ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 493 โน๊ต
SC:บทที่493 โน๊ต
“เรียก…”
กลุ่มควันของบุหรี่ถูกพ่นออกมาหลินเฉิงใช้มือโบกไปมาไล่ควันเหล่านั้น จากนั้นก็กระซิบ “ฉันรู้ว่านายหมายถึงอะไร มาจบเรื่องนี้กันดีกว่า!”
พูดเสร็จก็ใช้นิ้วชี้ดีดก้นบุหรี่ในมือให้กระเด็นออกไปไกลและใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะออกไปเลย
มองย้อนกลับไปที่ด้านหลังของเขาหลิงเชิงนั้นปลอบใจเขาด้วยถ้อยคำไม่กี่คำแต่กระนั้นเขาก็ยังไม่รู้จะเริ่มแก้ไขเรื่องนี้ยังไง ท้ายสุดต่อให้พูดมากกว่านี้ก็คงทำได้แค่ถอนหายใจ ดังนั้นแล้วเขาจึงมองกลับไปยังประตูหินที่ยังปิดอยู่จากนั้นก็โบกมือเรียกหลิงเหมิงและเดินออกไปตามทางที่หลินเฉิงนำไปก่อนเลย …
ขณะที่กำลังเดินกลับมาพวกเขากำลังเดินผ่านถ้ำที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของประตูหินอยู่ ในตอนนั้นที่ฐานของเผ่ารัตติกาลต่างก็อึกทึกครึกโครมกันใหญ่ หากไม่ได้หยุนเฟิงที่หลิงเชิงส่งให้มาดูแลความสงบสุขแล้วล่ะก็ บางทีเผ่ารัตติกาลเหล่านี้อาจจะไปรวมตัวกันที่ถ้ำแล้วด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ด้วยความที่ไม่สนใจเสียงคนจอแจหลินเฉิงที่ซึ่งดึงดูดผู้คนในเผ่าอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนจะออกจากถ้ำ เขาพยักหน้าจากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของหลิงฉง
*ปังๆ!*
เขาเคาะประตูดังๆและหลังจากรออยู่พักใหญ่ๆไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้ หลินเฉิงก็ส่ายหน้า เขาหรี่ตาและคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หยิบสมุดโน๊ตออกมาจากเป้และฉีกกระดาษออกมาเริ่มเขียนอะไรบางอย่าง
“นายกำลังเขียนอะไรน่ะ?” ในตอนที่หลินเฉิงเขียนบางอย่างเสร็จเสียงของหลิงฉงก็ดังขึ้นมาจากด้านบนหัวของเขา หลิงฉงนั้นกำลังมองลงมาที่เขาและกระดาษที่เต็มไปด้วยถ้อยคำมากมายอยู่
หลินเฉิงส่ายหน้าช้าๆเมื่อเห็นหลิงฉงกลับมา เขาฉีกกระดาษนั้นทิ้ง ซึ่งตอนแรกว่าจะใช้ม้วนเป็นลูกบอลกลมๆแล้วสอดเข้าไปในห้อง จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและพูด “ฉันกะจะทิ้งโน๊ตไว้ถ้านายไม่อยู่…”
“แล้วฉันจะไปอยู่ที่นี่ในตอนนี้ได้ยังไงเล่า!”
ได้ยินดังนั้นหลิงฉงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“นายกับหลิงเชิงไปทำอะไรต่อมิอะไรในถ้ำนั้นไว้เยอะเลย จะให้ฉันที่เป็นผู้อาวุโสนั่งอยู่ในห้องทำงานแล้วจิบชากันได้ยังไง”
“นายกำลังอยู่ในปัญหา…”
เขารู้ได้ว่าถ้อยคำของเขานั้นทำให้อีกฝ่ายชะงักไปได้นิดหน่อยและเมื่อสังเกตดีๆ เขาก็พบเพิ่มว่าผู้อาวุโสที่มักจะกะปรี้กะเปร่าคนนี้ดูเหนื่อยเล็กน้อยในเวลานี้ เขาต้องเหนื่อยอยู่แล้วแม้จะไม่ได้เข้าไปในถ้ำลึกนั้นก็ตาม แค่จัดการสถานการณ์ด้านนอกก็เหนื่อยได้
“ไม่”
เขาโบกมือห้ามไว้หลิงเชิงที่เดินขึ้นมาเอากุญแจห้องทำงานมาให้จากนั้นเขาก็พูดขึ้น
เมื่อเห็นดังนั้นหลินเฉิงที่กำลังจะไปและยังไม่มีช่วงเวลาดีๆที่จะได้คุยกับผู้อาวุโสก็พยักหน้าและเดินเข้าห้องไป
หลังจากที่ปิดประตูแล้วหลิงฉงก็หยิบเอาแก้วน้ำออกมาให้สำหรับหลินเฉิงก่อน เขายื่นให้และพูดขึ้น “ฉันรู้จักเด็กคนนั้นดี หลิงเชิง ถ้าเขาไม่เจออะไรที่น่าสนใจในถ้ำนั่นล่ะก็ เขาคงไม่ใช้เวลาอยูุ่กับนายมาเนิ่นนานหรอก แล้วก็ในตอนนี้ ดูท่าสิ่งเดียวที่เขาสนใจ คงเป็นเงื่อนงำที่สำคัญที่จะบอกได้ว่าการมีอยู่ของเผ่ารัตติกาลคืออะไร…”
“โอ้ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย นายมีทักษะนี้ด้วยเหรอ?” ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำของหลิงฉงนั้นสามารถเดาเหตุการณ์ต่างๆในถ้ำใต้ดินนั่นได้หมดเลยหลินเฉิงนั้นมองไปยังชายชราที่มีเคราสีขาวผู้ที่หน้าตาเหมือนตาแก่เอ้อหูที่อยู่บนถนนไม่มีผิด นี่ขนาดยังไม่เคยเข้าไปในถ้ำใต้ดินตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะ สุดยอดจริงๆ
“อ่า…”
ยามได้ยินคำเยินยอจากหลินเฉิงหลิงฉงก็อดที่จะขำเล็กๆน้อยๆไม่ได้ “ถ้าจะพูดถึงความแข็งแกร่งล่ะก็ ฉัน 10 คนยังสู้นายคนเดียวไม่ได้เลยนะ แต่ในโลกใบนี้ โดยเฉพาะโลกที่กำลังวุ่นวายนี้ ความแข็งแกร่งก็แค่ส่วนเดียวของมัน ส่วนที่เหลือนั้นคือปัญญา ฉันจะกล้าพูดได้อย่างไรว่าฉันแก่กว่านาย 10 ปี? ถ้าฉันไม่มีความสามารถมากพอ ฉันจะมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ยังไง? ตรงตำแหน่งของผู้อาวุโสแห่งเผ่ารัตติกาลน่ะ?”
“ขอบคุณที่ช่วยเตือนละกัน”
เมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกและคำแนะนำของหลิงฉงหลินเฉิงก็พยักหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะวางกลยุทธ์ไว้มากมายตั้งแต่วันสิ้นโลก แต่เขาก็ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเขาจะฉลาดกว่าคนพวกนี้ โดยเฉพาะกับหลิงฉง ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่มีความคิดลึกสุดกู่ ตาเฒ่าที่ยังหนุ่มเอาเสียมากๆ
หลังจากที่โบกมือไปแล้วหลิงฉงก็ไม่ได้พูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายนัก เขาหันกลับไปและถาม “ฉันจะไม่ถามว่านายเจออะไรในถ้ำนั่น เพราะยังไงอารมณ์โกรธของหลิงเชิงก็จะพาเขาเอาเรื่องนี้มาพูดกับฉันอยู่ดี ในเมื่อนายออกมาจากถ้ำแล้ว รวมถึงหาที่นั่นเจอแล้วด้วย แสดงว่านายกำลังจะไปแล้วสินะ?”
“ใช่แล้ว”
หลินเฉิงพยักหน้าเบาๆ“สิ่งนี้มันไม่เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้ แถมตัวฉันเองก็ไม่มีเวลามากพอที่จะใช้กับที่นี่ ฉันต้องรีบไปแต่ถ้าฉันเจอเบาะแสใหม่ บางทีฉันอาจจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“งั้นรึ?”
ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความผิดหวังของหลินเฉิงนั้นเมื่อพูดอะไรออกมาก็ทำให้หลิงฉงไม่ถามอะไรเพิ่ม เพียงแค่พยักหน้าและยิ้มให้ “ตราบใดก็ตามที่นายยังสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ฉันก็ยินดีที่จะต้อนรับนายให้เข้ามายังที่นี่อีกครั้ง จริงๆแล้วฉันเองก็ชื่นชมนายมากๆเลยที่สามารถก้าวผ่านความเสียใจมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น นายน่ะยังหนุ่มยังแน่น แถมยังเป็นความหวังให้กับทั้งมนุษย์และรัตติกาลได้อีก ช่างหายากยิ่งนัก…”
ครั้นเมื่อได้พูดถึงเรื่องของเผ่าพันธุ์ตัวเองโทนเสียงของหลิงฉงก็ต่ำลงๆเรื่อยๆจนท้ายที่สุดก็ไม่ได้ยินเสียงเลย
หลินเฉิงหยิบเอาบุหรี่ออกมาสูบโดยไม่ได้รบกวนสมาธิของหลิงฉงแต่อย่างใดเขาหยิบปากกาและกระดาษและเขียนภาพที่อยู่ในถ้ำ เมื่อหลิงได้สติอีกครั้งเขาก็ส่งกระดาษให้ “ฉันสัญญากับองค์หญิงน้อยของนายไว้ว่าจะเอาโทรศัพท์ให้เธอเครื่องนึง แต่อย่างที่นายเห็นแหละ วันนี้มันไม่ใช่โอกาสเหมาะซักเท่าไหร่ เพราะงั้นเลยอยากจะรบกวนนายหน่อย ถ้านายยังพอมีเวลา ช่วยเอากระดาษนี้ไปให้เธอที จากนั้นก็บอกเธอว่า เธอสามารถไปยังฐานสมุทรสีครามเพื่อขอโทรศัพท์มือถือได้ทุกเมื่อเลย”
“โอ้?”
เมื่อได้เห็นสีหน้าจริงจังของหลินเฉิงหลิงฉงก็อดที่มองไปยังเขาไม่ได้ “นายกับหลิงเหมิง…?”
หลินเฉิงเมื่อเห็นหลิงฉงมองเขาแปลกๆมันก็ทำให้เขาร้องออกมาและหัวเราะ “ฉันบอกว่าอย่าคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตาแก่ ฉันเป็นคนธรรมดา เพราะงั้นฉันชอบผู้หญิงธรรมดาที่เป็นมนุษย์มากกว่า ให้องค์หญิงของพวกนายเป็นอาหารของพวกนายไปแหละดีแล้ว!”
ทันทีที่เห็นว่าหลินเฉิงมองหลานของเขาไร้ค่าหลิงฉงก็ไม่มีความสุขนัก “ไอ้เด็กบ้า! ตั้งแต่รูปลักษณ์ยันความสูง หลิงเหมิงน่ะเป็นขั้นสูงสุดของทั้งมนุษย์แล้วก็เผ่ารัตติกาลเลยนะ! เว้นซะแต่นายไม่เห็นค่าของมันเอง มันก็ไร้ประโยชน์!”
“ใช่แล้วฉันไม่สมควรได้รับเกียรตินี้หรอก รู้ตัวเองดีน่า!”
ตามคำพูดของหลิงฉงหลินเฉิงก็พยักหน้ายอมรับ “แล้วก็ ฉันจะไม่พูดลาก่อนกับพวกเขาอีกครั้ง เพราะงั้นนายก็ไม่ต้องคิดว่าฉันจะถือโอกาสเอารัดเอาเปรียบอีก จำไว้ว่าเอาโน๊ตนี่ให้เธอ หรือนายจะบอกหลิงเหมิงไปด้วยก็ได้ ว่าถ้าฉันเจอเบาะแสเพิ่ม ฉันจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง และให้เธอรู้เห็นเรื่องนั้นด้วย”
หลังจากพูดจบเขาก็ดีดก้นบุหรี่ออก ยืนขึ้นและพยักหน้าให้หลิงฉง จากนั้นก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป
———————————-