ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 504 ความโกรธเกรี้ยวของหลี่เหมิงเตี๋ย
SC:บทที่504 ความโกรธเกรี้ยวของหลี่เหมิงเตี๋ย!
“เป็นพี่สาวที่ไร้ความอ่อนโยนจริงๆ”
จริงๆนี่ก็ไม่ใช่หน้าที่ที่เธอจะต้องมาทำตัวเป็นห่วงหรอกหลินเฉิงนั้นเงียบและเก็บเรื่องนี้ไว้ เขาขี้เกียจที่จะบ่นเธอเรื่องนี้ สายตาของเขากลับมามองที่หลี่เหมิงเตี๋ยที่กำลังขึ้นมาแทนก่อนจะเปิดประตูคุกน้ำแข็งให้เข้าไป
“อึ๋ย~ทำไมหนาวขนาดนี้เนี่ย!”
เพียงแค่เปิดประตูอากาศที่หนาวเย็นภายในก็แผ่ซ่านออกมาซึ่งนั่นทำให้หลี่เหมิงเตี๋ยถึงกับตัวสั่นเลย จากนั้นเธอก็รู้สึกว่าสายตาของเธอมองอะไรได้ไม่ชัดเสียเท่าไหร่ เธอหันกลับมาหาหลินเฉิงและถามด้วยความสงสัย “นี่หมายความว่ายังไงน่ะพี่ชาย? เกิดอะไรขึ้นในห้องนี้กันแน่?” เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มน้อยๆจากนั้นก็หยิบเอาไฟฉายจากในกระเป๋าและส่งให้เธอไป“เปิดไฟฉายแล้วเดินไปดูด้วยตัวเอง”
หลังจากนั้นเขาก็หันหน้ากลับไปดูชูฉิงและมันทำให้เขาพบว่า เธอนั้นกำลังแอบสังเกตสถานการณ์อยู่จากที่ๆนั่งด้านล่าง และเมื่อเธอรู้สึกได้ว่าหลินเฉิงมองเธอ เธอก็รีบหันไปมองทางอื่นทันที หลินเฉิงนั้นอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าก่อนจะค่อยๆดันให้หลี่เหมิงเตี๋ยเข้าไปด้านในพร้อมกับเดินตามเธอเข้าไปด้วยก่อนจะปิดประตูคุกน้ำแข็งนั้น
“แค่ก—”
ความรู้สึกของบรรยากาศภายในนี้มันค่อนข้างจะแปลกนิดหน่อยโดยเฉพาะห้องที่มืดสนิทนี้ อุณหภูมิของมันลดต่ำลงมากแถมเสียงก็เงียบเสียจนเกือบจะได้ยินเสียงเข็มตกแล้ว หลังจากที่ดึงแขนหลินเฉิงที่เดินตามหลังเอาไว้ หลี่เหมิงเตี๋ยก็ไม่สามารถทนกับความกลัวในจิตใจได้ และท้ายสุดเธอก็เปิดไฟฉายในมือ “เธออยู่นี่…”
ทันทีที่หลี่เหมิงเตี๋ยเปิดไฟฉายเสียงแหบพร่าก็ดังขึ้นมาจากมุมๆหนึ่ง ซึ่งนั้นทำให้ใบหน้าเล็กๆของหลี่เหมิงเตี๋ยสั่นจนเธอเกือบจะกรีดร้องออกมา!
“นี่มันทำให้คนกลัวจนตายได้ง่ายๆเลยนะ”
หลังจากที่ปลอบใจหลี่เหมิงเตี๋ยที่เข้ามากอดแขนตนไว้อันเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องกลัวเสร็จแล้วหลินเฉิงก็เปิดไฟฉายในมือเขาด้วย จากนั้นก็มองสิ่งที่อยู่ตรงมุมนั้นและพูดกับฉางเหวินฉวนผู้ที่อยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่พร้อมกับใบหน้าที่แข็งทื่อ
ถ้าเขาไม่ได้สนใจหลินเฉิงฉางเหวินชวงคงจะหันไปมองยังหลี่เหมิงเตี๋ยแทนแล้ว จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “ขอโทษที แต่ไหนๆเธอก็อยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะไม่ทำให้เสียเวลาละกัน มาเริ่มกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินเสียงชายที่คุ้นเคยจากด้านหลังหลี่เหมิงเตี๋ยก็รีบชะโงกหัวจากแขนของหลินเฉิงและมองไปยังมุมห้องตามที่ไฟฉายส่องอยู่เลย พลันเมื่อมองตาม เธอก็พบฉางเหวินฉวนที่กว่าจะนึกออกว่าเป็นใครก็ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งเลย ใบหน้าของเขาดูซูบผอมสุดๆจนจำหน้าแทบไม่ได้!
“พี่เหวินฉวน!?ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ทันทีที่พบว่าฉางเหวินฉวนที่อยู่มุมห้องนั้นดูซูบเซียวลงไปอย่างมากหลี่เหมิงเตี๋ยก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว เธอกระโดดออกจากแขนของหลินเฉงและตรงเข้าไปยังฉางเหวินฉวนด้วยสีหน้ากังวลทันที!
เกล็ดน้ำแข็งที่เกาะตามใบหน้าของฉางเหวินฉวนนั้นทำเอาหลี่เหมิงเตี๋ยรู้สึกเศร้ามากๆในเวลานั้นเธอไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา รองผู้บัญชาการแห่งฐานสมุทรสีครามที่อยู่ในจุงสูงสุด เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะตกต่ำจนมาอยู่ในจุดนี้ได้!
ยิ่งไปกว่านั้นไอ้ความรันทดนี่มันก็มากซะยิ่งกว่าที่เธอจะจินตนาการได้อีก หลังจากที่เธอสังเกตุได้ว่าฉางเหวินฉวนหลบสายตา หลี่เหมิงเตี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ เธอหันกลับไปและถามหลินเฉิงด้วยความเกรี้ยวกราด “พี่ชาย! นี่มันหมายความว่ายังไง!? ทำไมพี่ถึงทำกับพี่เหวินฉวนแบบนี้!?”
เมื่อโดนมองด้วยสายตารังเกียจจากหลี่เหมิงเตี๋ยหลินเฉิงก็เย้ยหยั่นและพูด “สำรวมกริยาท่าทางที่พูดกับพี่ชายของเธอให้ดีหน่อยก็ไม่เสียหายนะ แล้วก็ช่วยใช้สมองให้มากกว่านี้หน่อย อย่าเอาแต่เมินเฉยกับทุกอย่างเพียงเพราะเห็นคนรักของเธอกำลังเป็นทุกข์!”
พูดจบเขาก็มองไปยังฉางเหวินฉวนและพูดต่อ“เมื่อไหร่จะเริ่มซักที? นี่ฉันช่วยนายมานานแล้วนะ”
“ไม่…ไม่ต้องแล้ว”
ฉางเหวินฉวนที่ดูแข็งกระด้างนั้นแอบมองหลี่เหมิงเตี๋ยแล้วส่ายหน้าก่อนจะพูดด้วยเสียงเบา
เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นตั้งใจทำงานได้ดีหลินเฉิงก็ถอนหายใจ เขาเปิดประตูและพูดกับหลี่เหมิงเตี๋ย “ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังสับสนไปหมด และฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนี้ แต่เธอไม่จำเป็นต้องกังวล ถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นจนกว่ารองผู้บัญชาการจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังเสร็จ ฉันเป็นประกันเลยว่าหลังจากจบตรงนี้ ความสงสัยต่างๆในหัวใจเธอจะกระจ่าง สำหรับตอนนี้ เธออาจจะมองว่าฉันนั้นไร้สาระและดูเหมือนฉันจะไม่ได้ใส่ใจเธอซักเท่าไหร่ เพราะงั้นแล้วฉันจะออกไปก่อน แล้วจะกลับมาอีกทีตอนที่พวกเธอคุยกันเสร็จแล้ว ดังนั้น ฉันหวังว่าเธอจะเจอปัญหาของตัวเองนะ!”
จบเรื่องนี้เมื่อไหร่เขาก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ออกมาจากห้อง เขาก็ปิดประตูเสียงดังเลย
“ฮ่า…”
ยืนพิงกำแพงด้านนอกคุกน้ำแข็งหลินเฉิงหยิบเอาบุหรี่ออกมาสูบและสูดหายใจเข้าไปลึกๆหลังจากจุดบุหรี่แล้ว เขนแหงนหน้าขึ้นและพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวงอยู่หลายวง จากนั้นก็ยืนมองควันพวกนั้นลอยขึ้นไปในอากาศ
“เป็นอะไร?ดูสีหน้านายสิ เจอเรื่องยากเข้าให้หรือไง?”
ชูฉิงที่เห็นหลินเฉิงดูจะยุ่งเหยิงเธอที่นั่งอยู่บนโซฟาและค่อยๆย่อยผลไม้ในกระเพาะไปพลางๆรู้สึกได้ดีว่าสีหน้านั้นดูไม่ปกติ เธอเลยเอ่ยถามออกไป
ครั้นได้ยินเสียงเอ่ยถามของชูฉิงหลินเฉิงก็เหลือบมองเธอแต่ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากนั้นเขายังค่อยๆสูบบุหรี่ต่อเรื่อยๆอีก
ท่าทีที่ไม่สนใจเธอนั้นตัวชูฉิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เธอหยิบเอาองุ่นออกมาและโยนมันเข้าปาก “ฉางเหวินฉวนอยู่ในห้องเหรอ?”
“ใช่มั้ย?”
คำถามของชูฉิงนั้นทำเอาอารมร์ของเขาดีขึ้นมาเลยหลินเฉิงขมวดคิ้วแล้วถามกลับ “รู้ได้ยังไง?”
พอหลินเฉิงถามแบบนั้นชูฉิงก็ยักไหล่เบาๆ “ง่ายมาก ด้วยบุคลิกขี้เกียจอย่างนายถ้านายไม่มีเรื่องสำคัญนายคงไม่เรียกเสี่ยวเตี๋ยมาเวลามืดแบบนี้ บวกกับ นายแล้วก็เสี่ยวเตี๋ยดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ไม่มีความสุขอยู่ ก่อนหน้านี้ก็เพราะฉางเหวินฉวน ตั้งแต่ที่นายจับฉางเหวินฉวนได้ ก็ไม่มีใครเห็นว่าเจ้านั่นถูกฆ่า ก็แค่หายไปเฉยๆ พอคิดถึงเรื่องนี้ ฉันก็พอจะเดาออก สิ่งที่นายเรียกว่า ของขวัญชิ้นใหญ่ ที่จะให้เสี่ยวเตี๋ยน่ะ ก็คือฉางเหวินฉวนสินะ”
“เพราะฉลาดแบบนี้ไงถึงไม่ได้แต่งงานซักที”
การคาดเดาของชูฉิงนั้นยังคงทำให้หลินเฉิงประหลาดใจเหมือนเดิมเขาส่ายหน้าและคิดว่า ต่อหน้าเธอคนนี้ เขาคงจะไม่สามารถมีความลับอะไรได้ แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่การกระทำอย่างอื่นคงต้องทิ้งเบาะแสจนเธอเดาได้อยู่ดี นี่มันคือความน่ากลัวของความฉลาดสินะ!
แต่กระนั้นชูฉิงก็ไม่ได้ว่าอะไรในสิ่งที่หลินเฉิงทำ “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ยังไงก็ตาม โลกใบนี้ก็เหมือนผีนั่นแหละ ฉันไม่เคยคิดจะแต่งงานอยู่แล้ว มันก็ดีแหละ แต่ฉันไม่ได้ต้องการขนาดนั้น”
“ความคิดเธอชัดเจนดีนี่”
มองหน้าของเธอแล้วเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้“ในเมื่อเธอรู้แล้วว่าฉันจะเรียกเสี่ยวเตี๋ยมาทำไม แล้วไหงถึงยังตามมาอยู่ล่ะ?”
“คิดอะไรอยู่?”