ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 503 ฉางเหวินซวนผู้ติดกับดัก
SC:บทที่503 ฉางเหวินซวนผู้ติดกับดัก
หลังจากที่พวกนั้นขึ้นบันไดไปแล้วหลินเฉิงก็พูดกับหลี่เหมิงเตี๋ยผู้ที่ซึ่งยังไม่ได้นั่งที่ใดในห้องนั่งเล่น “เธอกับเลขาชูรอที่นี่ซักครู่ แล้วฉันจะรีบกลับมา”
พูดเสร็จเขาก็มองเห็นว่าคนหนึ่งได้นังลงไปบนโซฟาแล้วนั่นคือชูฉิง แถมเธอยังเริ่มที่จะปลอกผลไม้เพื่อกิน เห็นดังนั้นเขาก็หัวเราะออกมาทันที “ฉันบอกว่าเธอไม่ต้องทำตัวเหมือนคนนอกก็ได้ แล้วนี่เธอทำอะไร? นี่บ้านฉันนะ!”
“ทำไมอ่ะ?ผลไม้นี่ไม่ได้เอาไว้ให้แขกกินเหรอ?”
พูดไม่ออกเลยเธอตอบโดยที่ตายังอยู่กับผลไม้นั่นด้วย “ถ้านายทุกข์ใจนักล่ะก็ ฉันจะให้ใครซักคนเอาผลไม้มาให้ใหม่ก็ได้นะพรุ่งนี้ หรือจะไปเอาเองที่ออฟฟิศ?” “เอาเถอะไม่ต้องรีบกินล่ะ”
เมื่อเห็นเธอที่ทำเหมือนกับที่นี่เป็นบ้านเธอเองจริงๆหลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้เธอจากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปยังห้องที่ฉางเหวินซวนถูกขังอยู่ในมุมๆหนึ่งแทนที่จะเอาเวลามาพูดอะไรไร้สาระ
“ครืน…”
หลังจากผลักอยู่ครู่หนึ่งประตูที่ถูกปิดไว้ด้วยน้ำแข็งจากด้านในก็ถูกเปิดออกโดยหลินเฉิง เขามองลงไปที่ชูฉิงและหลี่เหมิงเตี๋ยที่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟาก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้อง และเข้าไปในคุกน้ำแข็งต่อทันที
“นั่นใครน่ะ!?”
ทันทีที่ประตูแห่งนั้นถูกปิดหลินเฉิงก็ได้ยินเสียงของพื้นดินที่กำลังสั่นไหวดังมาจากมุมๆหนึ่ง
เขาส่ายหน้าช้าๆและมองไปยังห้องที่มืดสนิทนั้นมันมืดจนมองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเอง เขากดสวิตซ์ไฟและพบว่ามันใช้ไม่ได้แล้ว เขาทำได้แค่หยิบเอาไฟฉายออกมาคู่หนึ่งจากระบบแคปซูล เปิดมันและส่องเข้าไปยังมุมที่น่าสงสัยนั่นเลย!
ภายใต้แสงสว่างจากไฟฉายร่างที่หนาวสั่นของฉางเหวินซวนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลินเฉิง ในตอนนั้นเขากำลังสั่นหงึกๆอยู่ในผ้านวมผืนใหญ่บนเตียง โผล่แค่หัวออกมาด้านนอกเท่านั้น สายตาของเขาดูสับสนน้อยๆยามที่จ้องมายังหลินเฉิง!
“แก!แกต้องการอะไรน่ะ!”
หลังจากที่เห็นหลินเฉิงเข้ามาฉางเหวินซวนก็สั่นหนักกว่าเดิมอีก เขาถามด้วยเสียงที่หนาวเหน็บนั้น!
ได้ยินเช่นนั้นหลินเฉิงก็หัวเราะและเดินเข้าไปจัดการคราบน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตามใบหน้านั้นออกก่อนจะพูดขึ้น“เป็นยังไงบ้าง รองผู้บังคับบัญชาการ? อยู่ที่นี่สบายดีไหม?”
ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลินเฉิงเข้ามาฉางเหวินซวนก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนๆนี้ต้องมีหนทางที่จะเข้ามาในนี้ได้แน่ๆ ทางที่เตรียมเอาไว้แล้ว ในตอนนั้น ตอนที่เขาได้ยินอีกฝ่ายถามแบบเป็นห่วง เขาก็ส่ายหน้าและตอบไปอย่างกระชับ “โอเค”
“อย่ามาโกหกใครจะมาโอเคกับสถานที่แบบนี้กัน!”
ครั้นเมื่อฉางเหวินซวนมีน้ำแข็งเกาะอยู่ตามตัวจนเหมือนรูปปั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาลดการป้องกันลงแต่อย่างใด
หลินเฉิงส่ายหน้าและหัวเราะ“ฉันจะให้โอกาสนายได้ออกไปด้านนอกและทำตัวให้อุ่นขึ้น นายต้องการมันหรือเปล่าล่ะ?”
“อ่า…”
มองหลินเฉิงฉางเหวินซวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแบบฝืนๆและพูด “พูดออกมาว่าต้องการอะไร ฉันไม่คิดว่าฉันจะได้โอกาสที่จะได้ออกไปจากที่นี่แล้ว แต่ตราบใดก็ตามที่นายสัญญาว่าจะทำให้ฉันมีความสุข ฉันก็พอจะร่วมมือกับนายได้!”
เขาพูดในขณะที่ตัวเองกำลังสั่นเทาเมื่อฟังดีๆก็ได้ยินเสียงของโซ่กระทบกันดังมาจากภายในผ้านวมหนานั่นด้วย! ซึ่งก่อนหน้าที่หลินเฉิงจะนำเขาออกไป เพื่อป้องกันไม่ให้ฉางเหวินซวนทำลายข้าวของที่นี่ด้วยกำลังของเขา หลินเฉิงก็ได้สร้างโซ่น้ำแข็งขึ้นมาด้วย และพวกมันคอยรั้งตามข้อมือและข้อเท้าของฉางเหวินซวนกับกับพื้น ซึ่งตราบใดที่อุณหภูมิของคุกน้ำแข็งและโซ่น้ำแข็งนี้เข้ากันได้ การที่จะทำลายมันจำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างมากหากคิดจะทำอะไรในสภาวะแบบนี้!
“ฉลาดสมเป็นรองผู้บังคับบัญชาจริงๆ!”
เห็นฉางเหวินซวนที่สั่นไปทั้งตัวแต่สมองก็ยังแล่นฉิวอยู่นั้นหลินเฉิงก็อดที่จะชมไม่ได้ จากนั้นเขาก็เลิกพูดเรื่องไร้สาระและพูดสิ่งที่ต้องการไปตรงๆ “ฉันกับนายน่าจะรู้แล้วว่าเป้าหมายของเสี่ยวเตี๋ยคืออะไร แต่ตอนนี้ปัญหาคือเธอคนนั้นยังไม่รู้เรื่องนี้! ถึงแม้ว่าพี่ชายอย่างฉันไม่มีจุดประสงค์ที่จะทำลายความรักสุดแฟนตาซีของเธอได้ และถึงแม้ว่าไอ้คนรักสุดแฟนตาซีของเธอจะเป็นสัตว์ร้ายด้วยก็ตาม! มันน่าเสียดายที่นี่เป็นจุดจบของโลก ผู้คน ไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ ต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองดี นั่นคือทำยังไงก็ได้ให้อยู่รอดบนโลกใบนี้! เพราะงั้น ฉันหวังว่าเมื่อฉันมาถึงที่นี่ซักพัก นายจะบอกเธอได้ว่านายเข้าใกล้เป้าหมายอย่างเธอเพราะอะไร จำไว้ว่า เด็กสาวน่ะต้องได้รับการอธิบายให้เข้าใจแบบชัดเจน ถ้าเกิดฉันรู้สึกว่านายกำลังปกปิดหรือบิดเบือนล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่าต่อไปนี้อีกหมื่นปีนายได้เจ็บปวดมากกว่านี้แน่ เข้าใจนะ?”
หลังจากที่ได้ฟังวัตถุประสงค์ของหลินเฉิงอย่างรอบคอบแล้วสีหน้าของฉางเหวินซวนก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดเจ้าสิ่งนี้ขนาดไหน แต่ในท้ายสุด เขาก็ยอมพยักหน้าและยอมรับให้กับหลินเฉิง
ถึงแม้ว่าจะอึดอัดมากๆเกี่ยวกับการที่จะต้องอธิบายอะไรให้กับสาวผู้ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยหลอกมาแล้วแต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าจะต้องหลอกเธออีกต่อไป ถ้าให้เทียบกับที่นี่ตอนนี้ทุกวินาทีในคุกน้ำแข็งนั้นมันเหลือทนกว่ายิ่งนัก!
เขาไม่กลัวว่าจะพ่ายแพ้เพราะทักษะการต่อสู้ในสนามรบเลยแต่ที่เขารับไม่ได้ก็คือต้องมาติดกับดักในคุกน้ำแข็งนี่ ต้องพยายามรอดไปให้ได้ไม่ให้ตายเสียก่อน ไหนจะทั้งอุณหภูมิภายในนี้ที่ต่ำมากๆรวมไปถึงยังไม่ได้กินอะไรมากว่าครึ่งสัปดาห์แล้วอีก! เพียงแค่พูดคำ 1 คำมันก็ยากมากแล้วสำหรับเขา ชิงฆ่าตัวตายไปยังสบายซะกว่า หากเขาไม่ยอมตกลงที่จะทำล่ะก็ หลินเฉิงที่ดูอยู่นั้นคงต้องได้จัดชุดใหญ่ให้เขาแน่ และเขาก็จะต้องเป็นนักโทษในคุกน้ำแข็งที่มืดมิดที่ต่อไป!
เมื่อเห็นว่าฉางเหวินฉวนยอมแล้วหลินเฉิงก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบเอาช็อกโกแลตแท่งออกมาจากกระเป๋าและส่งให้ฉางเหวินฉวนก่อนจะพูด “เคี้ยวไอ้นี่ไป อย่างน้อยๆก็ช่วยฟื้นพลังกายได้บ้าง ถ้าหากนายทำดีล่ะก็ ฉันรับปากเลยว่าต่อให้นายตาย นายก็จะได้เป็นผีอย่างอิสระแน่นอน!” หลังจากที่เลิกพูดไร้สาระแล้วเขาก็เก็บไฟฉาย ลุกขึ้น เปิดประตูและเดินออกไปจากห้องนั้น
“หายไปทำอะไรมาตั้งนาน?”
ทันทีที่เขาปิดประตูหลินเฉิงก็ได้ยินเสียงชูฉิงตะโกนถามขึ้นมาจากห้องนั่งเล่นพร้อมกับมองขึ้นมาด้วย เขามองเธอกลับไปครู่หนึ่งก่อนจะสลับไปมองโต๊ะ ทั้งผลไม้และชาบนโต๊ะนั้นหมดเกลี้ยงแล้วโดยจอมเขมือบ 2 คนนั้น!
“นี่เป็นปลาทองกันหรือไงน่ะ…”
มองโต๊ะที่ไร้ซึ่งผลไม้และชาแล้วหลินเฉิงก็ส่ายหน้าแบบหมดคำพูด จากนั้นเขาที่ขี้เกียจจะจัดการกับอาหารก็โบกมือเรียกหลี่เหมิงเตี๋ยที่ซึ่งเพิ่งกินผลไม้ไปเหมือนกันและพูดขึ้น “อิ่มหรือยัง สาวน้อย? ถ้าอิ่มแล้วก็มากับฉันหน่อย”
“ให้ไปไหนอ่ะ?”
ได้ยินดังนั้นหลี่เหมิงเตี๋ยก็ยืนขึ้นแบบขี้เกียจก่อนจะถามหลังจากที่มองไปยังประตูด้านหลังหลินเฉิงแล้ว
คำถามของหลี่เหมิงเตี๋ยทำให้หลินเฉิงชี้ไปที่ประตูด้านหลังเขาและพูดขึ้น“มานี่”
จากนั้นเขาก็ถามไปยังชูฉิงที่กำลังพาดตัวยาวไปบนโซฟาที่ซึ่งดูๆแล้วเธอจะไม่ขึ้นมาข้างบนด้วย“เธอเพิ่งบอกว่าอยากรู้เองไม่ใช่เหรอ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเตี๋ย? ทำไมถึงเฉื่อยชาซะเล่า?”
“ไม่สนใจแล้ว”