ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 496 รักษาไว้
SC:บทที่496 รักษาไว้
เจ้าพนักงานคนนี้คือ1 ในคนที่ร่วมกับสงครามเมื่อวาน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกไปและได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ต้นจนจบ หลินเฉิงตราตรึงสิ่งนี้ลึกลงไปในใจของเขาด้วยความหวาดกลัวของศัตรูทั้ง 100 คน
อย่างไรก็ตามหลินเฉิงนั้นสู้เป็นแนวหน้ามาตลอดเกือบจะทั้งวัน เพราะงั้นมันเลยทำให้พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้จำเขาไม่ได้ชั่วขณะ และเมื่อพวกเขาจำลักษณะของคนที่อยู่ตรงหน้าได้ ความคิดของคนทั้งหมดก็รวมเป็น 1 นั่นหมายถึง พวกเขาไม่ควรทำให้คนๆนี้โกรธไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!
“อ๊ะ!?”
เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่วัยกลางคนนี้ดูสีหน้าไม่ดีนักหลินเฉิงก็ขมวดคิ้ว “นายรู้จักฉันได้ยังไง?” “อ่า…ใช่..ใช่แล้วขอโทษด้วยครับ คุณหลิน!”
เมื่อเห็นหลินเฉิงมองมายังเขาชายคนนั้นก็รีบขอโทษทันที “ผมนี่ช่างตาไร้แววจริงๆที่จำคุณไม่ได้ในตอนนี้ คุณต้อง…”
“เอาน่าเอาน่า…”
หลังจากที่โบกมือแบบไม่ใส่ใจแล้วเขาก็พยายามจะหยุดอีกฝ่ายไว้ก่อนหลินเฉิงมองไปยังเจ้าหน้าที่ที่เหลือก่อนจะถามออกไปตรงๆ “ในเมื่อพวกนายจำฉันได้แล้ว นั่นหมายถึงฉันสามารถเข้าไปในฐานได้แล้วหรือเปล่า?”
“อ่ะ…แน่นอนครับ!”
ครั้นเมื่อเห็นว่าหลินเฉิงไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดนี้เจ้าหน้าที่วัยกลางคนก็โล่งใจจากนั้นก็หันไปตะโกนด่าทอทหารรักษาการณ์บนกำแพงที่ถือปืนกลมาจ่อหลินเฉิงด้วย “พวกนายตาบอดหรือไง? วางปืนลง!”
หลังจากมองไปยังทหารที่อยู่บนกำแพงที่กำลังเก็บปืนลงไปแล้วเจ้าหน้าที่คนเดิมก็เปลี่ยนสีหน้าทันที กลายเป็นสีหน้าที่มีรอยยิ้มและพูดกับหลินเฉิง
“เชิญเลยครับคุณหลิน”
เขาพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่คนนั้นและไม่ได้พูดอะไรมากมองไปยังประตูที่เปิดออกในเวลานี้และเดินตรงเข้าไปทันที
หลังจากที่เดินผ่านทางเดินที่ขนาบไปด้วยป่าไม้แล้วปลายสายตาก็มีหมู่บ้านอยู่ หลินเฉิง ได้กลับมายังที่อยู่อาศัยเขต 1 แล้ว
“หยูซานจะเป็นยังไงบ้างนะ…”
มองขึ้นไปยังท้องฟ้ากว้างและเหลือบเห็นดวงตะวันที่กำลังจะลาลับฟ้าหลินเฉิงก็อดที่จะบ่นมุบมิบด้วยเสียงต่ำไม่ได้ จากนั้นเขาก็รีบเร่งฝีเท้าเพื่อจะกลับไปยังบ้านเลย
“หยูซาน?กลับมาแล้ว? หยูซาน”
เมื่อเขากลับถึงบ้านหลิงเฉิงก็ยืนอยู่ที่หน้าทางเดินประตู เปลี่ยนรองเท้าและตะโกนขึ้นไปบนบันไดไป หลังจากที่ตะโกนมาหลายนาทีแล้วและไม่ได้รับการตอบรับใดๆหลินเฉิงเลยเดินขึ้นไปดู
แต่เมื่อขึ้นไปเขาก็ไม่พบทั้งหยูซานและโคล่าใดๆ
“ยังไม่กลับมาอีกเหรอ..?”
พลันเห็นว่าไม่มีหยูซานอยู่ในบ้านหลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วช้าๆ เขาบอกหยูซานไว้ว่าให้ไปช่วยชูฉิงก่อนที่เขาจะไปยังฐานของเผ่ารัตติกาล แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังทำงานไม่เสร็จ
ขณะที่เขากำลังเตรียมที่จะนำบะหมี่สำเร็จรูปมาทำเป็นอาหารเย็นหลินเฉิงก็ได้ยินเสียงคนคุยกันมาจากทางบ้านของป้าฉินที่อยู่ไกลออกไป
“หรือทุกคนจะอยู่ที่บ้านป้าฉินกัน!?”
เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็รีบวางมือจากการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและสวมรองเท้าแล้ววิ่งไปยังบ้านของป้าฉินทันที *ปังปัง!*
หลังจากไปถึงบ้านป้าฉินแล้วเขาก็ฟังไปยังเสียงพูดคุยที่ชัดขึ้นก่อนจะรีบเคาะประตูอยู่หลายครั้งจนในที่สุดก็มีคนออกมาเปิดประตูให้เขา
“ใครน่ะ?”
เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยถามประตูนั้นค่อยๆเปิดออกจากด้านใน จากนั้นฉินซูยี่ผู้ที่ซึ่งไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวันก็ปรากฏตัวออกมาให้เขาเห็น
“หลินเฉิง!?”
เมื่อได้เห็นหลินเฉิงฉินซูยี่ก็รู้สึกตกใจมากๆ ระหว่างสองวันที่ลี้ภัยมานี้ เธอได้เฝ้าถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของหลินเฉิงกับทหารที่คอยปกป้องพวกเธอมาตลอด แต่พวกเขาก็ได้แค่ตอบว่าไม่รู้ ซึ่งนั่นเลยทำให้หัวใจของเธอเศร้าหมองมา 2 วันเต็มๆ เธอกลัวว่าหลินเฉิงจะได้รับอุบัติเหตุขณะที่เคลื่อนย้ายฐาน “ผมเอง”
ฉินซูยี่จับมือของเขาไว้แน่นในขณะที่หลินเฉิงก็ยิ้มและพยักหน้า“ป้าเป็นยังไงบ้าง แล้วลุงหลี่กับเสี่ยวเตี๋ย(เสี่ยวเดีย)ล่ะ? สองวันนี้โอเคดีไหม?”
“ทุกอย่างโอเคหมดเลยเลขาชูดูแลพวกเราเป็นอย่างดีตลอดเวลา เขาไม่ปล่อยให้เราเจออันตรายใดๆเลย!”
ได้ยินว่าหลินเฉิงเป็นห่วงฉินซูยี่ก็พยักหน้าตอบ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นทำให้หลินเฉิงเข้าใจได้ว่าชูฉิงนั้นทำงานได้เต็มที่สุดๆ เขาไว้ใจเธอมากๆ
“อย่ายืนอยู่ตรงนี้นานๆเลยเข้ามาก่อนเถอะ”
หลังจากที่คุยกัน2 ประโยค ฉินซูยี่ก็นึกขึ้นได้ว่าพวกเขายังอยู่ด้านนอก เพราะงั้นเธอจึงดึงตัวหลินเฉิงเข้ามาในบ้าน
หลังจากที่เข้ามายังห้องนั่งเล่นแล้วหลินเฉิงก็เห็นคนรู้จักมากมายเพียงแค่เหลือบมองหยูซานเองก็อดไม่ได้ที่จะเพลิดเพลินกับการเล่นกับโคล่า ชูฉิงนั่งอยู่ที่โซฟาและกำลังคุยกับหลี่เฉิงหยีอยู่ตัวต่อตัว ในขณะที่หลี่เหมิงเตี๋ยกำลังยุ่งกับการสลับไปสลับมาระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นด้วยผลไม้สดที่อยู่บนจาน
เมื่อเห็นหลินเฉิงโผล่มาพวกเขาทั้งหมดก็พากันช็อค จากนั้นพวกเขาก็รีบเข้ามาและสอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่ได้มาจากเผ่ารัตติกาลกันหมดเลย
ครั้นเมื่อคนเหล่านั้นพุ่งเข้ามาและถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เผ่ารัตติกาล หลินเฉิงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองยังชูฉิงที่ไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วยแต่ยังคงนั่งบนโซฟาและจิบชาต่อ
ทันทีที่รับรู้ได้ถึงสายตาของหลินเฉิงชูฉิงก็ยืนขึ้นและเดินมายังเขา มือของเธอจับไปที่หน้าตัวเองก่อนจะพูดขึ้น “ฉันช่วยไม่ได้จริงๆ ฉันนั้นอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ถ้าฉันไม่พูดเรื่องจริงออกไปบ้าง มีหวังได้ถูกแยกเป็นส่วนๆโดยคนพวกนี้แน่…” ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“เธอเป็นคนช่วยพวกเขาเลยนะ เป็นผู้มีพระคุณ ฉันไม่คิดว่าครอบครัวของฉันจะทำแบบนั้นกับผู้มีพระคุณหรอก”
“เอาเถอะมันยากที่จะฟังเรื่องซับซ้อนอะไรจากคนอย่างนาย ในเมื่อนายกลับมาแล้ว ฉันจะกลับไปก่อน ฐานนี้ยังอยู่ในช่วงที่ต้องส่งผ่านพลังงานมาตลอด 2 วันแล้ว ในฐานะที่ฉันเป็นผู้อาวุโสของฐานนี้ ฉันยังต้องรับผิดชอบด้านการสนับสนุนมันอยู่…”
เธอโบกมือง่ายๆและเดินไปยังประตูหยิบเสื้อโค้ทของเธอที่แขวนไว้จากนั้นก็พูดกับหลินเฉิง
“จะรีบไปไหน?กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนค่อยไปสิ!”
เมื่อเห็นหลินเฉิงรีบที่จะมาหยุดเธอไว้และพูดเช่นนั้นถึงแม้ว่าจะมีไม่กี่คนที่รู้ความลับ หลินเฉิงก็เข้าใจดีว่าถ้าหากไม่ได้เธอคนนี้คอยปกป้องป้าฉินในวันก่อน เหตุชุลมุนวุ่นวายนั้นคงได้พรากชีวิตพวกเขาไปแล้ว เพราะงั้นแล้วมันเลยทำให้หลินเฉิงรู้สึกขอบคุณชูฉิงมากๆถึงแม้ว่าเธอจะฉลาดขนาดไหน เธอก็ยังคงห่วงคนที่อยู่รอบๆตัวเธอมากๆเช่นกัน เธอเป็นแบบนี้มาตลอด หญิงสาวที่ดูจะไม่ใส่ใจอะไรแต่จริงๆก็ห่วงทุกคนจากส่วนลึกในหัวใจ
เมื่อทุกคนณ ที่นั้นเห็นว่าชูฉิงกำลังจะไป พวกเขาก็มารวมกันที่ตรงด้านหน้าด้วยราวกับกำลังปฏิบัติต่อสมาชิกครอบครัวชิงคนหนึ่ง นอกจากนี้ หลี่หมิงเเตี๋ยผู้ที่ใกล้ชิดกลับชูฉิงมากที่สุด ฉินซูยี่และหลี่เฉิงหยีเองก็เพิ่งได้รู้เป็นครั้งแรกว่าเลขานายพลแห่งฐานสมุทรสีครามนั้น ผู้ที่ซึ่งตอนแรกพวกเขากลัวนักหนา แท้จริงแล้วเป็นคนดีและเป็นมิตรขนาดไหน ขอบคุณสถานการณ์เช่นนี้ที่ดูเหมือนทุกคนเองก็พยายามจะรั้งเธอไว้เช่นกัน
ได้ยินคำเชื้อเชิญจากผู้คนตรงหน้าชูฉิงก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มแบบฝืนๆและแขวนเสื้อโค้ทของเธอไว้เช่นเดิมก่อนจะพูดขึ้น “โอเค ดูเหมือนว่าถ้ายังดื้อดึงจะไปฉันคงต้องกลายเป็นคนที่ทำร้ายหัวใจป้าฉินก็ได้…”
——————————————-