมือจนมันหมดจากนั้นก็โยนออกไปและเหยียบให้ดับก่อนจะพูดต่อ “มีสิ่งหนึ่งที่ฉันค่อนข้างจะมั่นใจ และนายเองก็น่าจะมั่นใจด้วย นั่นคือ สิ่งนั้นน่ะ…อยู่หลังประตูหินแห่งรูน มีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่น! ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม…”
หลินเฉิงถอนหายใจและมองหลิงเชิงที่ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นในความจริง เขานั้นยอมแพ้กับแผนสำรวจประตูหินนี่ไปแล้วเหมือนกับหลิงเชิง แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เสียงคำรามที่อยู่ด้านหลังประตูหิน มันทำให้พวกเขาเข้าใจว่า…มันยังไม่ถึงเวลาที่จะยอมแพ้ สำรวจต่อไป มากกว่านี้!!
“ยังไงก็ตามไม่ใช่ว่าเผ่ารัตติกาลมีความสามารถแปลกๆมากมายหรอกเหรอ?”
นั่งเคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่ตรงหน้าประตูหินแห่งรูนหลินเฉิงขมวดคิ้วและคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามหลิงเชิงออกไป
ได้ยินคำถามนั้นหลิงเชิงก็อดไม่ได้ที่จะถามกลับไป“พูดถึงมีก็มีแหละ แต่พวกนั้นมีอะไรที่สามารถทำกับประตูหินนี่ได้หรือไง?”
“หรือว่ามี?”
ฟังคำตอบแล้วหลินเฉิงก็หัวเราะออกมา“มี ถ้าพวกนายมีความสามารถในการแปลงร่างน่ะนะ…”
“โอ้?”
เมื่อได้ฟังสิ่งที่หลินเฉิงตอบหลิงเชิงก็ตาเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้งและตีตัวเองหนักๆเลย “ทำไมฉันถึงคิดวิธีนี้ไม่ได้นะ!”
เมื่อพูดเสร็จหลิงเชิงก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปเลย!
“เดี๋ยว!ทำไมไม่รอก่อนเล่า!!”
ท่าทีที่รีบร้อนของหลิงเชิงนั้นทำให้หลินเฉิงพูดอะไรไม่ออกเขาเรียกอีกฝ่าย “นายจะรีบไปไหนน่ะ? นายยังไม่ตอบฉันเลยนะ หรือว่านายมีคนแบบนั้นอยู่ในเผ่าพันธุ์น่ะ!?”
“ฉันไม่รู้ว่าจะมีมั้ย!เพราะงั้นฉันจะรีบไปหาดู!! รอฉันอยู่ที่นี่ แล้วจะรีบกลับมา!!”
หลังจากที่ถูกหยุดไว้โดนหลินเฉิงหลิงเชิงผู้ที่กำลังรีบร้อนก็โบกไม้โบกมือแล้วทิ้งคำพูดไว้นิดหน่อยก่อนจะวิ่งออกไปเลย
“เข้าใจแล้ว!”
เมื่อหลิงเชิงหายไปจากสายตาราวกับแสงแล้วหลินเฉิงก็ได้แต่บ่นอีกฝ่ายลับหลังแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพิ่ม เขาหันกลับไปและเริ่มที่จะสังเกตุการณ์ช่องแคบนั้นอีกครั้ง
“นายคิดว่าต้องเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งขนาดไหนถึงจะคำรามออกมาได้ขนาดนั้นน่ะ?”
ระหว่างที่หลินเฉิงกำลังสอดส่องด้านในอยู่นั้นเสียงของหลิงเหมิงก็เข้ามาจากด้านหลัง นั่นทำให้เขาตกใจจนแทบจะหยิบดาบมาฟันเธอทิ้งเลย
เขาพูดอะไรไม่ออกก่อนจะดุเธอแล้วค่อยเงียบไป “ช่วยพูดให้น้อยลงกว่านี้ได้มั้ย?เธอรู้มั้ยว่าเธออาจจะตายไปแล้วนะเมื่อกี้นี้น่ะ?”
ในตอนนี้หลิงเหมิงนั้นกลัวจิตสังหารของหลิงเหมิงขึ้นมาจริงๆแล้ว ถึงก่อนหน้านี้ทั้งสองจะต่อสู้กันมาก่อนจนกระทั่งพวกเขาได้รู้จักกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอรู้สึกถึงจิตสังหารอันแรงกล้า มันน่ากลัวจนเธอเกือบจะฉี่ราดกางเกงไปแล้ว
“นาย…นาย…ฮึ่ม!”
เธอไม่อยากจะแสดงให้เห็นถึงความกลัวของเธอต่อหน้าหลินเฉิงหลิงเหมิงนั้นสามารถควบคุมความมั่นคงของอารมณ์ได้ แต่เสียงของเธอนั้นก็ยังสั่นคลอนอยู่ “เพราะนายนั้นทำเรื่องแย่ๆมาเยอะล่ะสิ ถึงได้กลัวเวลาโดนเรียกโดยศัตรูน่ะ!”
“ก็ใช่ฉันกลัวว่าคนที่เรียกจะเป็นศัตรู แล้วก็ผียังไงล่ะ?”
เขาฟังหลิงเหมิง
“หลอกลวง!ไหนล่ะผีที่ว่าน่ะ!!” หลิงเหมิงที่ไม่เคยเห็นผีเพราะงั้นเธอจึงไม่เชื่อ “เรื่องผี”ของหลินเฉิง เธอขมุบขมิบปากก่อนจะพูด ”นอกจากนั้น ถึงจะเป็นสัตว์ประเภทนั้น ในกรณีพิเศษเลยจริงๆ ความคิดของฉัน มองว่าเสียงคำรามดังกึกก้องขนาดไหน ก็แสดงออกถึงความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดตัวนั้นๆ นี่คือสิ่งที่หลายๆคนรับรู้ได้!”
“โอเคโอเค…”
มองหญิงสาวที่ดูจะไม่เชื่ออะไรเขาเลยหลินเฉิงก็ไม่ได้ใส่ใจเธอมาก เขาพูดออกไปตรงๆ “ยิ่งเสียงดังก็ยิ่งแข็งแกร่งงั้นเหรอ? เอาเถอะ ถ้าตัดสินจากเรื่องที่มั่นใจตอนนี้ พวกเราเข้าไปไม่ได้ และเจ้านั่นก็ออกมาไม่ได้ เพราะงั้นแล้วมีอะไรให้ต้องคิดมากอีก…”
“นายไม่กังวลหน่อยเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงดูจะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่อยู่ด้านในเลยหลิงเหมิงก็ร้อนรนขึ้นมา “นี่คือสิ่งที่จะเป็นกุญแจที่ซ่อนอยู่หลังประตูหินนั่นเลยนะ! นายไม่อยากเห็นเหรอว่าหน้าตามันเป็นยังไง!?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็เหลือบตาไปมองและพูด“ไร้สาระ! แน่นอนว่าฉันอยากจะรู้ว่ามันหน้าตาเป็นยังไง เธอคิดว่ามันจะล่องหนหรือไง? จะรีบไปไหน? ตอนนี้ฉันกำลังหวังว่าพ่อของเธอจะหาคนที่มีความสามารถในการเปลี่ยนร่างมาได้…”
—————————-