ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 497 การห้ามปรามของชูฉิง
SC:บทที่497 การห้ามปรามของชูฉิง
“อ้า!แบบนั้นแหละ!!”
เมื่อเห็นว่าชูฉิงตัดสินใจที่จะอยู่ต่อแล้วฉินซูยี่ก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง จากนั้นเธอก็จับชูฉิงและดันให้เธอกลับไปยังโซฟา ในขณะเดียวกันเธอก็โบกมือให้หลินเฉิงเพื่อให้เขามากับเธอ นอกจากนั้นเธอก็พาหลี่เหมิงเตี๋ยกลับเข้าไปทำงานในครัวต่อด้วย
รับรู้ได้ว่าป้าฉินนั้นเป็นห่วงขนาดไหนหลินเฉิงก็ส่ายหน้าแบบช่วยไม่ได้ก่อนจะหันไปพูดกับหยูซานผู้ที่ซึ่งเงียบมาตลอดตั้งแต่เขากลับมาแล้ว “เป็นสาวเป็นนางกินขนาดนั้นมันไม่มากไปหรือไง?”
“มันโอเค!มันโอเค!”
ได้ยินหลินเฉิงกังวลหยูซานผู้ที่กำลังถือแป้งโดและนวดมันอยู่ก็รีบโบกมือทันที“ตั้งแต่ที่ได้ดื่มยาที่พี่หลินให้มา แผลของฉันก็ดีขึ้นหลังจากที่ได้พักไปคืนนึงเลยล่ะ เพราะงั้นตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“โฮ่งั้นก็ดี”
หลังจากที่สังเกตุสีหน้าของหยูซานอยู่ครู่หนึ่งหลินเฉิงก็พยักหน้าจากนั้นก็หันไปเตะโคล่าที่กำลังจะกระโดดใส่เขาเสียก่อนจะหันไปมองชูฉิงและพูดขึ้น “ไม่ต้องจ้องฉันขนาดนั้นก็ได้ อยากถามอะไรก็ถามมาเถอะ ฉันจะพยายามตอบถ้าไอ้สิ่งที่ถามมันตอบได้”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงนั้นสนใจเธอชูฉิงก็รู้สึกไม่สนใจและพูดขึ้น “ฉันก็แค่มอง ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้รับอันตรายอะไรมาจากที่เผ่ารัตติกาลสินะ”
“อ่าห้ะอันที่จริงพวกเผ่ารัตติกาลค่อนข้างจะกระตือรือร้นอยู่นะ แล้วก็ตอบสนองเราเหมือนคนทั่วไปเลย”
ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็เอียงคอเพื่อบิดกระดูกคอไปมาก่อนจะหยิบเอาบุหรี่มาจุดสูบและตอบกลับ “ฮึ่ม..”
ดูหลินเฉิงมีคุณธรรมแบบนั้นชูฉิงก็เหยียบหยามขึ้นมา “นายทิ้งรอยฝังใจไว้เมื่อวาน ไม่ว่านายจะไปไหน ก็มีศพอยู่ตลอดสองฝั่งทางนั่นแหละ แล้วแบบนี้นายจะไปเยินยอ..”
ขณะที่พูดอยู่ชูฉิงก็หยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นจริงจังแทน “ฉันไม่ได้สนใจว่าทำไมนายถึงยินยอมที่จะเข้าไปยังฐานของพวกรัตติกาลนั่น ไม่ว่านายจะเข้าไปเพราะสนใจอะไรในนั้น ฉันก็จะไม่ใช้อารมณ์คุยกันนาย ตอนนี้ฉันอยากรู้แผนต่อไปของนาย นายต้องการจะเป็นเจ้าโลกของที่นี่หรือว่ามีไอเดียอื่นไหม?”
“ห้ะ?”
การที่จู่ๆชูฉิงเอ่ยถามแบบนั้นมันทำให้หลินเฉิงขมวดคิ้วและถามกลับ “ถามเพื่ออะไรเนี่ย?”
พอเห็นว่าหลินเฉิงไม่ตอบคำถามเธอตรงๆชูฉิงก็กลับคำ “โอเค ฉันรู้แล้วว่าคำตอบของนายคืออะไร…”
“ไม่…”
ฉันรู้สึกได้ว่าสมองของฉันกำลังสับสนกับความลึกลับของผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาหน่อยๆแล้วหลินเฉิงขมวดคิ้วและถามกลับไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ “อะไรเนี่ย? เธอรู้เหรอว่าฉันจะพูดอะไร?”
“มันง่ายมากถ้านายตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ นายจะต้องพึ่งพาฉันในอนาคตอย่างแน่นอน แต่ท่าทีของนายนั้นดูเย็นชากับฉัน เพราะงั้นเห็นได้ชัดเลยว่านายน่ะไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี่ต่อยังไงล่ะ!!”
ยามที่ถูกมองแบบแปลกๆโดยหลินเฉิงชูฉิงก็ไม่ได้รู้สึกแปลกซักเท่าไหร่ หลังจากที่กระแอมไอจนคอโล่งแล้ว เธอก็บอกเขาไปตามการคาดการณ์ของเธอ
“เชื่อเค้าเลย!”
ได้ยินที่ชูฉิงคาดการณ์หลินเฉิงก็ยอมรับทั้งหมดในทันที บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะเธอนั้นอยู่ในศูนย์บัญชาการกับพวกคนมีความสามารถเป็นจำนวนมากมานาน ดังนั้นแล้วเธคงจะมีความสามารถในการคาดเดาผู้อื่นจากกิจกรรมและการกระทำต่างๆไปด้วย ราวกับว่าใครก็ตามที่อยู่หน้าเธอนั้นไม่ได้สวมเสื้อผ้าอยู่เลย หากแสดงให้เธอเห็นพฤติกรรมต่างๆมากกว่าครึ่ง เธอก็จะสามารถคาดเดาคนๆนั้นได้อย่างชัดเจน
“ฉันคิดว่าฉันเก่งมากนะเรื่องนี้~”
หลังจากที่ได้รับคำชมจากหลินเฉิงชูฉิงก็หันไปมองทางครัวแล้วก็พบว่ามื้อเย็นนั้นยังไม่เสร็จดี จากนั้นเธอก็หันไปถามหลินเฉิง “อืม ในเมื่อนายไม่ได้จะอยู่ที่นี่แล้วนายจะไปไหน?”
หลินเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาคิดว่าถึงจะไม่พูดตอนนี้ เขาก็ต้องไปพูดกับป้าฉินอยู่ดี ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซ่อนเลย เพราะงั้นจึงพูดออกไป “กะว่าจะไปหยางจิง มีอะไรบางอย่างคาใจอยู่ที่นั่นเพราะงั้นเลยจะไปดูให้แน่ใจน่ะ”
“หยางจิง?” แผนของหลินเฉิงนั้นทำเอาชูฉิงขมวดคิ้วเลย“มันไกลจากเกาะหนานซื่อตั้ง 3000 กิโลเมตรเลยนะ! นายมั่นใจเหรอว่าจะไปที่นั่น?”
“ซงโจวห่างจากที่นี่ราวๆ2000 กิโลเมตรได้ ดีไม่ดีก็มากกว่าด้วย ฉันไปถึงหรือเปล่าล่ะ?”
หลินเฉิงโบกมือแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรก่อนจะพูดต่อ“มันคือจุดจบของโลก ถึงแม้ว่าจะจริงเรื่องที่เธอบอกว่าเราสามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ อยู่ไปนานๆ แต่ถ้าเธออยู่แล้วทำตัวเอื่อยเฉื่อยเกินไป มันจะส่งผลเสียกับการพัฒนาความแข็งแกร่งของเธอเองนะ ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เธอหาโอกาสที่จะออกไปข้างนอกได้ยากขึ้นด้วย ในเมื่อโลกมันไม่สมมาตรขนาดนี้แล้ว ซักวันหนึ่งยังไงเธอก็ต้องออกมา เพราะงั้นแล้วฉันเองก็อยู่ที่เดิมนานๆไม่ได้หรอก…”
“แต่ทฤษฏีของนายนั่นก็มาจากความแข็งแกร่งของนายเองนะตามความคิดของฉันในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง นี่เป็นเหตุผลที่ดีที่สุดแล้วที่ต้องให้นายซ่อนความแข็งแกร่งของนายไว้ในที่ปลอดภัย ที่ที่ไม่มีใครรู้!”
ชูฉิงนั้นไม่เห็นด้วยกับคำพูดของหลินเฉิงมากๆ“และถึงแม้ว่านายจะแข็งแกร่งมากพอแล้ว ซอมบี้พวกนั้นกับพวกกองกำลังอื่นที่อยู่ด้านนอกต่างก็เหมือนมดที่ดันทุรังกันทั้งนั้น วันไหนถ้านายเกิดโดนล้อมด้วยพวกมันขึ้นมา วันนั้นนายจะไม่รอดเอานะ!”
ถึงแม้ว่าคำพูดของชูฉิงจะไม่ลื่นหูนักแต่หลินเฉิงก็รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่แฝงมาจากพวกนั้น เขามองถ้อยคำแปลกๆและตอบกลับไป “ขอร้องเหอะ ฉันไม่ใช่พวกปัญญาอ่อนซักหน่อย ถ้าฉันอิ่มดีฉันจะเข้าไปในเขตที่มีสัตว์ประหลาดเยอะๆเพื่อ? ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร แต่ฉันไม่ได้อยากอยู่ที่นี่จริงๆ เพราะงั้นเลิกพยายามชักจูงฉันได้แล้ว…”
“ฉันก็ไม่ได้จะชักจูงนาย!”
ดูเหมือนตัวเขาจะมีความหมายกับที่นี่อยู่เหมือนกันเมื่อหลินเฉิงยังคงยืนยันว่าจะออกไปจากฐานสมุทรสีครามนี่มันเลยทำให้ชูฉิงรู้สึกโกรธขึ้นมา ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือคู่หู หลินเฉิงก็ต้องเจอกับเงื่อนไขของเธอทั้งหมด สิ่งเดียวที่น่าเกลียดที่สุดสำหรับเขานั้นก็คือไม่แยแสผู้อื่นมากเกินไปและพร้อมที่จะพุ่งชนเอาเสียง่ายๆเมื่อร่วมมือกันแล้ว แต่ถึงกระนั้น ชูฉิงก็ยังคงคิดว่ามันไม่มีอะไรไม่ว่าจะแต่ก่อนหรือหลังจากนี้ เพราะมันเป็นเรื่องยากที่เธอจะได้เจอคนแบบหลินเฉิงอีกครั้ง
อย่งาไรก็ตามในเมื่อ”คนสนิท” ของเธอนั้นยังคงยืนกรานว่าจะออกไปจากฐานแห่งนี้ที่ซึ่งทำให้เธอยากที่จะยอมรับได้ ในฐานะเลขาของนายพบแห่งฐานสมุทรสีครามแล้ว เธอรู้ความลับมากมายมากกว่าคนทั่วไป และเธอสามารถรู้ถึงความวุ่นวายและอันตรายได้โดยธรรมชาติภายในฐานแห่งนี้ก่อนที่หลิงเฉิงจะมาเสียอีก!
ขณะที่เธอไม่สามารถหลับได้ในตอนกลางคืนเพราะกังวลเกี่ยวกับอนาคตของฐานสมุทครสีครามหลินเฉิงก็ปรากฏตัวขึ้นมา ไปพร้อมๆกับเขา ฝ่ายขวาของฐานสมุทรสีครามก็สามารถเปลี่ยนไปได้เพียงชั่วข้ามคืน และผู้ถือครองพลังใหม่ก็คือเหลียงเหล่า เจ้าพนักงานระดับสูงหนึ่งเดียวที่เธอไว้ใจที่สุดในฐานสมุทรสีครามนี้
ในเวลาเดียวกับที่เผ่ารัตติกาลที่ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับฐานสมุทรสีครามที่ตอนนี้ถูกปราบปรามโดยหลินเฉิง ถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไร หลังจากการเข้าพบของหลินเฉิง ตราบนานเท่านานที่ผู้คนภายในฐานสมุทรสีครามยังไม่ตาย เหล่าเผ่ารัตติกาลก็จะไม่กล้าที่จะแทรกซึมฐานนี้อีกครั้ง
————————————–