ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 50
ชายคนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับตัวกินคนพวกเขาต่างจ้องมองกันไปมาอย่างระมัดระวัง ตัวกินคนตัวนี้ดูเหมือนจะกลายพันธุ์อย่างแน่นอน มันสามารถอดทนเฝ้ามอง หลินเฉิง โดยไม่โจมตีได้ เมื่อได้จังหวะมันเริ่มพุ่งโจมตี หลินเฉิง ทันที ในที่สุดดูเหมือนว่ามันไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป หลินเฉิงยิ้มอย่าง เยาะเย้ยเขาถือมีดพร้อมที่จะแทงหัวของมัน
“โอ้วววววววว”อ่านนิยายกับไอรีน
ยังไม่ทันที่ หลินเฉิง จะแทงมีดลงไปที่หัวของมันตัวกินคนก็ส่งเสียงแหลม เสียงนั้นแทรกซึมเข้าไปในสมองของเขา มันทำให้รู้สึกราวกับมีมนุษย์หลายร้อยคนกรีดร้องใส่หูของเขาในเวลาเดียวกัน หลินเฉิง รู้สึกเวียนหัวจนแทบทนไม่ไหวในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าหน้าอกของเขากำลังจะถูกเจาะโดยตัวกินคน
เชี่ย!
ปัง!
หลินเฉิง รู้สึกเกลียดชังการถูกโจมตีในครั้งนี้แต่ในเวลานั้นเอง “เสียงครวญคราง”ที่ก้องอยู่ในหูของเขาก็หายไปมันทำให้สายตาของเขาสามารถมองเห็นตำแหน่งของตัวกินคนได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ตัวกินคนโจมตี หลินเฉิง 1 ครั้งมันกระโดดกลับไปยืนที่รถบัสและจ้องมอง หลินเฉิง พร้อมกับแสยะยิ้ม
การโจมตีด้วยคลื่นเสียงนั้นเป็นการกลายพันธุ์ที่แปลกประหลาด หลินเฉิง ขมวดคิ้วเขากำลังประมวลผลว่าควรทำอย่างไร แต่ในขณะนั้นเองตัวกินคนก็เริ่มโจมตีเขาอีกครั้งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้มีดปิดกั้นการโจมตีของมัน ทันใดนั้นก็มีเสียงก้องกังวานในหูของเขาอีกครั้ง!
“โอวววววว”
และทันทีที่เสียงก้องตะโกนนั้นหายไป หลินเฉิง ก็รู้สึกว่าท้องของเขาถูกโจมตีอีกครั้งโดยตัวกินคน ความเจ็บปวดทำให้ หลินเฉิง อยากจะตะโกนออกมา เขาพยายามกลิ้งตัวหลบอย่างรวดเร็วในขณะที่มองตัวกินคนกระโดดห่างออกไปอีกครั้ง
“ฉีก !”
หลินเฉิง ฉีกผ้าที่ข้อมือของเขาออกแล้วใช้เศษผ้า 2 ชิ้นยัดเข้าไปในรูหูของเขา แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าวิธีนี้จะใช้การได้หรือไม่แต่สถานการณ์ปัจจุบันของเขาจำเป็นจะต้องทดลองดู เพราะตัวกินคนกลายพันธุ์นี้ไม่ลังเลที่จะเริ่มโจมตีเขาอีกครั้ง! หลินเฉิง จ้องเขม่งตัวกินคนกลายพันธุ์นี้อย่างระมัดระวังเขาจับมีดของเขาไว้แน่นและตัดสินใจว่า ในขณะที่จิตใจของเขาถูกรบกวนด้วยคลื่นเสียงนั้นเขาตัดสินใจที่จะแทงมีดออกไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าตัวกินคนวิ่งเข้ามาด้านหน้าพร้อมกับคลื่นเสียงอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามันไม่รุนแรงเหมือนครั้งก่อนๆ หลินเฉิง แอบรู้สึกดีใจ เขาฟันมีดของเขาไปที่ลำคอของตัวกินคนอย่างไม่ลังเลและตัดศีรษะของมันทันที!
เมื่อมองเห็นหัวของตัวกินคนกระเด็นออกไป หลินเฉิง ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็นึกได้ว่าตัวเขานั้นได้รับบาดเจ็บ เขาสัมผัสที่หน้าอกและท้องของเขาที่ถูกโจมตีเขารู้สึกว่าความเจ็บปวดไม่รุนแรงมากนัก แต่เขาไม่คิดว่าการโจมตีของตัวกินคนนั้นจะอ่อนแอแต่เป็นเพราะเขานั้นสวมชุดป้องกันlv.1 ไว้ก่อนหน้านี้นั่นเอง…
“ หลินเฉิง! หลินเฉิง! นายเป็นยังไงบ้าง!”
ในขณะที่ หลินเฉิง พยายามเรียกระบบเมนูขึ้นมาตรวจสอบค่าพลังงานเขาก็เห็น มู่ หยิงเสวี่ย รีบวิ่งมาหาตัวเองและกระชากเสื้อผ้าของเขาเพื่อดูบาดแผล เมื่อเห็นว่าผู้หญิงโง่นี้ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของเขามันทำให้ หลินเฉิง ต้องขมวดคิ้ว
“ผมบอกคุณว่ายังไง?ที่นี่มันอันตรายแล้ว โคล่า ล่ะ?”
“โฮ่งโฮ่ง!”
เมื่อได้ยินเสียงของเจ้านายที่เรียก โคล่าก็ก้าวมาด้านหน้าข้างเท้าของ หลินเฉิง มันเห่า 2 ครั้งเพื่อแสดงให้ หลินเฉิง รู้ว่ามันเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน หลินเฉิง ดึงคอมันขึ้นมาแล้วพูด
“ฉันบอกแกว่ายังไง?แกปล่อยให้เธอออกมาจากรถดังนั้นแกต้องโดนงดอาหาร! เธอเองก็เหมือนกัน มู่ หยิงเสวี่ย เธอขัดคำสั่งผม ดังนั้นอย่าโทษว่าผมโหดร้ายในครั้งต่อไป!”
สถานการณ์รอบข้างในตอนนี้มีผู้บาดเจ็บเกือบ 50 คนและมีคนหมดสติไป 2 คน หลินเฉิง ไม่ได้สนใจผู้รอดชีวิตเหล่านี้เขาหันหลังเตรียมกลับไปที่รถของตัวเอง แต่เขาก็ถูกยึดโดย เต๋าไค่ ที่เดินเข้ามา
“ขอบคุณ!..ขอบคุณ!ถ้า หลินเฉิง มาไม่ทันเวลาเราคงสูญเสียมากกว่านี้!”
เต๋าไค่ มองไปที่รถบัสที่น้องไปด้วยเศษเลือดเนื้อ
เต๋าไค่ จับมือของ หลินเฉิง และอดไม่ได้ที่จะขอบคุณ หลินเฉิง ด้วยความเคารพ หลินเฉิง สะบัดมือออกเพื่อแสดงว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้จากนั้นพูดว่า
“คุณควรตรวจสอบการสูญเสียในครั้งนี้อย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกเหนื่อย!ผมจะกลับไปพักผ่อน”
หลังจากนั้น หลินเฉิง ก็จ้องมอง มู่ หยิงเสวี่ย และโคล่า ก่อนจะลากทั้งสองกลับไปยังรถ
แต่ เต๋าไค่ จะปล่อยให้ หลินเฉิง จากไปในเวลานี้ได้ยังไง
“ อย่าเพิ่ง พี่ชายหลิน มีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถจัดการกับตัวกินคนเหล่านี้ได้….อย่าเพิ่งไปอยู่ช่วยพวกเราก่อน!”
หลังจากถูกยึดด้วย เต๋าไค่ หลินเฉิง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่าอ่านนิยายกับไอรีน
“ผมบอกคุณให้เข้าใจตั้งแต่ออกเดินทางแล้วว่าผม เพียงเดินทางในถนนเส้นเดียวกับพวกคุณ ตัวกินคนเรานี้ถูกล่อให้ออกมาด้วยอาหารจำนวนมากกำลังเคลื่อนที่ ไม่มีใครรับประกันได้ว่ามันจะโจมตีมาจากทางไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพวกมันไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน ดังนั้นพวกคุณสามารถสู้กับพวกมันได้ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความกล้าของพวกคุณ”
เต๋าไค่ เงียบลงเขากำลังทำความเข้าใจกับคำพูดของ หลินเฉิง และกำลังใช้สมองคิดว่าจะเหนี่ยวรั้ง หลินเฉิง ไว้ได้อย่างไร ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องออกมาจากฝูงชนแล้วตะโกนว่า
“ นายควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ นายแข็งแกร่งกว่าทุกคนมันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือพวกเรา”
หลินเฉิง เหลือบมองผู้หญิงคนหนึ่งที่ตะโกนออกมา จากนั้นเขาพูดออกมาว่า
“เธอพูดว่าอะไรนะ เธอคิดว่าคนอย่างฉันเป็นผู้กอบกู้โลกหรือไง เวลานี้ฉันก็เป็นผู้รอดชีวิตเหมือนกับเธอ อย่าพูดจาหมาๆอีก ไม่อย่างนั้นฉันคิดว่าคอของเธอนั้นไม่ได้หนาไปกว่าคอของตัวกินคน!”
หลินเฉิง เหลือบมองกลุ่มผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ จากนั้นเขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปเขากลับไปที่รถพร้อมกลับ มู่ หยิงเสวี่ย และโคล่า
หลินเฉิง มองไปที่ มู่ หยิงเสวี่ย เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า
“ถ้าเธอต้องการจะพูดอะไรก็พูดออกมา ไม่อย่างนั้นคงอัดอั้นจนตาย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง มู่ หยิงเสวี่ย อ้าปาก ที่จะพูดบางอย่างแต่เธอก็หุบมันลงและตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่า มู่ หยิงเสวี่ย แสดงท่าทางแบบนี้แล้วจึงพูดขึ้นว่า
“เธอกำลังจะพูดว่าผมมันน่ารังเกียจใช่ไหม?”
มู่ หยิงเสวี่ย พยักหน้าเล็กน้อยและพูดอย่างรวดเร็วว่า
“ ฉัน..ฉันเข้าใจว่านายหมายถึงอะไรแต่ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับพวกเรา..นายไม่ควรพูดแบบนั้น”
หลินเฉิง ส่ายหัวอ่านนิยายกับไอรีน
“เธอยังไม่เคยสัมผัสกับความโหดร้ายของยุคภัยพิบัตินี้ มนุษย์จะแสดงสันดานเห็นแก่ตัวมากขึ้นเรื่อยๆเพียงแค่พวกเขาต้องการอยู่รอด พวกเขายอมแม้กระทั่งกำจัดคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีโอกาสรอดชีวิต!”