ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 66
เมื่อมู่หยิงเสวี่ย เห็นว่าเด็กน้อยพยักหน้า ในขณะที่ หลินเฉิง ไม่ได้พูดอะไรต่อเขายังคงสูบบุหรี่ต่อไป มู่หยิงเสวี่ย ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินไปหาเด็กน้อยและส่งยิ้มอันอ่อนหวานให้กับเด็ก จากนั้น มู่หยิงเสวี่ย ก้มลงถามเบาๆว่า
“น้องสาวตัวน้อยหนูชื่ออะไร?แล้วพ่อแม่ของหนูล่ะ?”
ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะประทับใจในความอ่อนโยนของ มู่หยิงเสวี่ย เด็กน้อยค่อยๆอ้าปากพูดออกมาเป็นเสียงกระซิบ
“หนู…หนูชื่อ หลิวยูฉิน… แม่..แม่ของหนูคือ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวยูฉินดูเหมือนจะนึกถึงอะไรได้บางอย่าง เธอรีบปิดปากแล้วหยุดพูดเกี่ยวกับพ่อแม่ทันที จากนั้นเธอหันไปขอร้อง มู่หยิงเสวี่ย ว่า
“พี่สาว…หนูขออาหารหน่อยได้ไหม!”
เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสงสารของ หลิวยูฉิน มู่หยิงเสวี่ย รู้สึกทุกข์ใจมาก แต่เธอกลับถูกขัดจังหวะด้วย หลินเฉิง อีกครั้ง!
เมื่อเธอถูกขัดจังหวะด้วย หลินเฉิง หลินเฉิง จ้องมองอย่างเย็นชาและพูดว่า
“ ฉันจะไม่ให้อะไรทั้งนั้น หากเธอต้องการ ให้คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มาเอาไป!”
หลังจากที่ หลินเฉิง พูดอย่างเย็นชาเขานอนลงกับรถและไม่สนใจอะไรอีก เมื่อได้ยินคำพูดเย็นชาของ หลินเฉิง ร่างกายของ หลิวยูฉิน สั่นสะท้านอีกครั้ง เธอค่อยๆถอยหลังและต้องการที่จะไปจากที่ตรงนี้ แต่อย่างไรก็ตามเธอยังคงพยายามกัดฟันและทนอยู่
“ หลินเฉิง อย่าทำตัวแบบนี้สินี่มันเด็กนะ!”
มู่หยิงเสวี่ย พูดอย่างไม่พอใจและจับมือของเด็กสาว
“ยูฉิน พี่สาวสามารถเอาอาหารให้กับหนูได้ แต่หนูเองก็ต้องบอกบางอย่างกับพี่สาวด้วยเช่นกัน ว่ามีคนบังคับหนูหรือป่าว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หยิงเสวี่ย หลิวยูฉินส่ายหัว รุนแรงและพยายามที่จะดึงมือออกจากมือของ มู่หยิงเสวี่ย จากนั้นเธอพยายามที่จะหันหลังและวิ่งหนีไป
เมื่อมองเห็นร่างผอมบางของ หลิวยูฉิน กำลังวิ่งฝ่าหิมะไปเธอยังคงสะดุดหิมะหลายครั้งและล้มลง การกระทำดังกล่าวทำให้มู่หยิงเสวี่ยรู้สึกตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงท่าทีทันทีของเด็กคนนี้ หลินเฉิง ส่ายหัวอย่างไม่พอใจและจุดบุหรี่สูบต่อ
“นี่-เอ่อ..”
เมื่อเห็นการตอบสนองของ หลิวยูฉิน มู่หยิงเสวี่ย หันไปถาม หลินเฉิง อย่างตกตะลึง
“ทำไมอย่างนั้นหรอ? เด็กตัวน้อยนี้ต้องถูกใครบางคนใช้มาหาอาหารอย่างแน่นอน!นอกจากนี้อาหารเป็นของผมคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะให้คนอื่น เข้าใจไหม?”
หลินเฉิง พูดอย่างไม่ตั้งใจและดีดก้นบุหรี่ลงกับพื้น
“แต่..แต่ว่าเธอเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ ใครกันจะใช้ให้เธอออกมาหาอาหาร..”
“เฮ้อ! ปัญญาอ่อน ยังคิดว่าสังคมยังเต็มไปด้วยความสงบสุขและยุติธรรมอีกหรอ?”
หลินเฉิง พูดออกมาเป็นการทำลายความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ของ มู่หยิงเสวี่ย จากนั้น หลินเฉิง ยังคงนั่งอยู่บนรถและอุ้มโคล่าโดยไม่สนใจ มู่หยิงเสวี่ย อีกต่อไป
…..
ตอนเย็น
มีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนที่เข้ามายังหยุดพักแห่งนี้ มู่หยิงเสวี่ย มองเห็นรถอีกคันกำลังเข้ามาเธอรีบวิ่งไปเพื่อสอบถามข่าวของ ฉีรุย ทันที เมื่อเห็นว่า มู่หยิงเสวี่ย ไปถามข่าว หลินเฉิง ลงจากรถและกดปุ่มด้านล่างเพื่อทำให้รถยนต์ของเขากลับไปเป็นแคปซูลจากนั้นเขาพาโคล่าไปเดินรอบๆเมือง
พื้นที่ของเมืองหวางเป่ยครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มากกว่าเมืองอื่น แม้ว่าผู้รอดชีวิตจะทำความสะอาดซอมบี้ไปส่วนหนึ่งแล้วแต่ก็ยังคงหลงเหลือพวกมันอยู่ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะหารายได้พิเศษเล็กน้อย
แต่น่าเสียดายที่เขาเดินรอบเขตหวางเป่ย แต่ไม่พบกับตัวกินคนเลย เขากำลังมองหาหลุมต่างๆที่มีอยู่บนพื้นแต่มีเพียงหลุมกระต่ายเท่านั้น
บางทีฮวงจุ้ยของเมืองนี้อาจจะดีมากแม้แต่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นยังไม่กล้าที่จะเข้ามา จากนั้น หลินเฉิง นั่งลงเพื่อรอโคล่ากลับมา
ทันทีที่โคล่ากลับมาจากการออกสำรวจ หลินเฉิง จะกลับไปหา มู่หยิงเสวี่ย แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงมาจากทิศทางของซุปเปอร์มาร์เก็ตในระยะไกล
คนพวกนี้จะไม่หยุดพักสักหน่อยหรอ สงสัยจะหิวกันจริงๆ?
เมื่อได้ยินเสียงดัง หลินเฉิง ต้องการที่จะเพิกเฉยต่อเหตุการณ์นี้ เขากำลังคิดว่าถ้ามู่หยิงเสวี่ยอยู่ที่นี่ด้วยเธอคงร้อนรนที่จะไปยังทิศทางนั้น
หลังจากนั้นไม่กี่นาที หลินเฉิง เดินผ่าน ซุปเปอร์มาเก็ต ใจกลางเมืองเขาพบเห็นคนกลุ่มใหญ่อยู่หน้าร้านซ่อมรถ หลินเฉิง ต้องการที่จะอ้อมไปทางอื่นแต่เขาก็ได้ยินเสียงทะเลาะที่คุ้นเคยมาจากด้านใน
“คุณมันชั่ว! บังคับให้ลูกสาวออกไปหาอาหาร แต่ตัวเองกลับไม่ทำอะไร เด็กคนนี้เป็นลูกสาวของคุณนะ…”
“มึงเป็นใคร?กล้าที่จะมาพูดกับกูแบบนี้ คิดว่ากูไม่กล้าฆ่ามึงหรอ!”
“เอาสิ!เข้ามาเลย! ฉันไม่เชื่อคุณจะกล้าทำต่อหน้าคนอื่น!”
“อีสัส ยุ่งเรื่องของกูทำไม!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ หลินเฉิง เริ่มผลักฝูงชนเข้าไปเพื่อดูเหตุการณ์ด้านใน สิ่งที่ หลินเฉิง เห็นก็คือ มู่หยิงเสวี่ย กำลังนั่งยองๆอยู่กับพื้นพร้อมกำลังโอบกอด หลิวยูฉิน ในขณะที่มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้า!
ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะอายุประมาณวัย 40 ปีต้นๆเขาสวมสูทที่ยับยู่ยี่และผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าของเขายังมีเค้าโครงความหล่อเหลา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนหน้าตาดี
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลินเฉิง รีบเดินไปหา มู่หยิงเสวี่ย และถามขึ้น
เมื่อ มู่หยิงเสวี่ย เห็นว่า หลินเฉิง มาที่นี่เธอรู้สึกเหมือนได้จับฟางเส้นสุดท้ายในชีวิต เธอยืนขึ้นและพูดกับ หลินเฉิง อย่างจริงจังว่า
“ชายคนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์!เขาบอกว่าเขาเป็นพ่อของ ยูฉิน แต่ฉันเห็นกับตาในสิ่งที่เขาทำคนแบบนี้ไม่สมควรเป็นพ่อคน!”
มู่หยิงเสวี่ย กล่าวอย่างโกรธเคือง
ชายวัยกลางคนรู้สึกโมโหและต้องการพุ่งเข้ามาตบ มู่หยิงเสวี่ย แต่ หลินเฉิง เข้ามาขวางเอาไว้ จากนั้น หลินเฉิง หันไปหา มู่หยิงเสวี่ย แล้วพูดว่า
“ใครให้คุณมายุ่งเรื่องของคนอื่น ผมบอกคุณไปเท่าไหร่แล้ว คุณปัญญาอ่อนหรือไง?”
เมื่อได้ยินคำดุด่าอย่างรุนแรงของ หลินเฉิง มู่หยิงเสวี่ย ซึ่งคิดว่าตอนแรก หลินเฉิง จะอยู่ข้างเธอต้องรู้สึกผิดหวัง ชายคนนี้กลับเข้ามาดุด่าเธอแทน
“เด็กน้อย..แกเป็นใคร..มายุ่งอะไรด้วย?แกคงรู้ใช่ไหมก็ฉันเป็นใคร? เอาล่ะถ้าไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ก็ส่งนังผู้หญิงคนนั้นและลูกสาวตัวดีของฉันมา ฉันจะไว้ชีวิตน้อยๆกับหมาขี้เรื้อนของแกเอาไว้!”
อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนที่ถูกขัดขวางก่อนหน้านี้ กลับพูดข่มขู่ หลินเฉิง ด้วยความโกรธ
หลินเฉิง ซึ่งอยู่ในอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วหันไปมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย็นชาจากนั้นเขาชักมีดออกมาจากด้านหลังและตะโกนว่า
“อยากตายก็เข้ามา!”
หลังจากนั้น หลินเฉิง หันหน้าไปหา มู่หยิงเสวี่ย และส่งสัญญาณให้เธอพา หลิวยูฉิน ออกไปจากตรงนี้ก่อน หลังจากที่เห็นพวกเธอไปไกลแล้ว หลินเฉิง ก็เตรียมพร้อมที่จะสอนบทเรียนให้กับผู้ชายคนนี้!