ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 508 ชอบที่นี่ไหม
SC:บทที่508 ชอบที่นี่ไหม?
ได้ยินดังนั้นหลี่เหมิงเตี๋ยผู้ที่กำลังเดินช้าๆกลับบ้านอยู่ก็หยุดขึ้นมาทันที เธอไม่ได้หันหน้ากลับมามองและเริ่มเดินกลับบ้านต่อไปเลย
เพราะมันเป็นทางที่ไม่คุ้นเคยและหลี่เหมิงเตี๋ยก็ไม่มีอะไรให้ทำด้วย ชูฉิงเองก็แยกตัวไปแล้วเพราะว่าเธอเพิ่งโดนปฏิเสธจากหลินเฉิงมาก่อน เธอไม่ได้แม้แต่จะกล่าวลาเขาก่อนจะออกมาด้วยซ้ำ
หลังจากที่พวกเขาค่อยๆหายกันไปแล้วหลินเฉิงก็หรี่ตามองและคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ส่ายหน้าช้าๆและหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป
เขากลับมายังห้องนั่งเล่นหลินเฉิงรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าขึ้นมา มันมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวันนี้
“พวกเขาไปหมดแล้วเหรอพี่หลิน?” เพียงแค่นั่งลงไปบนโซฟาหลินเฉิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าลงมาจากด้านบน เมื่อหันไปก็พบว่าหยูซานในชุดนอนกำลังเดินลงมาพร้อมกับแก้วชาร้อน
“อืมกลับบ้านไปหมดแล้ว แล้วทำไมเธอยังไม่นอนเนี่ย?”
หลังจากที่ได้ชาร้อนมาจากหยูซานหลินเฉิงก็จิบทีละนิดและถามออกไป
ได้ยินคำถามหยูซานก็ยิ้มออกมาและพูดขึ้น“พี่หลินกำลังยุ่งอยู่ข้างล่าง จะให้ฉันหลับได้ยังไง…”
“ยัยบ๊อง…”
หยูซานในแบบที่ดูสบายๆตานี้แม้เขาจะเหนื่อยขนาดไหน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ “ทุกอย่างจบลงแล้วไม่ใช่เหรอ? ปล่อยฉันไว้นี่แหละ ส่วนเธอก็ไปนอนซะ ฉันมีบางอย่างจะบอกเธอหลังจากที่ตื่นแล้วน่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นพี่หลิน?ฉันยังไม่นอน ทำไมพี่ไม่บอกตอนนี้!” พอได้ยินหลินเฉิงพูดว่ามีอะไรจะบอกพรุ่งนี้หยูซานก็ตาเป็นประกาย เธอนั่งไขว้ขาบนโซฟาและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เด็กสาวพลังงานล้นนี่ทำเอาหลินเฉิงต้องโบกมือไล่แบบหมดคำพูดเลย“ช่วยกรุณาไปนอนด้วย ถึงเธอจะยังไม่ง่วง แต่เธอควรจะพิจารณาด้วยว่าฉันจะนอนหรือเปล่า? มันมีหลายอย่างเกิดขึ้นวันนี้และมันยากที่จะถ่างตาไปมากกว่านี้แล้ว! สิ่งที่เธอทำได้ คือการวิ่งขึ้นไปนอนตอนนี้หรือไม่ก็นั่งรอตรงนี้จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้!”
“โอเคโอเค ไปก็ได้!”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงนั้นเหนื่อยจริงๆหยูซานก็พยักหน้าและเลิกถามก่อนจะกระโดดออกจากโซฟาและวิ่งขึ้นชั้นสองไปเลย
“ฟู่…ผู้หญิงนี่นะ…”
ฟังเสียงฝีเท้าที่วิ่งขึ้นด้านบนมันไม่ง่ายเลยที่เขาจะไม่หยิบบุหรี่มาจุดสูบพร้อมกับสูดหายใจเข้าไปลึกๆ บ่นเกี่ยวกับสิ่งนี้นิดหน่อยก่อนจะค่อยๆหลับตาลงและดื่มด่ำกับบุหรี่มวนนั้นช้าๆ
…
*กรู้วววววกรู้ววววว*
วันต่อมาเที่ยง
ด้วยแสงแดดที่แพรวพราวที่ส่องเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นจากหน้าต่างหลินเฉิงที่นอนอยู่บนโซฟาตลอดทั้งคืนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เหมือนนกที่ออกมาหาหนอนกินตอนเช้า เขาบ่นงึมงัมอยู่หลายคำโดยที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไร จากนั้นจู่ๆเขาก็ต้องลุกขึ้นมานั่งเพราะเสียงเหล็กกระทบกันเสียงดัง
“อ่า…ฉันล่ะเบื่อจริงๆเลย”
เขาลูบแก้มหนักๆก่อนจะค่อยๆเปิดตามองและสแกนห้องนั่งเล่นที่เขานอนอยู่นี้เป็นอันดับแรกจากนั้นก็ได้ยินเสียงซู่ซ่ามาจากทางห้องครัว
“กี่โมงแล้วหยูซาน?”
หลังจากที่ส่ายหน้าเบาๆเพื่อจัดการความคิดหลินเฉิงก็หยิบชาเย็นจากบนโต๊ะมาดื่มจนหมด จากนั้นก็ถามหยูซานผู้ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวเสียงดัง
“ตื่นแล้วเหรอพี่หลิน?”
พอได้ยินคำถามหยูซานก็รีบโผล่หัวมาจากครัวและมองมายังหลินเฉิงที่ในท้ายสุดก็ตื่นขึ้นมาแล้วเลยก่อนจะรีบตอบไป“นี่เที่ยงแล้ว! พี่หลินไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิ มื้อเที่ยงกำลังจะเสร็จแล้วล่ะ!”
พูดจบเธอก็กลับเข้าไปยังครัวและทำงานของเธอต่อ
“นี่พี่หลับจนถึงเที่ยงเลยเหรอ?ดูเหมือนว่าเมื่อวานพี่จะเหนื่อยมากๆเลยสินะ ถ้ายังไงฉันอาจจะทำช้าไปหน่อย…”
ได้ยินหยูซานตอบหลินเฉิงก็บ่นมุบมิบว่าตัวเขานั้นไม่ได้หลับยาวขนาดนี้มานานมากแล้วตั้งแต่วันสิ้นโลกมาถึงถึงแม้ว่าจะเหนื่อยจากการต่อสู้วันก่อน เขาก็ยังต้องตื่น 8 โมง 9 โมงในวันถัดไปอยู่ดี หลังจากที่ส่ายหัวไปแล้วหลินเฉิงก็ลุกขึ้นจากโซฟาและบิดคอไปมาเพราะนอนในท่าที่ไม่ดีนัก จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องน้ำและรีบล้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“โฮ่ง!”
“ป้ะ!ป้ะ!”
ขณะที่กำลังแปลงฟันอย่างขี้เกียจหลินเฉิงก็ได้ยินเสียงร้องของโคล่าและเทียนซือเข้ามาจากข้างนอก เขาผลักประตูห้องน้ำออกไปและมองไปยังห้องนั่งเล่น และเขาหวังว่าไอ้สองโง่นี่จะไม่ฟัดกันอีกรอบนะ…
“จะไม่มีใครได้กินข้าวเที่ยงทั้งนั้นถ้าพวกแกสองตัวยังไม่เลิกกัดกัน!”
เขาขมวดคิ้วพร้อมกับดุเจ้าสองตัวนั้นหลังจากที่ทั้งสองแยกย้ายกันไปแล้วหลินเฉิงก็กลับไปยังห้องน้ำและแปรงฟันต่อจนเสร็จ
ระหว่างที่แปรงฟันอยู่หลินเฉิงก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “บ้าเอ้ย~! ชีวิตมันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ? ถึงไอ้พวกโง่นั่นจะไม่มีอะไรทำก็จริง แต่ก็ไม่ต้องกัดกันทุกวันก็ได้มั้ย?”
ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกว่าการอยู่ในฐานแบบนี้ นอกจากตัวเขาเองแล้ว ไอ้สองสัตว์เลี้ยงที่มี “ร่างพิเศษ” อย่างโคล่าและเทียนซือก็ดูเหมือนจะถูกพวกทหารเมินเฉยด้วย หลินเฉิงนั้นไม่กล้าอู้นานกว่านี้แล้ว เขาพ่นยาสีฟันออกอย่างรวดเร็ว ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดจากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำเลย
“พี่หลินอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ?งั้นก็มากินเลย!”
เมื่อหลินเฉิงออกมาหยูซานผู้ที่กินข้าวเสร็จแล้วก็พูดกับเขาราวกับเธอกำลังจะเตรียมโต๊ะสำหรับมื้อเย็นแล้ว
หลินเฉิงนั้นแค่พยักหน้าเบาๆก่อนจะหยิบตะเกียบมาจากหยูซานและเริ่มกินอาหารเข้าไป
“อ้าพี่หลิน เมื่อคืนพี่บอกว่ามีอะไรจะบอกฉันนี่? จะบอกอะไรฉันเหรอ?”
เห็นหลินเฉิงหยิบตะเกียบและก้มหน้าก้มตากินเธอก็คิดว่าเขาน่าจะลืมเรื่องเมื่อคืนไปหมดแล้วหลังจากรออยู่นานหยูซานก็เห็นว่าอาหารบนโต๊ะถูกจัดการเรียบโดยหลินเฉิงเพียงคนเดียว เธอทำได้แค่ถามเผื่อมีอะไรให้ช่วยเท่านั้น
ได้ยินหยูซานถามมือขวาที่ถือผักอยู่ก็รีบยัดเข้าปากก่อนจะถอนหายใจ เขาวางตะเกียบลงและปิดมื้อเที่ยงนั้นด้วยการหยิบบุหรี่มาจุดสูบ ในขณะที่กำลังพ่นควันอยู่ เขาก็ถามขึ้นมา “ฉันขอถามอะไรเธอก่อนได้ไหม?”
“มีอะไรเหรอ?”
คำพูดของหลินเฉิงนั้นทำหยูซานใจตกลงไปอยู่ตาตุ่มด้วยเหตุผลบางอย่างก่อนจะพยักหน้า
รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของหยูซานอย่างเปิดเผยหลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอพลางคิดไปด้วย เธอจะคิดไหมว่าวันหนึ่งจะโตมาได้ถึงระดับนี้
อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะเข้าใจได้ว่าเธอเองก็น่าจะรู้ตัวเรื่องนี้ แต่หลินเฉิงก็ตัดสินใจแล้ว เขาปัดควันในอากาศออกและพูดขึ้น “ฉันหวังว่าเธอจะพูดความจริงนะ เธอสุขสบายดีกับการอาศัยอยู่ ณ ฐานแห่งนี้หรือเปล่า? ชอบที่จะมีชีวิตอยู่ที่นี่มั้ย?”
“ฉันไม่ชอบมัน!มันไม่เห็นสบายตรงไหนเลย!”
ได้ยินแบบนั้นเธอแทบจะไม่ต้องคิดเลยเพราะงั้นจึงตอบปฏิเสธไปทันที!