ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 52
หลินเฉิง นำไฟฉายออกมาจากแคปซูลเก็บของและลาดตระเวนอยู่ในโรงงานที่ชำรุดทรุดโทรม บางครั้งมีหิมะตกลงมาจากหลังคาและกระเด็นไปทั่ว บางครั้งมีเสียงหยดน้ำดังก้องในโรงงานทำให้ดูรกร้างอ้างว้างมากยิ่งขึ้น
ในที่สุดหลินเฉิงก็พยายามตรวจโรงงานทั้งหลังและพบว่าไม่มีอะไรน่าสงสัย ไม่มีอันตรายซ่อนเร้นเช่นซอมบี้หรือตัวกินคน ดูเหมือนว่า มู่หยิงเสวี่ย จะพูดถูก นี่เป็นโรงงานเหล็กที่ถูกทอดทิ้งจริงๆ
อย่างไรก็ตามขนาดโรงงานเหล็กนี้ไม่ใหญ่เกินไป แต่สถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงโรงงานเหล็กที่เดียว หลินเฉิง วางแผนที่จะนำ โคล่า ออกสำรวจหลังจากทานอาหารเย็น แม้ว่าจะมีผู้คนตรวจเวรยามมากมายแต่ หลินเฉิง ก็ไม่มั่นใจ และถึงแม้ว่าโคล่าจะซื่อบื้อแต่มันก็อ่อนไหวต่อกลิ่นของตัวกินคน
ผู้รอดชีวิตที่ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการเดินทางในที่สุดก็เงียบสงบลง ตอนนี้พวกเขารวมตัวกันที่อาคารโรงงานที่ หลินเฉิง สำรวจแล้ว จากนั้นเขาจุดไฟกองใหญ่เพื่อให้ความอบอุ่น และทําอาหารด้วยหม้อขนาดใหญ่อ่านนิยายกับไอรีน
ผู้รอดชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บจากรถบัสหมายเลข 2 ในตอนนี้พวกเขากำลังได้รับการรักษาโดยแพทย์ของทีม พวกเขาทั้งหมดยังคงเป็นที่หวาดกลัวต่อฝูงชน แม้ว่าการบาดเจ็บของพวกเขาจะรุนแรงแต่ทั้งหมดล้วนบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและไม่ได้เกิดบาดแผลจากตัวกินคน
หลินเฉิง นั่งอยู่ที่มุมกำแพงมีกองไฟอยู่ตรงหน้าเขา บนกองไฟมีไม้ย่างไส้กรอกอยู่ด้านบน โคล่ากำลังเดินวนไปวนมารอบกองไฟ เพื่อรอคอยไส้กรอก
หลังจากเห็นพฤติกรรมของ หลินเฉิง ที่ตอบรับหญิงสาวในตอนเย็น ผู้หญิงในขบวนผู้รอดชีวิตหยุดคิดหา จะใช้ร่างกายแลกเปลี่ยนกับ หลินเฉิง พวกเขาต่างเฝ้ามอง หลินเฉิง เผชิญความเหน็บหนาวและไม่กล้ามารบกวนเขา
มู่หยิงเสวี่ย มาเรียก หลินเฉิง หลายครั้งว่าผู้นำหลายคนต้องการประชุมแต่ หลินเฉิง ก็ปฏิเสธทุกครั้ง ดังนั้นเธอจึงไปเรียก ฉีรุย มาแทน ทั้งสองคนยังคงประชุมอยู่และไม่รู้ว่าประชุมเรื่องอะไร
หลังจากที่แบ่งไส้กรอกครึ่งหนึ่งให้กับโคล่า หลินเฉิง ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเรียกโคล่าเตรียมพร้อมที่จะลาดตระเวนไปยังอาคารโรงงานอื่น
เมื่อออกมาด้านนอกอาคารสายลมเย็นพัดผ่านร่างกายของ หลินเฉิง เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความหนาวแม้ว่าเขาจะใส่ชุดป้องกันไว้ภายใน แต่ดูเหมือนโคล่าไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อย มันยังคงกระโดดไปมาอย่างมีความสุขซึ่งทำให้ หลินเฉิง สงสัยว่าอาจเป็นเพราะความสามารถของแคปซูลเสริมสร้างร่างกายที่เขาให้มันกิน
หลินเฉิง เตรียมไฟฉายและเดินไปที่โรงงานด้านซ้าย อย่างไรก็ตามเขาเดินผ่านหิมะหนาไปยังรถของเขา หลินเฉิง ต้องหยุดกะทันหันเพราะเขาสังเกตเห็นว่ามีลำแสงไฟฉาย 2- 3 ดวงวนเวียนอยู่ที่รถของเขา
เมื่อเห็นดังนั้น หลินเฉิง ขมวดคิ้วทันทีเขารีบไปยังรถของเขา ดูเหมือนว่าเจ้าของไฟฉายก่อนหน้านี้จะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของ หลินเฉิง พวกเขาต้องการที่จะหลบหนีโดยการปิดไฟฉายโดยตรง แต่พวกเขาประเมินความรวดเร็วของ หลินเฉิง ต่ำไป โคล่าวิ่งติดตามอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ หลินเฉิง ติดตามมาจากด้านหลังเขาเห็นอย่างชัดเจนว่ามีชาย 2 ปิดบังหน้าด้วยผ้าและพยายามใช้มีดฟันโคล่า หลินเฉิง รู้สึกตกใจและโกรธมากเขาเข้าไปกระโดดเตะคนเหล่านั้นลงพื้นที่ละคน แต่ดูเหมือนโคล่าเองก็ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดมันยังคงเข้าไปกัดไข่ของเป้าหมายอย่างไม่ลังเล
หลินเฉิง ไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะไม่เห็นพฤติกรรมของโคล่า ชาย 2 คนที่ถูกเตะล้มพยายามที่จะออกวิ่งหนีอีกครั้ง หลินเฉิง รีบคว้าคอของชายคนหนึ่งเอาไว้และพูดว่า
“กรรมการกีฬานายมาทำอะไรที่รถของฉัน?”
เมื่อเห็นผ้าที่ปิดบังหน้าตาหลุดออกไปชายคนนั้นแสดงออกอย่างหวาดกลัว ฉู ไต๋เกอ ผู้ที่เคยโดนสั่งสอนจาก หลินเฉิง มาก่อน!อ่านนิยายกับไอรีน
ในขณะเดียวกัน ฉู ไต๋เกอ พยายามที่จะอธิบาย แต่ทันใดนั้นดูเหมือนว่าเขาจะเห็นอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาหัวเราะ
“ฮ่าฮ่า กูคือปู่ของมึงไง! ทำไม!ข้องใจอย่างนั้นหรอ”
เมื่อ หลินเฉิง เห็นว่า ฉู ไต๋เกอ ตอบโต้เช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกผิดปกติราวกับว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แล้วเมื่อเขาหันหน้ากลับไปด้านหลังเขาเห็นชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเขาพร้อมกับยกปืนชี้มาที่ หลินเฉิง
ฉู ไต๋เกอ และเพื่อนของเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในที่สุด ฉู ไต๋เกอ สาปแช่ง หลินเฉิง อย่างรวดเร็วและตะโกนขึ้นว่า
“ไม่มีน้ำยาแล้วหรอ!มึงลองขยับสิ เขายิงมึงแน่! ไอ้หมาตัวนั้นมันทำกูเจ็บแสบ ฆ่ามันก่อน!”
ชายคนที่อยู่ด้านหลังหันกระบอกปืนไปหาโคล่าและเตรียมที่จะเหนี่ยวไกล แต่ในทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกว่าการรับรู้เกี่ยวกับประสาทสัมผัสข้อมือของเขาหายไป จากนั้นตามมาด้วยความเจ็บปวดที่รุนแรง มือและปืนของเขาลอยขึ้นไปบทอากาศแล้วตกลงมาบนพื้นอย่างนุ่มนวล
ชายคนนั้นรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เขาเห็น หลินเฉิง อยู่ตรงหน้า ฉู ไต๋เกอ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ หลินเฉิง พุ่งมาหาเขา มีดที่อยู่ในมือของ หลินเฉิง ยังคงมีคราบเลือดติดอยู่ จากนั้น หลินเฉิง ชี้มีดมาที่ชายถือปืนอย่างเย็นชา
“ไม่..ฉันต้องไม่ตาย…”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากชายคนนั้น พร้อมกับ ฉู ไต๋เกอ กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว หัวของชายคนนั้นถูกฟันด้วยมีดคมจนมันสมองของเขากระเซ็นออกมา
หลังจากที่ฆ่าคนโง่พี่ต้องการฆ่าโคล่าแล้ว หลินเฉิง สะบัดเลือดออกจากมีดเบาๆจากนั้นเดินตรงไปหา ฉู ไต๋เกอ ผู้ที่หวาดกลัวและนอนหมอบอยู่กับพื้นจากนั้น หลินเฉิง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“พวกแกทำอะไรกับรถของฉัน และเอาปืนพกมาจากที่ไหน”
ฉู ไต๋เกอ รู้สึกว่าเขากำลังจะตาย แต่ในตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่า หลินเฉิง ต้องการพูดคุยและสอบถามเกี่ยวกับจุดประสงค์ ฉู ไต๋เกอ เช็ดเหงื่อบนใบหน้าและพูดอย่างช้าๆว่า
“ระเบิด..พวกเราเพียงแค่ วาง…วาง..”
“ หลินเฉิง! นั่นนายกำลังทำอะไร!”
ฉู ไต๋เกอ กำลังจะตอบแต่เขาได้ยินเสียงตะโกนมาจากระยะไกลจากนั้นเขาเห็นกลุ่มผู้รอดชีวิตวิ่งมาหาเขามันคือ เต๋าไค่ ที่วิ่งนำหน้า
“ผมทำอะไรอย่างนั้นหรอ!ทำไมนายไม่ถามเขาเอง”
เมื่อได้ยินเสียงคำถามด้วยอารมณ์โกรธของ เต๋าไค่ หลินเฉิง ยิ้มเยาะและชี้มีดไปที่คอของ ฉู ไต๋เกอ
เมื่อเห็นใครบางคนเข้ามาช่วยเหลือตัวเอง ฉู ไต๋เกอ ที่ตกอยู่ในความสิ้นหวังก่อนหน้านี้มีความหวังขึ้นมาทันที แต่คอของเขายังคงอยู่ใกล้กับใบมีดของ หลินเฉิง ฉู ไต๋เกอ จึงนั่งอยู่กับพื้นแล้วร้องไห้ออกมาอย่างข่มขืน
“ฉัน…ฉันเพียงต้องการศึกษารถคันนี้ แต่ใครจะรู้ว่าน้องชายเหลียง จะถูกฆ่าอย่างกะทันหันในขณะเดียวกันเขาพยายามที่จะฆ่าฉันโดยไม่ถามอะไรเลย!”
กลุ่มชนที่อยู่ด้านหลัง เต๋าไค่ ได้ยินคำพูดของ ฉู ไต๋เกอ พวกเขาต่างๆยกตำแหน่งฆาตกรให้กับ หลินเฉิง แล้วในตอนนี้
เมื่อ หลินเฉิง ได้ยินคำพูดของ ฉู ไต๋เกอ เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ยังคงหน้าด้านที่จะโกหก ในเมื่อชายคนนี้ไม่บอกความจริง หลินเฉิง สายหัวและยกมีดขึ้นอีกครั้งเตรียมที่จะฆ่า ฉู ไต๋เกอ เมื่อ เต๋าไค่ เห็นการกระทำของ หลินเฉิง เขารีบเข้าไปหยุดทันที!