ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 77
หลินเฉิง เดินออกมาจากสนามที่เต็มไปด้วยเต็นท์ เขาเฝ้ามองผู้รอดชีวิตคนอื่นที่นั่งอยู่ในเต็นท์เขารู้สึกราวกับว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะหาข่าวจากคนเหล่านี้ แต่เขายังคงเลือกชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดขาดๆวัย 40 ปี เมื่อชายคนนี้เห็น หลินเฉิง เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย หลินเฉิง ใช้ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเขาถามเสียงต่ำว่า
“ผมต้องการถามคำถามสักสองสามข้อ หากคุณสามารถตอบคำถามผมได้ไส้กรอกแฮมชิ้นนี้จะเป็นของคุณ เข้าใจไหม?”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินดังนั้นเขาพยักหน้าอย่างรีบเร่ง เขามองซ้ายมองขวาสักครู่เพื่อดูว่าใครมองเขาอยู่หรือไม่ จากนั้นเขาพยายามกดเสียงให้เบาที่สุดและพูดว่า
“คุณ…คุณต้องการถามอะไร!”
“คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?สถานการณ์เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ตอนแรกหรือไม่ นอกจากนี้คุณเคยได้ยินถึงผู้บัญชาการที่ชื่อว่า มู่หวู่หยวนหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามของ หลินเฉิง ชายวัยกลางคนเหลียวมองจากนั้นหัวเราะและพูดขึ้นว่า
“คุณกำลังตามหาใครอย่างนั้นหรอ ผมจะบอกก็ต่อเมื่อเอาไส้กรอกแฮมนั้นมาให้ผมก่อน!”
หลินเฉิง เห็นชายวัยกลางคนมองไส้กรอกแฮมด้วยความตะกละตะกลาม หลินเฉิง ใช้มือซ้ายตบไหล่ของชายวัยกลางคนทันที ทันใดนั้นมือขวาของเขาก็ดึงปืนออกมาและกดมันลงไปที่ท้องของชายวัยกลางคน ใบหน้าของ หลินเฉิง ยังคงแสดงออกด้วยรอยยิ้ม
เมื่อชายวัยกลางคนรู้สึกถึงกระบอกปืนที่จอดรออยู่ตรงท้องของเขาใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงทันทีและต้องการที่จะร้องตะโกนออกมา แต่ก่อนที่เขาจะตะโกนออกมา หลินเฉิง ก็พูดเสียงต่ำว่า
“คนฉลาดจะไม่ตะโกน ข้อมูลมีไว้เพื่อแลกเปลี่ยน คุณเป็นคนฉลาดหรือเปล่า”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเสียงขู่ของ หลินเฉิง เขาต้องหลั่งเหงื่อแม้ว่าสภาพอากาศตอนนี้จะเหน็บหนาว เขาทำได้เพียงแต่พยักหน้า แต่เมื่อเขาเห็นว่า หลินเฉิง ไม่มีความตั้งใจที่จะเก็บปืนกลับไปเขาพยายามพูดเสียงสั่นว่า
“ผม..ผมจะพูด…ผมมาที่นี่ด่านกว่าครึ่งเดือนแล้ว!ในเวลานั้นไม่มีคนจำนวนมากเท่าตอนนี้ ในเวลานั้นตาข่ายยังไม่ถูกสร้างขึ้น พวกเขาเพิ่งสร้างมันเมื่อไม่นานมานี้ ในขณะเดียวกันมีคนจำนวนมากเสียชีวิตเพราะตาข่ายไฟฟ้านี้ ส่วนคนที่ชื่อ มู่..มู่.. ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน..”
“ ทำไมพวกเขาจะต้องสร้างตาข่ายไฟฟ้าขึ้นมา
ไม่ได้ยินสิ่งนี้ หลินเฉิงรีบถามขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายวัยกลางคนกลืนน้ำลายแล้วพูดอย่างระมัดระวังพร้อมกับสังเกตรอบๆด้านจากนั้นพูดด้วยเสียงเบาๆว่า
“เพราะว่าคนที่อยู่ที่นี่ไม่เห็นด้วยกับการแจกจ่ายน้ำดื่มและอาหารหรือการรักษาทางการแพทย์ให้กับคนทั่วไป เมื่อก่อนที่ไม่มีตาข่ายไฟฟ้านี้ เมื่อมีเหตุฉุกเฉินพวกเราสามารถเข้าไปด้านในได้แต่ในตอนนี้การที่พวกเขาทำตาข่ายขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราที่อยู่ด้านนอกนั้นถูกระบุว่าเป็นผู้ลี้ภัย หากคุณตายที่นี่จะไม่มีใครใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้! นอกจากนี้แต่ละคนจะได้รับขนมปังครึ่งแผ่นเพื่อเติมเต็มความหิวของตัวเอง แต่หลังจากที่มีตาข่ายเหล็กกลับกลายเป็นว่าพวกเขาจะแจกจ่ายทุก 1 หรือ 2 วัน! ดูนั่น..”
ชายวัยกลางคนชี้ไปยังอาคารที่อยู่ในระยะไกล
“ คนที่อยู่ภายในพวกเขาจะต้องมีอำนาจหรือมีพลัง..เคยมีการปะทะกันระหว่างทหารกับผู้รอดชีวิตในตอนที่มีการตั้งตาข่ายไฟฟ้านี้ขึ้น แต่ผลสรุปการต่อสู้นั้นเป็นอย่างไร..คุณคงรู้อยู่แล้ว และแม้กระทั่งตอนนี้ถ้าคุณจะยิงผมคงไม่มีใครใส่ใจ..”
หลังจากนั้นชายวัยกลางคนก็แสดงออกอย่างหดหู่จนลืมทวงถามไส้กรอกแฮมจาก หลินเฉิง หลินเฉิงพยักหน้าอย่างพอใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับข่าวสารเพิ่มเติม ของ มู่หวู่หยวน แต่เขาก็ได้รับรู้ข้อมูลจำนวนมากซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการวางแผนครั้งต่อไปของเขา
หลังจากนั้น หลินเฉิง ยกปืนออกและตบไหล่ของชายวัยกลางคน เมื่อชายวัยกลางคนเงยหน้ามองเขาเห็น หลินเฉิง ส่งไส้กรอกแฮมให้เขา 2 แท่ง ชายวัยกลางคนรีบหยิบไส้กรอกแฮมและซ่อนไว้ทันที จากนั้น หลินเฉิง ก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบและพูดว่า
“ผมไม่ได้โกหกคุณเห็นไหม?ตราบใดที่คุณให้ความร่วมมืออย่างดี ผมรับประกันได้ว่าผมจะไม่เอาเปรียบคุณ คุณเคยทำอะไรมาก่อนหน้าดี ฟังจากคำพูดแล้วดูเหมือนคุณไม่ควรเป็นคนธรรมดา?”
ชายวัยกลางคนขอไฟแช็คและบุหรี่ของ หลินเฉิง จากนั้นเข้าสูบควันลึก หลับตาและกำลังนึกถึงอดีต หลังจากที่ดื่มดำกลับรสของบุหรี่เขาถอนหายใจพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่นว่า
“คุณอาจไม่เชื่อ ผมเคยเป็นรองประธานของกลุ่มเหลียนฮัว ครึ่งชีวิตของผมอยู่บนกองเงินกองทอง! หนุ่มน้อยนายเป็นคนดี ผมจะแนะนำอะไรบางอย่าง อย่าคิดจะทำการใหญ่คนเดียว!ทหารมีปืนกลครบมืออยู่บนกำแพง พวกเขาไม่ใช่สิ่งที่จะล้อเล่นด้วย หากคุณทำการเปลี่ยนแปลงอะไรเล็กน้อยพวกเขาไม่ลังเลที่จะยิง!นอกจากนี้ผู้ที่มายังค่ายปลอดภัยนี้ครึ่งหนึ่งต้องการที่พักพิงอีกครึ่งหนึ่งต้องการตามหาใครบางคน โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้มันเป็นโลกของผู้ที่มีความสามารถเท่านั้น…”
เมื่อได้ยินคำแนะนำของชายวัยกลางคน หลินเฉิง พยักหน้าและยื่นบุหรี่อีกครึ่งซองให้กับเขาจากนั้น หลินเฉิง โบกมือลาและจากไป
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของ หลินเฉิง ชายวัยกลางคนถือซองบุหรี่อีกครึ่งนึงไว้ในมือและถอนหายใจ จากนั้นเก็บซ่อนบุหรี่ที่เขาเพิ่งได้มาและไม่สนใจอะไรอีก
……
หลินเฉิง นึกถึงสิ่งที่ชายวัยกลางคนได้พูดไว้เขาเดินกลับมายังสนาม และระลึกถึงที่ชายวัยกลางคนพูดถึงการเปลี่ยนแปลงและการแบ่งแยก แม้ว่าเขาจะไม่สนใจว่าพวกเขาจะทำยังไงกับผู้รอดชีวิต สิ่งที่เขาสนใจนั่นคือหลังจากการเปลี่ยนแปลงนี้ มู่หวู่หยวน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
เมื่อมองไปรอบๆ หลินเฉิง พยายามหาคนอีกสองสามคนเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แต่ผู้รอดชีวิตคนอื่นเป็นราวกับศพเดินได้พวกเขาไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ หลินเฉิง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับ หลินเฉิง ที่จะรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลังตาข่ายเหล็กนี้
ทันใดนั้น หลินเฉิง ก็เห็นคนแต่งตัวดีจากระยะไกล เมื่อเห็นคนเหล่านั้นผู้รอดชีวิตคนอื่นที่ทำท่าจะเป็นจะตายกับฟื้นคืนราวกับถูกสูบฉีดด้วยเลือดไก่พวกเขาต่างเข้าไปห้อมล้อมคนเหล่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะชายอ้วนที่อยู่ด้านหน้ากลุ่มตะโกนขึ้นพร้อมกับทหารด้านหลังยกปืนขึ้น กลุ่มผู้รอดชีวิตคงกลืนกินกลุ่มคนเหล่านี้
เมื่อเห็นว่าผู้รอดชีวิตสงบลง หลินเฉิง เองก็เดินผ่านฝูงชนเพื่อเข้าไปใกล้บริเวณนั้นเช่นกัน หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินชายอ้วนตะโกนขึ้นว่า
“เงียบ! ใช้กฎเดิมเข้าแถว แล้วฟังพูดสัมภาษณ์ที่อยู่ด้านหลัง พูดในสิ่งที่เขาต้องการ และแนะนำตัวเองอย่าผลักกันและห้ามมีเสียงรบกวน ห้ามมีการต่อสู้เกิดขึ้นใครละเมิดกฎข้อใดข้อหนึ่งจะถูกขึ้นบัญชีดำและจะไม่ได้รับการว่าจ้างอีกต่อไป เข้าใจไหม?”
หลังจากพี่ชายอ้วนพูดขึ้น ผู้รอดชีวิตที่รายล้อมอยู่ก็ตะโกนขึ้นพร้อมกันว่า
“เข้าใจแล้ว!”
ชายอ้วนพยักหน้าอย่างเป็นพอใจจากนั้นหันไปหากลุ่มที่อยู่ด้านหลังของเขาและส่งสัญญาณว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว
——————————————–