ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 506 ขั้นที่ 3 ของความน่ากลัว
SC:บทที่506 ขั้นที่ 3 ของความน่ากลัว!
“เธอไม่รู้เหรอ?!”
เมื่อเห็นชูฉิงทำหน้าช็อคขนาดนั้นหลินเฉิงเองก็ตกใจเหมือนกัน “ตอนที่ฐานสมุทรสีครามจะติดต่อกับหยานจิง พวกนั้นไม่ได้บอกเธอเกี่ยวกับข้อมูลพวกนี้เหรอ?”
“ไม่…”
เธอส่ายหน้าช้าๆในตอนนี้ชูฉิงรู้สึกกลัวไปหมด จากเรื่องที่หลินเฉิงพูดออกมา มันทำให้เธอได้รู้ว่า พวกซอมบี้สามารถพัฒนาไปเป็นเหล่าตัวกินคนได้ หยานจิงเองก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เธอกลับไม่รู้ว่าทำไม เพราะถึงจะมีการติดต่อกันมากมาย แต่หยางจิงกลับไม่เคยบอกเธอเรื่องนี้เลย!!
“บางทีพวกนั้นอาจจะไม่ได้คิดมากเรื่องนี้”
ชูฉิงเริ่มจะรู้สึกถึงอะไรที่ผิดไปแล้วหลินเฉิงเองก็ส่ายหัวช้าๆ “เธอควรจะเข้าใจก่อนว่า ไม่ว่าพวกตัวกินคนจะมาจากอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่เธอต้องรู้ก็คือ พวกมันเป็นศัตรูกับพวกเรา ณ ตอนนี้ ถึงแม้บางจำพวกจะคล้ายกับมนุษยชาติขนาดไหนก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้มีความเมตตากับการติดต่อนิดๆหน่อยๆนี่หรอกนะ!”
“บางที…”
ได้ฟังการวิเคราะห์ของหลินเฉิงชูฉิงก็ยังคงสับสนแต่ก็พยักหน้ารับช้าๆซึ่งดูเหมือนเธอจะเข้าใจ
หลังจากที่เงียบกันไปพักใหญ่ชูฉิงก็นึกได้ว่าเรื่องที่หลินเฉิงพูดนั้นยังไม่จบ เพราะงั้นเธอเลยขอให้พูดต่อ “จะว่าไปแล้ว นายยังไม่ได้บอกเลยนะว่าพวกขั้นที่ 3 จะเป็นแบบไหน”
หลินเฉิงนั่งฟังคนข้างๆถามพร้อมๆกับฟังการเคลื่อนไหวรอบๆไปด้วยเมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรเคลื่อนไหวอยู่จึงพูดต่อ “ในความจริง แม้แต่ฉันก็ยังอยู่ในช่วงการวิเคราะห์เรื่องนี้อยู่ ขั้นที่ 3 เนี่ย…” “ถึงแม้ว่าพวกตัวกินคนทั้ง2 ขั้นนั้นจะเขี้ยวลากดินขนาดไหน แต่มนุษย์ที่ความสามารถนั้นตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังพอจะรับมือไหวแต่สำหรับพวกขั้นที่ 3 พวกมันก้าวข้ามพวกนี้ไปเยอะมากๆ ในขั้นนี้ สัตว์ประหลาดเหล่านี้มีความแข็งแกร่งและพลังในแบบที่ไม่เคยมีใครพบเจอมาก่อน นี่ไม่ได้โม้นะ มันสามารถทำให้ฐานสมุทรสีครามนี่จมลงไปได้เพียงใช้คลื่นอัดกระแทกเท่านั้น! ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งของพวกตัวกินคนที่เข้าระดับ 3 เท่านั้นนะที่สุดยอด เพราะแม้แต่สัตว์อสูรที่ย่างเข้าสู่ขั้นที่ 3 เองก็สามารถพิชิตฟ้าได้เช่นกัน! ก่อนที่ฉันจะมาที่เซียงโจว ฉันเจอสัตว์อสูรยักษ์ขั้นที่ 3 ที่ทะเล โชคดี ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนของฉัน ฉันอาจจะโดนกินไปโดยเจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นไปตั้งนานแล้วก็ได้ กินแบบไม่เหลือซากเลยนะ…”
“สัตว์อสูรตัวยักษ์!”
ชูฉิงนั้นยิ่งได้ฟังเธอก็ยิ่งช็อคและเมื่อถึงจุดๆหนึ่งเธอก็เผลออุทานออกมาเสียงดัง! สีหน้าของเธอดูเหมือนจะไม่เชื่อเลย
ด้วยรอยยิ้มแปลกๆของหลินเฉิงเขากลับมาซีเรียสเหมือนเดิม “ฉันสามารถยืนยันกับเธอได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง! บางทีก่อนที่มันจะวิวัฒนาการ มันอาจจะเป็นเพียงงูทะเลยักษ์ก็ได้ แต่ยึดตามสถานการณ์ปัจจุบันที่ฉันเจอ ณ ตอนนั้น พวกมันกลายเป็นสัตว์อสูรตัวยักษ์ไปแล้ว ไหนจะทั้งสามารถเรียกลมเรียกฝนมาโจมตีได้สารพัด สิ่งที่เราเคยคิดว่าเป็นตำนาน มันไม่ใช่ตำนานอีกต่อไป!”
“ฮู่…”
“ฮู่…”
หลังจากที่ได้รับความจริงที่ซึ่งหาที่เปรียบไม่ได้จากหลินเฉิงชูฉิงก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากเพื่อหายใจระลอกใหญ่ เธอจินตนาการไม่ออกด้วยซ้ำถึงฉากที่หลินเฉิงต้องไปเจอมา นั่นก็เพราะเธอไม่เคยออกไปจากประตูฐานเพื่อไปดูโลกที่กำลังล่มสลายเลย! ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังไม่สามารถเชื่อได้อีกว่า เหล่าสัตว์ในตำนานทั้งหลายจะมามีชีวิตอยู่บนโลกนี้จริงๆ แถมยังมาไล่ฆ่าผู้คนต่อหน้าเธอด้วย!
“มันยากที่จะยอมรับใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อเห็นชูฉิงที่นั่งแข็งทื่ออยู่บนโซฟาหลินเฉิงก็ยิ้มและพ่นควันบุหรี่ออกมา “จริงๆแล้ว ก่อนจะได้เจอกับสัตว์ประหลาดพวกนั้น ฉันเองก็ไม่เชื่อเหมือนว่าหลังจากที่มนุษยชาติจะหนีตายออกมาไม่กี่เดือน พวกสัตว์ประหลาดที่เหยียบย่ำบ้านของพวกเราจนกลายเป็นฝุ่นจะวิวัฒนาการตนเองได้ไกลเกินกว่าที่ฉันคาดไว้ขนาดนี้ ภายใต้การล้อมกรอบของสัตว์ประหลาดพวกนี้มันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้วไหนจะความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้อีก แบบนี้แล้วเธอยังคิดว่าฉันเข้มงวดกับเสี่ยวเตี๋ยมากเกินไปอีกมั้ย?”
“โอเค…”
พอได้ยินแบบนั้นชูฉิงก็ยิ้มฝืนๆแล้วพูด “ถ้าเรื่องที่นายพูดจนถึงตอนนี้ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงเลี้ยงดูเสี่ยวเตี๋ยแบบนี้ แต่ยังไงก็แล้วแต่ ในประโยคที่ฉันพูดไว้ตอนต้น ถ้าเรื่องที่นายพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง นั่นหมายถึงมนุษยชาติไม่มีความหวังแล้วไม่ใช่หรือไง? ตราบใดก็ตามที่เรายังคงอยู่อย่างสงบสุขแบบนี้มันก็เหมือนเราเฝ้ารอวันตายไปเรื่อยๆ?”
“ฉันไม่ได้สนใจที่จะรอจนเธอตายหรอกนะ”
คำพูดของชูฉิงนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังหลินเฉิงก็โบกมืออย่างรังเกียจ “ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้น พอเข้าขั้นที่ 3 แล้วจะแข็งแกร่งจนทำให้คนทั่วๆไปสิ้นหวังขนาดไหน แต่ตราบใดที่เรายังเป็นปึกแผ่นกันอยู่ พวกมันก็กำจัดเราไม่ได้หรอก! สิ่งที่สำคัญที่สุดจากการสังเกตของฉัน นั่นคือสัตว์ประหลาดที่สามารถวิวัฒนาการเป็นขั้นที่ 3 ได้นั้นยังหายากอยู่ ส่วนพวกซอมบี้ที่สามารถกลายพันธุ์ได้ก็ยังอยู่ได้แค่ขั้นที่ 2 ตราบใดที่เธอยังใช้สมองของเธออยู่ เธอก็น่าจะคิดได้แล้วนะว่าถ้าพวกมันทั้งหมดเป็นขั้นที่ 3 ไปแล้ว เราจะมีชีวิตมานั่งเถียงกันอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”
ฟังคำของหลินเฉิงชูฉิงก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอนั้นก็ยังคงมองโลกในแง่ร้ายและกังวลเกี่ยวกับอนาคตของมวลมนุษยชาติอยู่ดี หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวพวกนี้จากหลินเฉิง “นายมองโลกในแง่ดีมากไปแล้ว ไม่เคยคิดหรือไงว่าความเร็วของการวิวัฒนาการของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ บางทีขั้นที่ 3 ของพวกมัน อาจจะอยู่ไม่ไกลแล้วก็ได้? แล้วหลังจากนี้จะไปทำอะไรต่อ?”
เขานั้นพูดอะไรไม่ออกแต่จริงๆก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบบนั้น “สัตว์ประหลาดพวกนี้อยู่ในช่วงกำลังวิวัฒนาการ แล้วมนุษยชาติไม่คิดจะวิวัฒนาการบ้างเหรอ? ถึงความเร็วจะได้ไม่เท่าแต่ตราบใดที่เรายังมีความหวังและวางภาพจำที่ไร้ประโยชน์ไว้ข้างหลังเพื่อสู้กับสัตว์ประหลาดพวกนั้นอย่างกล้าหาญ แม้ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นโศกนาฏกรรม มันก็ยังดีกว่านั่งเหมือนหมูและรอวันถูกทำลายโดยสัตว์ประหลาดพวกนั้นเป็นไหนๆ!”
“เดี๋ยวนะทำไมฉันรู้สึกว่า ทุกครั้งที่ฉันพยายามจะเถียงนายแบบจริงๆจังๆ ทำไมนายถึงมีเหตุมีผลเหนือกว่าฉันตลอดเลย?”
ได้ยินคำพูดของหลินเฉิงชูฉิงก็รู้สึกช่วยไม่ได้ แต่ใจของเธอนั้นยอมรับในคำพูดของเขา ถึงแม้ว่าโลกนี้จะอันตรายและสัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะเกิดขึ้นมาเต็มไปหมด แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะยอมแพ้ สิ่งที่ควรทำจริงๆก็คือเราต้องรวมกันเป็นปึกแผ่นให้มากขึ้น เพื่อปกป้องบ้านของพวกเราจากสัตว์ประหลาดพวกนั้น!
หลังจากที่เหวี่ยงเรื่องเบ็ดเตล็ดในหัวทิ้งไปแล้วชูฉิงก็มองไปยังประตูของคุกน้ำแข็งที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็ถามหลินเฉิงขึ้นมาทันที “นี่ นานแล้วนะ นายยังไม่ไปดูเสี่ยวเตี๋ยอีกเหรอ?”
พอชูฉิงเตือนหลินเฉิงก็นึกขึ้นได้ว่าหลี่หมิงเตี๋ยอยู่ในคุกน้ำแข็งนั้นมานานแล้ว เขารีบลุกขึ้นมาและเดินไปยังประตูนั้นเลย บานประตูถูกเปิดออกและเขาก็เห็นหลี่เหมิงเตี๋ยนั่งอยู่ใกล้ๆ โดยที่ไม่ได้ตอบสนองอะไรทั้งสิ้นแม้ว่าหลินเฉิงจะเปิดประตูเข้ามา