ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 65
อีก 2 วันต่อมาพวกเขาก็มาถึงเมืองหวางเป่ย
ที่นี่เป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญของใจกลางเมืองและมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมืองอื่น มีร้านค้ามากมายบนถนน หากไม่ได้เร่งรีบรถบรรทุกส่วนใหญ่จะมาผ่านที่นี่ สถานที่แห่งนี้มีสถานบันเทิงมากมาย
ใกล้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตใจกลางเมือง หลินเฉิงอยู่ในรถ เขานอนอยู่บนเบาะและใช้เท้ายกขึ้นไว้บนพวงมาลัย จากนั้นสูบบุหรี่อย่างสบายใจ
ที่นี่ห่างจากค่ายทหารเหลียนเฉิงเพียง 200 กิโลเมตร เนื่องจากเมืองนี้เป็นสถานีขนส่งที่มีจราจรหนาแน่นดังนั้นเมื่อพวกเขามาถึงเมืองนี้ในตอนกลางคืนพวกเขาพบว่ามีขบวนผู้รอดชีวิตจำนวนมากอยู่ที่นี่
เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ของผู้รอดชีวิตเหล่านี้คือค่ายทหารเหลียนเฉิง และในตอนนี้พวกเขารวมตัวกันเพื่อพักผ่อน
น้ำและอาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ในตอนนี้หลังจากมีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่นี่ทำให้ความขัดแย้งเริ่มปรากฏ
ในที่สุดผู้นำของพวกเขาก็ออกมาเจรจาเพื่อเป็นพันธมิตร และขอให้ผู้รอดชีวิตช่วยกันกวาดล้างซอมบี้ที่อยู่ในเมืองนี้เพื่อป้องกันการโจมตีในขณะที่พวกเขาพักผ่อน
เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยมั่งคั่งตอนนี้กลับร้างผู้คน ตอนนี้เป็นเพียงสถานที่ที่พวกเขาหยุดพักเท่านั้น และพวกเขาคาดหวังว่าอีก 2 -3 วันพวกเขาจะออกเดินทางไปยังค่ายทหารเหลียนเฉิงด้วยกัน
ในตอนแรก หลินเฉิง ไม่สนใจที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มผู้รอดชีวิตนี้ แต่หลังจากที่เขาได้พักผ่อน 1 คืนและสอบถามข่าวเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะเดินทางต่อไปแต่เขาก็ถูกหยุดโดย มู่หยิงเสวี่ย
ในตอนแรก มู่หยิงเสวี่ย ไม่ได้ต้องการไปพร้อมกับคนพวกนี้แต่เมื่อเธอพบกับคนรู้จักในซุปเปอร์มาเก็ตที่มีผู้รอดชีวิตรวมตัวกัน เธอก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป เป็นเพราะคนเหล่านั้นเป็นคนที่รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ที่โรงงานร้าง ในใจของมู่หยิงเสวี่ยตอนนี้คาดหวังว่า ฉีรุย จะอยู่ที่นี่ด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เธอพยายามค้นหาเธอกลับไม่พบ ฉีรุย เธอพยายามสอบถามผู้รอดชีวิตคนอื่นๆแต่ก็ไม่ได้ยินข่าวใดที่มีประโยชน์
มู่หยิงเสวี่ย ยังไม่ยอมแพ้เธอคิดว่า ฉีรุย นั้นอาจจะไม่ได้อยู่รวมที่นี่ หญิงสาวอาจจะมายังไม่ถึง ในที่สุดเธอก็ปรึกษากับ หลินเฉิง และตัดสินใจที่จะรออยู่ที่นี่ 2 วัน
ในตอนแรก หลินเฉิง ไม่เห็นด้วย เขาคิดว่าภายใน 2 วันเขาก็จะถึงค่ายทหารเหลียนเฉิงแล้ว แต่ทัศนคติของมู่หยิงเสวี่ยยังคงดื้อรั้น เธอบอกกับ หลินเฉิง ว่าถ้า หลินเฉิง ไม่เต็มใจที่จะรออยู่ที่นี่เขาสามารถไปรอเธอที่ค่ายทหารเหลียนเฉิงได้ จากนั้นให้ไปพบกับ มู่ หวู่หยวน ลุงของเธอ เธอได้อธิบายถึงลักษณะของ มู่หวู่หยวน อีกครั้งให้หลินเฉิงฟังและเธอยืนยันว่าเธอจะอยู่ที่นี่เพื่อรอพบกับ ฉีรุย
หลังจากผ่านเหตุการณ์ในครั้งก่อน มู่หยิงเสวี่ย ถือได้ว่าช่วยชีวิตของ หลินเฉิง 1 ครั้งดังนั้น หลินเฉิง จึงไม่อยากบังคับเธอ ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันได้โดยการพักที่นี่เพียง 1 วัน หากไม่สามารถหา ฉีรุย ได้พรุ่งนี้เช้าพวกเขาจะออกเดินทางทันที
ในที่สุด มู่หยิงเสวี่ยก็ได้รับ ชัยชนะครั้งแรกในการโต้เถียงกับ หลินเฉิง เธอดีใจจนกระโดดโลดเต้นและจบลงด้วยกันลื่นหิมะก้นจ้ำเบ้า หลินเฉิง ส่ายหัวในท่าทางของหญิงสาว มู่หยิงเสวี่ย ลุกขึ้นและหัวเราะอย่างเขินอายจากนั้นวิ่งไปที่ ซูปเปอร์มาเก็ต เพื่อสอบถามข่าวคราวของ ฉีรุย ต่อไป
หลินเฉิง กลับมานั่งที่รถของเขาสูบบุหรี่และใช้ความคิด เขากำลังทบทวนพลังในการควบคุมน้ำแข็งของเขาว่าจะใช้ในการต่อสู้ได้อย่างไร
หลังจากนั้นสักครู่ หลินเฉิง ก็ไม่สามารถหักห้ามใจในความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้เขาจึงลุกขึ้นนั่ง หลังจากที่มองไปรอบๆและไม่เห็นใครสนใจเขาหน่อยตอนนี้ หลินเฉิง ยกมือขวาขึ้นและชี้นิ้วออกมา ทันใดนั้นบรรยากาศรอบๆตัวของเขาก็ลดลงหลายองศาพร้อมกับควบแน่นเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้มันกำลังรวมตัวเป็นดาบน้ำแข็งที่มีความยาวประมาณ 3 ฟุตกว้าง 2 นิ้วซึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าของ หลินเฉิง
จากนั้น หลินเฉิง ยื่นมือไปจับดาบน้ำแข็ง และรู้สึกถึงความเย็นสบาย
หลินเฉิง ไม่แปลกใจกับปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้ เขาได้ทำการทดลองต่างๆบนถนนตลอด 2 วันที่ผ่านมา เขารู้ว่าน้ำแข็งที่เขาเรียกออกมานั้นจะไม่ทำอันตรายใดๆกับตัวเขาเอง
หลินเฉิง จับดาบน้ำแข็งอย่างระมัดระวังและดึงมีดที่อยู่เบาะหลังออกมาจากนั้น ใช้มีดฝันลงไปในน้ำแข็ง ปรากฏว่าดาบน้ำแข็งของเขาขาดครึ่ง แม้ว่าเขาจะแปลกใจที่ดาบน้ำแข็งถูกตัดได้อย่างง่ายดายแต่นั่นก็เป็นเพราะมีดของเขาไม่ใช่ว่าดาบน้ำแข็งจะไม่มีความแข็งแกร่งใดๆ
หลังจากนั้น หลินเฉิง เก็บมีดลงในฝักและหยิบดาบน้ำแข็งที่เหลือเพียงครึ่งเดียวขึ้นมา และพยายามรวบรวมจิตใจอีกครั้ง ดาบน้ำแข็งที่เหลือเพียงครึ่งเดียวค่อยๆควบแน่นขึ้นเป็นดาบน้ำแข็งสมบูรณ์อีกครั้ง
ดูเหมือนว่าความพยายามทั้ง 2 วันที่ผ่านมาของเขาจะไม่ไร้ประโยชน์ในทีเดียว
หลินเฉิง รู้สึกปลื้มเล็กน้อย เขาใช้เวลาเพียง 2 วันเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการควบแน่นของน้ำแข็งให้เป็นรูปร่างต่างๆ
เมื่อ หลินเฉิง เห็นว่า มู่หยิงเสวี่ย เดินกลับมา หลินเฉิง รีบเขวี้ยงดาบน้ำแข็งของเขาออกไปจากนั้นเขาดีดนิ้ว และดาบน้ำแข็งก็สลายไปทันที กลายเป็นละอองหิมะร่วงหล่นด้านล่าง
“มีข่าวของ ฉีรุย ไหม?”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินกลับมา หลินเฉิง ถามอย่างตั้งใจ
มู่หยิงเสวี่ย ส่ายหัวและพูดว่า
“ไม่เลย แม้ว่าฉันจะเห็นว่ามีผู้รอดชีวิตหลายคนจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่กลับไม่มีข่าวของ ฉีรุย และ เต๋าไค่ เลย ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานั้นทุกคนต่างกันจะกระจายกันออกไป..”
หลินเฉิง พยักหน้า และฟังมู่หยิงเสวี่ยพูดต่อ
“ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาตัดสินใจที่จะไปเขตปลอดภัยในวันพรุ่งนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็ไม่ต้องการรออีกต่อไป ดังนั้นฉันอาจไม่มีโอกาสรอจนกว่าจะเจอ ฉีรุย..”
หลินเฉิง ยักไหล่ ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งลักษณะมอมแมมปรากฏตัวด้านข้างของ มู่หยิงเสวี่ย และดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
มู่หยิงเสวี่ย จ้องมองตามสายตาของ หลินเฉิง และพบว่ามีเด็กตัวน้อยๆกำลังยืนอยู่เคียงข้างเธอ เด็กน้อยคนนี้มีอายุประมาณ 5-6 ปี ร่างกายของเธอมีความสูงน้อยกว่า 1 เมตรซะอีก ร่างของเธอซูบผอม ผมยาวยุ่งเหยิงและใบหน้าเต็มไปด้วยเศษขี้ดินมอมแมมจนแทบมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง ในเวลานี้เธอยืนบิดมือเล็กๆของตัวเองอย่างวิตกกังวลเมื่อเธอเห็นว่า หลินเฉิง และมู่หยิงเสวี่ยกำลังจ้องมองเธอ
หลังจากนั้นชั่วครู่ มู่หยิงเสวี่ย ก็ถามเด็กน้อยเบาๆว่า
“เด็กน้อย เธอ…เธอต้องการจะพูดอะไรกับพี่สาวและพี่ชายอย่างนั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามของ หลิวยูฉิน เด็กหญิงตัวน้อยมองเธอแล้วต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อเด็กน้อยมองเห็นสายตาของ หลินเฉิง เธอรีบก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กน้อย มู่หยิงเสวี่ย รู้สึกงุนงง และเมื่อเธอพยายามที่จะทำอีกครั้งเธอก็ถูกขัดจังหวะโดย หลินเฉิง
“ เธอหิวอย่างนั้นหรอ?”
เมื่อคำถามของมู่หยิงเสวี่ยถูกขัดจังหวะดังนั้น หลินเฉิงจึงเป็นฝ่ายถามแทน
เด็กหญิงตัวเล็กๆก้มศีรษะลงด้วยร่างกายที่สั่นเทาจากนั้นเธอพยักหน้าเล็กน้อย!
—————————————