ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 53
“หลินเฉิง!นายเป็นบ้าอะไร นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของเรานะ!ทำไมนายไม่พูดอะไรเลยแล้วเอาแต่ฆ่าคนไม่เลือก?”
มือขวาของ หลินเฉิง ยังคงจับมีดแน่น เสียงของ เต๋าไค่ แสดงออกถึงความผิดหวังอย่างมาก มู่หยิงเสวี่ย เองก็วิ่งมาหา หลินเฉิง และจับมือซ้ายของเขาเอาไว้และขอร้อง
“ใช่แล้ว หลินเฉิง อย่าฆ่าใครอีกเลย! ตอนนี้ ทุกคนต่างหวาดกลัวนายกันหมดแล้ว ฉันชื่อว่านายมีเหตุผลอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ ..อย่าฆ่าอีกต่อไปเลย!”
หลังจากที่ มู่หยิงเสวี่ย พูดขึ้นดวงตาของ หลินเฉิง แสดงออกอย่างเย็นชา หลังจากนั้นเขามองดูฝูงชนที่อยู่ด้านหลังและหันไปมอง เต๋าไค่ อีกครั้ง
“ฉันไม่จำเป็นจะต้องตอบคำถามนาย และฉันไม่จำเป็นต้องคุยกับพวกนายด้วย สิ่งที่ฉันต้องการจะบอกก็คือเขาพูดโกหก! และถ้าตอนนี้นายต้องการที่จะหยุดฉันเอาไว้อีกครั้งอย่าโทษว่าฉันใจร้าย!”
หลังจากนั้น หลินเฉิง ไม่สนใจคนอื่นอีกต่อไปเขายกมีดขึ้นและแทงเข้าไปในหน้าอกของ ฉู ไต๋เกอ
ชึบ!
ฉู ไต๋เกอ ผู้คิดว่าตัวเองนั้นรอดพ้นจากความตายแล้ว ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนหน้าอกของเขา เขามอง หลินเฉิง ด้วยความตกตะลึงและมือกุมไปที่หน้าอกของตัวเอง จากนั้นเขาล้มลงกับพื้นและไม่มีสัญญาณชีวิตอีกต่อไป
ฝูงชนที่อยู่ด้านหลังต่างเห็นว่า หลินเฉิง นั้นฆ่า ฉู ไต๋เกอ ด้วยสายตาของพวกเขาเองพวกเขาต่างกรีดร้องออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลินเฉิง ไม่สนใจสายตาของคนเหล่านั้น หลินเฉิง เดินเข้าไปหาฝูงชนแล้วดึงเฉินหยงกังออกมา จากนั้นลากออกไปโยนลงบนพื้น
หลินเฉิง มองเห็นเฉินหยงกังที่ล้มลงกับพื้น หลินเฉิง ยิ้มและพูดกับเขาว่า
“ ผมให้เวลาครึ่งชั่วโมงสำหรับนายเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเอง นายเข้าใจใช่ไหม?”
เฉินหยงกัง มองไปที่ใบหน้าของ หลินเฉิง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อและพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าว
“ตกลง!ตกลง!”
เมื่อเห็นว่าเฉินหยงกังเข้าใจแล้ว หลินเฉิง จึงเลิกใส่ใจเขาและหันไปเรียกโคล่า จากนั้น 1 คน 1 สุนัขก็กลับไปที่รถ G 65 ของเขา
เมื่อกลับไปถึงรถ หลินเฉิง เปิดไฟฉายและตรวจสอบรอบรถอย่างระมัดระวัง ในที่สุดเขาก็เจอระเบิด ติดอยู่ที่ยางด้านซ้ายและด้านขวา เมื่อ หลินเฉิง แกะมันออกมาเขาโดนพวกมันลงกับพื้นและเงยหน้ามองเฉินหยงกังที่กำลังกลัวหัวหด
“ นี่คือทั้งหมดอย่างนั้นหรอ….ฉันไม่เชื่อ พวกนายทำอะไรกับรถของฉัน!”
เมื่อมองเห็นระเบิดที่ หลินเฉิง พบ เฉินหยงกังเหงื่อตกและกระวนกระวายเขารีบส่งของทั้งหมดที่มีอยู่ในถุงให้กับ หลินเฉิง อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ หลินเฉิง ชั่งน้ำหนักในมือเขาก็รู้ว่ามีปืนและกระสุนจำนวนมากอยู่ในนั้น หลินเฉิง ยิ้มและพูดอีก
“ มีอะไรอีก?”
เฉินหยงกัง สบตา หลินเฉิง และตบหัวตัวเองจากนั้นพูดว่า
“อุ้ย!ดูเหมือนว่าความจำของฉันจะไม่ค่อยดี มันยังมีอันนี้อีก นี่คือสิ่งที่ ฉู ไต๋เกอ ฝากเอาไว้…”
เฉินหยงกังพูดอย่างรวดเร็วและเอารีโมทคอนโทรลออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้กับ หลินเฉิง
เมื่อเห็นรีโมทคอนโทรลที่ควบคุมระยะไกลสำหรับระเบิด หัวใจของ หลินเฉิง รู้สึกกดดัน เฉินหยงกังเป็นแฟนตัวยงของวันสิ้นโลกจริงๆ เขามีทุกอย่าง!
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ หลินเฉิง ก็ดึงมีดออกมา และมองไปที่เฉินหยงกังอย่างเย็นชา
“ผมขอคืนคำก่อนหน้านี้ที่ผมพูดไป…คุณมันอันตรายเกินไป!”
เฉินหยงกัง เป็นเจ้าของอาวุธเหล่านี้เขาอันตรายเกินไป เฉินหยงกัง นั่งลงกับพื้นและจ้องมองมีดที่ชี้มาทางเข้าเขาร้องไห้ได้พูดว่า
“หลิน…พี่ชายหลิน ผมไม่เหลือกระสุนอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีอยู่ในถุงที่ผมมอบให้กับคุณ ….ผมผมไม่ได้เป็นคนออกความคิดนี้…พวกเขา พวกเขาบังคับผมเพื่อเอาปืนและระเบิด…ผมไม่รู้ว่าเขาจะเอามาใช้กับรถของคุณ?”
หลังจากเห็นท่าทางของ เฉินหยงกัง หลินเฉิง คิดอยู่สักครู่จากนั้นเขาส่ายหัว และเก็บมีดอย่างหงุดหงิดจากนั้นพูดว่า
“คุณไปได้แล้ว!”
เฉินหยงกัง เห็น หลินเฉิง ไว้ชีวิตตัวเองเขารีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็วเขากลัวว่า หลินเฉิง จะเปลี่ยนใจ เมื่อเห็นว่า เฉินหยงกัง วิ่งหนีไปแล้ว หลินเฉิง ถอนหายใจแล้วพูดว่า
“ออกมาเถอะ ละครจบแล้ว!”
เมื่อ หลินเฉิง พูดออกมาก็มีร่างเล็กๆปรากฏขึ้นที่ด้านหลังรถ เมื่อเงาคนเดินเข้ามาใกล้จึงปรากฏเห็นชัดเจนว่าเป็น มู่หยิงเสวี่ย
มู่หยิงเสวี่ย คิดว่าตัวเองนั้นซ่อนตัวดีที่สุดแล้วแต่เธอไม่คาดคิดว่า หลินเฉิง จะรู้ตัว ดังนั้นเธอทำได้เพียงแต่ปรากฏตัวต่อหน้า หลินเฉิง และถามเบาๆว่า
“นายโอเคไหม?”
เมื่อเห็นว่า มู่หยิงเสวี่ย พูดแบบนั้นออกมา หลินเฉิง ได้แต่หัวเราะและพูดว่า
“ผมเป็นฆาตกรแล้ว ผมยังจะทำอะไรได้อีก?”
มู่หยิงเสวี่ย คิดอยู่ชั่วครู่ๆและยิ้มออกมาเธอก้มศีรษะลงอย่างอับอายและพูดว่า
“ฉันขอโทษ…”
หลินเฉิง โบกมือและถอนหายใจ
“เป็นธรรมชาติของมนุษย์..อ่อที่นี้คุณรู้หรือยังว่าสันดานมนุษย์ในวันสิ้นโลกเป็นอย่างไร แค่ต้องการผู้หญิงสวยเพียงคนเดียวพวกเขาวางแผนที่จะฆ่าคน ถ้าผมไม่บังเอิญมาเจอผมคงจะถูกฆ่าอย่างแน่นอน..”
“ แต่นายไม่ได้ฆ่า เฉินหยงกัง เพราะว่าเขาเป็นผู้นำขบวนผู้รอดชีวิตใช่ไหม นายกลัวว่ากลุ่มผู้รอดชีวิตนี้จะไม่มีคนนำพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ใช่หรือไม่”
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของ หลินเฉิง มู่หยิงเสวี่ย รู้สึกลังเลและพูดออกมา
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของ มู่หยิงเสวี่ย หลินเฉิง ได้แต่ส่ายหัวแทนการตอบ เขาหันไปหาเธอแล้วพูดว่า
“สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญอีกต่อไป ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีก ผมจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าและคุณก็ต้องมากับผมด้วย ผมต้องการข้อมูลจากลุงของคุณมาก และสัญญาว่าจะพาคุณไปยังค่ายเหลียนเฉิงอย่างปลอดภัย!”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ตัดสินใจอย่างฉับพลัน มู่หยิงเสวี่ย ตะลึงเล็กน้อยแต่ต่อมาเธอก็เข้าใจความคิดของเขา สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาทำในวันนี้ทำให้เขาไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนเหล่านี้ได้อีก เธอพยักหน้าและเห็นด้วยเพราะเธอคิดว่าหากเธอส่ายหัว หลินเฉิง คงจะมัดเธอแล้วอุ้มเธอไปอยู่ดี…
เมื่อเธอสัญญากับ หลินเฉิง มู่หยิงเสวี่ยก็นึกถึง ฉีรุย ดังนั้นเธอจึงถามขึ้นว่า
“ถ้าอย่างนั้นนายพา ฉีรุย ไปด้วยกันกับพวกเราได้ไหม เธอเหมือนพี่สาวของฉัน เธอเติบโตมาพร้อมกับฉันตั้งแต่ยังเด็กโดยเฉพาะตอนที่เกิดภัยพิบัติเธอได้ช่วยฉันไว้มากมาย..”
เมื่อได้ยินคำขอของ มู่หยิงเสวี่ย หลินเฉิง ไม่สนใจ เขาจะรีบไปยังค่ายเหลียนเฉิงให้เร็วที่สุด ไม่สำคัญว่าจะมีใครอยู่ในรถกี่คนเขาจึงพยักหน้าและตกลง
เมื่อได้รับคำตอบจาก หลินเฉิง มู่หยิงเสวี่ย รีบไปหา ฉีรุย ทันที
หลินเฉิง มอง มู่หยิงเสวี่ย ค่อยๆจากไป จากนั้นเขาคิดว่าครั้งหน้าเขาควรที่จะเก็บรถของเขาเข้าไปในแคปซูลเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาแบบนี้อีก
แต่ทันใดนั้นโคล่าก็เห่า 2 ครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงเห่าของโคล่า หลินเฉิง รู้ทันทีว่าโคล่าพบอะไรบางอย่าง
Comments for chapter "บทที่ 53"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
สอใส่เกือก
ภาระเพิ่มอีก แถมน่ารำคาญทั้งคู่