ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 74
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
หลินเฉิง เปิดหน้าต่างและจุดบุหรี่สูบ เบาะหลังมี หลิวยูฉิน และโคล่าอยู่ พวกเขาต่างเห็นว่าตอนนี้ หลินเฉิง อารมณ์ไม่ค่อยดีถึงไม่กล้ารบกวน
แม้ว่า ซูหยวน จะเหน็ดเหนื่อยมากแต่เขายังคงเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่จะจัดระเบียบขบวนผู้รอดชีวิตอีกครั้ง มู่หยิงเสวี่ย และ ซูฉิน พาทีมแพทย์หลายคนเข้าประจำที่เพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บ
หลังจากคิดชั่วครู่ หลินเฉิง ประเมินว่าขบวนผู้รอดชีวิตนี้คงยังไม่ออกเดินทางในเวลาอันสั้น เขาสบัดบุหรี่และหันไปมอง หลิวยูฉิน เธอเองก็มองหน้า หลินเฉิง ด้วยความกังวล หลินเฉิง ส่ายหัวและยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลาเขาพบว่าตอนนี้เป็นเวลา 14:00 นแล้วเขาควรที่จะหาอะไรกิน เขาเอนเบาะหลังลงและตั้งสมาธิในใจเพื่อเรียกเมนูระบบ
ในเวลานี้คะแนนในหน้าจอของระบบมีค่าพลังงานถึง 3107 คะแนนซึ่งบางส่วนได้จากระหว่างอยู่ที่เมืองหวางเป่ย แต่ชุดใหญ่เขาเพิ่งได้รับจากการสังหารตัวกินคนเมื่อสักครู่
อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะได้จัดการกับตัวกินคนจำนวนมากนั้นหาได้ยาก ไม่ใช่ว่าทุกครั้งของการเคลื่อนขบวนจะต้องเจอกับกลุ่มตัวกินคน ไม่เช่นนั้นกลุ่มของพวกเขาคงเหลือรอดเพียงไม่มาก
หลินเฉิง เข้าส่วนของรายการแคปซูลที่อยู่อาศัยอีกครั้ง มีคำแนะนำใต้แคปซูล ในที่สุด หลินเฉิง ก็ตัดสินใจว่าหากเขาได้ข่าวจากเขตปลอดภัยเหลียนเฉิงแล้วเขาจะแลกเปลี่ยนเป็นแคปซูลที่อยู่อาศัยก่อน เขาไม่ต้องการนอนในห้องแคบๆแล้วไม่ต้องพูดถึงการนอนรวมกับคนอื่นทำให้เขาไม่สามารถนอนหลับได้สนิทอีกทั้งยังต้องระวังตัวกินคนเข้ามาจู่โจม
หลังจากตัดสินใจเสร็จสิ้น หลินเฉิง เงยหน้าขึ้นและพบว่า ซูหยวน กำลังเดินมาทางนี้พร้อมกับกลุ่มคน
เมื่อเห็นกลุ่มคนมาที่รถของเขา หลินเฉิง ขมวดคิ้วและมองด้วยความงุนงง ซูหยวน ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า
“อย่ามองผมอย่างนั้น ผมเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะรบกวนคุณ แต่การช่วยเหลือจากคุณในวันนี้ดีมากมันทำให้พวกเราทุกคนรอดชีวิตมาได้ หลังจากนั้นผู้รอดชีวิตบางคนต้องการมาขอบคุณคุณเป็นการส่วนตัว”
หลังจากนั้น ซูหยวน ก็ยืนเฉยๆเพื่อปล่อยให้ผู้รอดชีวิตที่อยู่ด้านหลังของเขาออกมา คนเหล่านั้นมอง หลินเฉิง ด้วยความหวาดกลัว เขาพยายามที่จะอ้าปากพูดแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีในที่สุดพวกเขาก็คุกเข่าลงต่อหน้า หลินเฉิง
“ ลุกขึ้น!”
เมื่อเห็นว่าผู้คนเหล่านั้นคุกเข่าลง หลินเฉิง รีบ หยุดพวกเขาอย่างรวดเร็ว หลินเฉิง ส่ายหัวและพูดด้วยเสียงเบาๆว่า
“ผมพูดตามตรง การที่ผมฆ่าสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเพียงเพราะผมเกลียดพวกมันไม่ใช่เพราะช่วยพวกคุณ!และผมไม่ต้องการให้พวกคุณคุกเข่าดังนั้นอย่าทำแบบนี้อีก ตอนนี้ผมได้เห็นความจริงใจของพวกคุณแล้วเพราะฉะนั้นกลับไปเถอะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดไม่แยแสของ หลินเฉิง ผู้รอดชีวิตต่างมองหน้ากันและไม่รู้ว่าควรทำยังไง ในที่สุดชายชราซึ่งมีผมสีขาวก็ไอออกมา 2 ครั้งแล้วพูดว่า
“หนุ่มน้อยไม่ว่าคุณจะจริงใจหรือไม่ตั้งใจพวกคุณก็ได้ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธความจริงเรื่องนี้ได้ เพื่อแสดงความขอบคุณพวกเราจึงทำแบบนี้แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบ พวกเราสามารถตอบแทนโดยแบบนี้ได้หรือไม่”
เมื่อพูดจบชายชราผมขาวก็หยิบกระเป๋านักเรียนที่ทรุดโทรมออกมาและเดินไปหา หลินเฉิง จากนั้นพูดว่า
“ ในกระเป๋านักเรียนใบนี้มีอาหารที่เก็บสะสมเอาไว้ มันอาจจะไม่ใช่ของสดใหม่ แต่มันยังสามารถที่จะใช้กินได้ ผมหวังว่าคุณจะยอมรับน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากพวกเรา!”
เมื่อมองไปที่กระเป๋าเก่าๆที่อยู่ในมือของชายชรา หลินเฉิง ถอนหายใจและพูดอย่างไร้ประโยชน์ว่า
“อย่างที่ผมพูดไป ผมไม่เคยคิดที่จะช่วยชีวิตคุณเลย! ชีวิตเป็นของของคุณมีแต่คุณเท่านั้นที่จะทำให้มันอยู่รอดต่อไปได้ อีกอย่างผมไม่ได้ขาดอาหารดังนั้นคุณควรที่จะเก็บสิ่งนี้เอาไว้ถ้าอยากจะขอบคุณผมจริงๆ!”
หลินเฉิง เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ ซูหยวน ที่กำลังยืนฟังอย่างเงียบๆ จากนั้น หลินเฉิง ชี้ไปที่ ซูหยวน และพูดว่า
“พวกคุณควรที่จะขอบคุณเขา!”
หลังจากนั้น หลินเฉิง ก็โบกมือเพื่อหยุดชายชราไม่ให้เขาพูดอะไรออกมาอีกจากนั้น หลินเฉิง กลับไปที่รถและปิดประตู เมื่อเห็นทัศนคติของ หลินเฉิง ผู้รอดชีวิตต่างรู้สึกสับสน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ถูกเกลี่ยกล่อมโดย ซูหยวน ให้แยกย้ายออกไปทีละคน
หลังจากผู้รอดชีวิตทั้งหมดแยกย้ายออกไป ซูหยวนเดินเข้ามาที่รถของ หลินเฉิง อีกครั้ง เขาเคาะหน้าต่างและเมื่อ หลินเฉิง เปิดกระจกเขาก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า
“อายงั้นหรอ”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง จ้องมองตัวเอง ซูหยวน หัวเราะและพูดว่า
“เอาละอย่าโกรธไปเลย ผมเองก็เพิ่งมีประสบการณ์แบบนี้ ตอนนี้เราเองอยู่ในเรือลำเดียวกันแล้ว อย่าจริงจังเกินไป แม้ว่าคนเหล่านี้จะคุ้นเคยกับชีวิตและความตายแต่ก็ไม่มีใครที่ต้องการจะตายอยู่ที่นี่..”
เมื่อพูดถึงจุดนี้เสียงของ ซูหยวน เบาลง
“ในความเป็นจริงพวกเราเคยประสบเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้มาก่อน แต่คุณก็รู้ว่าอัตราการตายในเวลานั้นมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ คนที่มาขอบคุณนายพวกเขารู้สึกมีความสุขที่อยู่รอดจนถึงตอนนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ซูหยวน หลินเฉิง ยิ้มและพูดว่า
“คุณไม่จำเป็นต้องพูดเกี่ยวกับอัตราการเสียชีวิตให้กับผมฟังหรอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นฉากแบบนี้!อย่างไรก็ตามมันย่อมเป็นเรื่องดีเสมอเมื่อมีผู้รอดชีวิตแต่อย่าพาใครมาขอบคุณผมอีก ผมรำคาญ!”
หลังจากนั้น หลินเฉิง ก็นอนลงบนเบาะรถและจุดบุหรี่ขึ้นสูบ จากนั้นกดปุ่มตรงคอนโซลเพื่อเปิดเองฟังเขาไม่สนใจกับ ซูหยวน อีกต่อไป
เมื่อเห็นทัศนคติของ หลินเฉิง ซูหยวน ยังคงไม่จากไปและพูดขึ้นว่า
“บุหรี่ของคุณ…คุณสามารถให้ผมสัก 1 ม้วนได้ไหม?”
หลินเฉิง โบกมือส่งบุหรี่ให้กับ ซูหยวน หลัง จากที่ ซูหยวน จุดบุหรี่ขึ้นสูบเขาสูบควันลึกและพ่นออกมาจากนั้นพูดตรงๆว่า
“หลังจากการสู้รบในครั้งนี้ทั้งคุณและผมต่างเข้าใจสถานการณ์ของอีกฝ่ายมากขึ้น!คุณคงรู้แล้วว่าความสามารถของผมคือการระเบิด ภายในระยะสั้นมันเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมันสามารถระเบิดทุกสิ่งที่ผมสัมผัส”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูหยวน สูบบุหรี่เข้าไปอีกครั้งและพูดว่า
“สำหรับความสามารถของคุณผมยังไม่รู้แน่ชัดแต่อย่างไรก็ตามแค่ความแข็งแกร่งของคุณก็ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ! ดังนั้นตอนนี้คุณมีความเข้าใจสิ่งต่างๆมากกว่าผม ผมอยากจะถามคุณว่ามีคำแนะนำอะไรบ้างหรือไม่?”
หลินเฉิง ยังคงส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ ผมบอกไปแล้วว่าผมไม่สนใจ! สิ่งที่ผมพูดก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องโกหก ผมจะไม่อยู่ในค่ายเหลียนเฉิงเป็นเวลานาน แต่ผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่าผมจะไปไหน แต่การออกจากค่ายเหลียนเฉิงนั้นถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป วันนี้มีคนไม่มากที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บพวกเขาเพียงพอที่จะรวมกลุ่มกันเพื่อเข้าไปยังพื้นที่ปลอดภัย”
เมื่อเห็นทัศนคติของ หลินเฉิง ซูหยวน ได้แต่ถอนหายใจ เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถนำนายพลผู้แข็งแกร่งเข้าสู่กลุ่มของเขา แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนใจแคบ เขาถอนหายใจและพูดอย่างจริงใจว่า
“เมื่อคุณตัดสินใจแล้วผมก็จะไม่บังคับอีกต่อไป!แต่ผมหวังว่าพวกเราจะไม่เป็นศัตรูกันในอนาคต หากฝ่ายตรงข้ามเป็นคนแบบคุณ….มันคงแย่มากๆ!”
หลังจากพูดจบ ซูหยวน หัวเราะแล้วเดินจากไป!
————————————