ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 494 ส่ง
SC:บทที่494 ส่ง
“นายจะรีบไปไหนเนี่ย?”
เมื่อเห็นหลินเฉิงจะไปโดยไม่คิดถึงกันเลยหลิงฉงก็ส่ายหน้าแบบช่วยไม่ได้ก่อนจะรีบเดินตามไปและจับไหล่เขาไว้ “ไปกัน เดี๋ยวจะไปส่ง คงไม่คิดล่ะสิว่าพวกเราก็มีมารยาทเหมือนกัน…”
เมื่อเห็นหลิงฉงนั้นจะเดินไปด้วยหลินเฉิงก็รีบโบกมือดักไว้ก่อนเลย “ฉันไม่ใช่พวกแสร้งทำน่า เพราะงั้นไม่อยากจะรบกวนพวกนายหรอก กลับไปได้แล้วไป๊!”
“นี่นายคิดว่าฉันอยากจะไปส่งนายเหรอ?ฉันกลัวว่านายจะมีปัญหากับพวกหน่วยลาดตระเวนหรอกนะ!”
ขณะที่หลินเฉิงกำลังคิดว่าอีกฝ่ายเองก็มีคุณธรรมเหมือนกันหลิงฉงก็พูดขึ้น “ฉันจะไปส่ง นายจะได้ผ่านทางได้ แต่ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรที่จะเกิดต่อจากนี้หรอกนะ เพราะเดี๋ยวพอตอนยุ่งๆก็ลืมแล้ว ในเมื่อตอนนี้นายจะไป ฉันก็จะไปส่งด้วยตัวเอง…”
“ถ้างั้นก็มาเลิกจู้จี้ขี้บ่นเป็นคนแก่ตามอายุไปได้แล้ว จะไปส่งไม่ใช่เหรอ? เร็ว!”
เขาโบกมือและหยุดการพูดที่ไม่หยุดหย่อนของอีกฝ่ายเอาไว้หลินเฉิงโยนบุหรี่ให้หลินเฉิงและตัวเขาอย่างละมวนและจุดสูบก่อนจะเริ่มพากันเดินไปยังทางเข้า
“นายจะไปไหน?ไม่สิ พูดว่า นายคงจะไม่ได้ไปขุดหลุมนั่นอีกรอบสินะ? หรือจะไป?”
เมื่อรับบุหรี่มาจากหลินเฉิงหลิงฉงก็บอกเขาไปว่าตัวเขาเองไม่สูบบุหรี่ และเมื่อเขามองขึ้นมา เขาก็เห็นหลินเฉิงเดินไปยังทางที่เข้ามา เขาเลยหยุดไว้ก่อน “เมื่อตอนเข้ามา ที่เลือกให้ไปเข้าจากทางเปลี่ยวๆนั่นเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหา ตอนนี้ปัญหามันจบแล้ว ใครอยากจะกลับไปทางนั้นกัน?” พูดเสร็จเขาก็โบกมือให้หลินเฉิงเดินตามเขาแทน
ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็ยักไหล่นิดหน่อยแบบไม่ได้สนใจอะไรก่อนจะเปลี่ยนไปเดินตามหลิงฉงพร้องคาบบุหรี่ไว้ในปากแทน
หลังจากเดินผ่านถ้ำมาเป็นเวลานานหลิงฉงก็หยุดเมื่อเห็นว่าหลินเฉิงดูเหมือนจะจำทางไม่ได้ เขาที่อยู่ด้านหน้านั้นหันกลับไปยังอีกฝ่ายและชี้ไปที่ประตูหินที่ซึ่งเต็มไปด้วยช่างฝีมือดีมากมาย “นี่คือประตูที่เราสร้างขึ้นทีหลัง”
เมื่อมองตามที่หลิงฉงบอกหลินเฉิงก็หรี่ตามองตามอย่างพิถีพิถัน และเขาก็พบว่า ถึงแม้ประตูหินนี่จะดูใหญ่กว่าอันเก่ามาก แต่มันก็ไม่ได้สลักด้วยอีกษรรูนไว้
“ทำไมถึงไม่มีอักษรรูนบนประตูหินบานใหม่นี่?”
ความสับสนผนวกกับความขี้เกียจมันทำให้หลินเฉิงถามออกไปตรงๆโดยไม่เดาเลย
ทันทีที่ได้ยินคำถามของหลินเฉิงหลิงฉงก็ยิ้มและตอบกลับ “ถามฉันก็ไม่ได้อะไรหรอก ไม่มีใครในเผ่ารัตติกาลที่รู้ว่าอักษรรูนพวกนั้นหมายถึงอะไร ในตอนนี้ เราพยายามที่จะแกะตัวอักษรรูนให้เหมือนกับของเดิม แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไง มันก็ไม่เหมือนเดิม ดังนั้นแล้วเราถึงได้ยอมแพ้…”
“แล้วไง?”
หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของหลิงฉงหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วทันที เขานั้นค่อนข้างจะสนใจกับอักษรรูนพวกนี้มากๆ นั่นเพราะว่าตราบใดก็ตามที่มันคืออักษรรูน พวกมันก็จะถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากๆ เช่นเดียวกับความลับและหญิงบ้าที่อยู่ใต้หุบเขาฟินิกส์นั่นแหละ รวมไปถึงมังกรวารีจากช่องแคบเซียนโจวและตะขาบยักษ์ที่เพิ่งเจอไม่นาน
สัตว์ประหลาดเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นจากประตูแห่งรูนที่แตกต่างกันแต่พวกมันมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน ก็คือมันทรงพลังมากๆ ไม่มีตัวไหนที่สามารถจัดการได้โดยวิธีเดียวกัน หากไม่ใช่ว่าเขานั้นมีระบบแคปซูลที่เอาไว้ต่อต้านลิขิตฟ้า บางทีเขาอาจจะกลายเป็นอาหารของ 1 ใน 3 สัตว์ประหลาดพวกนี้แล้วก็ได้
“ใครรู้บ้าง?” เขาส่ายหน้าและถอนหายใจไล่ความรู้สึกต่างๆเมื่อหลิงฉงเห็นท่าทีที่ดูเหมือนว่าหลินเฉิงจะสนใจเกี่ยวกับอักษรรูนมากๆ เขาจึงเอ่ยปากถาม “ทำไมนายถึงต้องใส่ใจกับอักษรรูนถึงขนาดนั้น? ถ้าเอาตามความเป็นจริงที่เป็นอยู่ นายคือมนุษย์ และต้นกำเนิดของอักษรรูนก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์อยู่แล้ว เอาจริงๆฉันเห็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มนุษย์จะทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้…”
“ในตอนที่โลกล่มสลายมีอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับมนุษย์บ้าง?”
หลินเฉิงเหลือบมองอีกฝ่าย“ตราบใดก็ตามที่ชีวิตและความตายของมนุษย์ยังมีไอ้สิ่งนี้มาเกี่ยวพัน ฉันก็สนใจหมดนั่นแหละ! แต่ความประทับใจครั้งแรกกับรูนนี่ไม่ค่อยจะโชคดีซักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าถ้าฉันเห็นไอ้นี่ ฉันก็จะโชคร้ายไปด้วย…”
“โอ้?อย่างเช่นอะไรล่ะ?”
เมื่อเห็นหลินเฉิงพูดถึงรูนความรู้สึกของเขาก็เปลี่ยนแปลงในทันทีเลย ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัวของหลิงฉงและทำให้เขาถามออกไปทันที
อย่างไรก็ตามหลินเฉิงผู้ที่ซึ่งสามารถรับรู้ความคิดผู้อื่นได้ในทันทีกระนั้นเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะหยุดจิ้งจอกเฒ่านี่อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าหลิงฉงจะเป็น 1 ในสมาชิกของเผ่ารัตติกาลที่ซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จ้องจะทำกับรูนแห่งนี้ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่อยู่ในมือของเผ่ารัตติกาลในตอนนี้ก็ไม่ได้มีมากกว่าที่เขามีเสียเท่าไหร่ ดังนั้นแล้วมันจึงไม่ง่ายเลยที่จะบอกทุกๆคนเกี่ยวกับรูนนี้
ครั้นเมื่อสังเกตุได้ว่าหลินเฉิงไม่อยากจะพูดมากไปกว่านี้หลิงฉงก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ มันชัดเจนอยู่ในใจของเขา ว่าถึงแม้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างไร เมื่อได้พูดถึงเรื่องงาน ท่าทีก็จะกลับมาแข็งกร้าวขึ้นมาทันที ในเมื่อเขาไม่อยากจะพูดเรื่องนั้น ต่อให้ตะล่อมใช้ถ้อยคำล่อหลอกยังไงก็คงไม่ได้อะไรออกมาจากปากผู้ชายคนนี้หรอก “อืมในเมื่อนายไม่อยากจะพูดมัน ฉันก็จะไม่ถามอีก ไปกันเถอะ นายยังรีบที่จะกลับอยู่นี่?”
หลังจากที่สังเกตุอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งหลิงฉงก็ตัดใจและยอมแพ้ เขาเรียกอีกฝ่ายพร้อมกับโบกมือ จากนั้นก็รีบเดินไปยังการ์ดทั้ง 4 แห่งเผ่ารัตติกาลที่เฝ้าประตูหินอยู่เลย
ขณะที่พวกการ์ดกำลังคุยกันเรื่องหลิงเฉิงอยู่เมื่อพวกเขาหันมาเจอหลินเฉิงที่กำลังเดินไปยังประตู พวกเขาก็หยิบเอากุญแจหิน 2 ดอกขึ้นมา ซึ่งมันดูเหมือนรถบรรทุกหนักๆ 2 คันเลย จากนั้นพวกเขาก็เสียบมันเข้าไปในรูกุญแจของบานประตูแตะละบาน
*ครืน…*
ประตูค่อยๆเปิดออกมาช้าๆพร้อมเสียงของมันเองมันใช้เวลาหลายวินาทีหลังจากเสียบกุญแจไปแล้ว จากนั้นก็เผยให้เห็นช่องแคบที่มีขนาดพอให้คนหนึ่งคนเข้าไปได้ เมื่อนั้นหลิงฉงก็กวาดมือไปทางนั้นเป็นสัญญาให้หลินเฉิงออกไปได้ เห็นดังนั้นหลินเฮิงก็พยักหน้าช้าๆแต่ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมา เขาหยิบเอาห่อบุหรี่ที่ยังไม่ได้แกะขึ้นมาห่อหนึ่งจากนั้นก็โยนไปให้พวกการ์ด ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ้มให้กว้างๆและเดินออกไปยังประตูหินเลย
“หึนายจะไปได้ไกลเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่นายยังเดินได้อยู่ มันมีเรื่องมากมายภายในตระกูลของเรา เพราะงั้นฉันจะส่งนายแค่นี้ เดินทางโดยสวัสดิภาพ!”
หลังจากที่หลินเฉิงเดินออกไปแล้วหลิงฉงก็ยังคงยืนอยู่ที่ประตูและพยักหน้าให้เขาทิ้งท้าย
หลินเฉิงเองก็ยิ้มและพยักหน้าให้“โอเค ขอบคุณมากๆ ผู้นำแห่งตระกูลหลิงอุตส่าห์มาส่งฉันถึงที่นี่ ถ้ามีอะไรก็ไปทำต่อเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
หลังจากพูดจบเขาก็หันหน้ากลับและโบกมือลา จากนั้นก็เดินเข้าไปยังช่องทางนั้นด้วยก้าวเท้ายาวเลย
——————————–