ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 81
หลินเฉิง เห็นใบมีดใหญ่กั้นด้านหน้าเขาในตอนนี้ หลินเฉิง เงยหน้าขึ้นเขาพบว่ามันเป็นชายที่นั่งอยู่บนโต๊ะก่อนหน้านี้ มือขวาของเขากลายเป็นมีดแมเซเท
หลินเฉิง จ้องมองอย่างดูถูกเขาหยิบมีดของเขาออกมาจากแคปซูลและต้องการที่จะฟันศีรษะของชายผมยาวแต่ ชายที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า
“พอได้แล้ว! รู้แล้วว่านายแข็งแกร่ง!”
หลังจากที่เขาบอก หลินเฉิง เขาเคลื่อนตัวไปลากชายผมยาวออกมาเพื่อนนั่งบนเก้าอี้และจากนั้นเคลื่อนไหวไปทาง หลินเฉิง เพื่อบอกให้เขานั่ง แต่ในเวลานี้ความคิดของ หลินเฉิง ได้ถูกตัดสินแล้วใครก็ตามที่คุกคามเขาจะต้องได้รับผลตอบแทนเขาไม่สนใจคำประนีประนอมที่ชายคนนั้นพูด เขาเคลื่อนตัวไปอีกครั้งเพื่อพุ่งเข้าหาชายผมยาวจากนั้นพูดว่า
“ส่งเขามา!”
เมื่อมองว่า หลินเฉิง ต้องการสังหารคนต่อหน้า หลินเฟิง รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก เขาเองต้องการให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับชายหนุ่มแต่เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง
“เด็กน้อย ตอนนี้นายควรจะหยุด หากเรย์มอน ตาย นายเองก็จะไม่มีชีวิตอยู่เช่นกัน!”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ยังไม่ยอมลดละชายผู้เป็นหัวหน้าพูดขึ้นอย่างเฉยชา
หลินเฉิง ขี้เกียจเกินไปที่จะคุยเรื่องไร้สาระกับเขา หลินเฉิง เข้าไปคว้าคอของเรย์มอนด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายของเขาเปลี่ยนเป็นปืนพกออกมา และเตรียมพร้อมที่จะยิงศีรษะของเรย์มอนอีกครั้ง
“ ใจเย็นๆกันหน่อย!”
คนที่เป็นหัวหน้าตะโกนออกมาจนเหมือนเสียงคำรามของสัตว์ป่า แขนทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นมีดทันที เขากระโดดข้ามโต๊ะแล้วพุ่งไปหา หลินเฉิง
“ปัง!”
หลินเฉิง ปะทะกับคมมีดของชายคนนั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างกระเด็นออกไป พวกเขาต่างมองหน้ากันและกันและขมวดคิ้ว หลินเฉิง รู้สึกแปลกใจที่ชายคนนี้มีมีดที่แข็งแกร่งมันสามารถต่อสู้กับมีดของเขาได้
ในขณะเดียวกัน เฉินฮงหยวน ที่แสนจะภาคภูมิใจกับแขนใบมีดของตนก็ต้องตกตะลึงเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะปะทะกันอย่างรวดเร็วแต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ากับสามารถเปลี่ยนปืนเป็นมีดได้อย่างรวดเร็วในพริบตา มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!!
หลังจากขบคิดเล็กน้อย เขาคิดว่าควรจะให้บทเรียนกับ หลินเฉิง สักหน่อย เขายกมือที่เป็นมีดของเขาเตรียมพร้อมที่จะพุ่งโจมตี แต่ทันใดนั้นก็มีเสียง
“ปัง” และรู้สึกเจ็บปวดที่ไหล่ของเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อ เฉินฮงหยวน เงยหน้าขึ้นเขาพบว่า หลินเฉิง ถือปืนพกอยู่ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้ไร้ยางอายที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
“ไอ้เด็กเวร!”
เมื่อเห็นว่า เฉินฮงหยวน แสดงออกอย่าหงุดหงิด หลินเฉิง ยักไหล่และพูดว่า
“คุณเข้ามายุ่งเกี่ยวเอง นอกจากนี้ที่นี่ไม่ได้มีกฎว่าห้ามใช้ปืน หากคุณไม่ใช่หัวหน้าของ หลินเฟิง คุณคงตายไปแล้ว!”
สุดท้ายแล้ว หลินเฉิง ก็แสดงออกอย่างผู้ชนะจากนั้นหันกลับไปเดินหาชายผมยาว
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! เขาแค่ทำตามคำสั่งของฉัน หากนายต้องการชำระแค้นก็มาลงที่ฉันอย่าไปรังแกคนที่อ่อนแอกว่า!”
เฉินฮงหยวน ตื่นตระหนกเมื่อเขาเห็นว่า หลินเฉิง ยังคงเดินไปหา เรย์มอน
หลินเฉิง ยังคงทำตัวหูหนวกและไม่ฟังคำพูดของ เฉินฮงหยวน เขาดึงคอเสื้อของเรย์มอนขึ้นมา จากนั้นยิงปืนไปที่ไหล่ของเรย์มอน หลังจากที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด หลินเฉิง พูดขึ้นอย่างเหยียดหยามว่า
“โชคดีที่ชายชราเป็นคนดีและเขาเลือกที่จะยอมรับผิดด้วยตัวเขาเองดังนั้นนายจึงมีชีวิตอยู่ ออกไปจากที่นี่ซะก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ!”
หลังจากพูดจบ เรย์มอน พยายามที่จะตะเกียกตะกายลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าเขายังคงทำตัวงุ่มง่ามหลินเฉิงจึงเตะและยกปืนขึ้นอีกครั้ง!
เมื่อเรย์มอนเห็นว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า กำลังแสดงพฤติกรรมดุร้ายอีกครั้ง มันทำให้เขาเกือบจะร้องไห้จนสลบลงไป
“เอาละ…นายเป็นคนแข็งแกร่งจริงๆ!ตอนนี้เขาก็สลบลงไปแล้ว นายจะช่วยนั่งลงแล้วค่อยพูดคุยกันได้ไหม!”
หลินเฉิง พยักหน้าเบาๆ แต่ยังคงถือปืนเอาไว้จากนั้นนั่งลงบนโซฟาและพูดว่า
“ พูดกันตามตรง ตอนนี้พวกเรามาที่นี่เพื่อตามหาใครสักคน! ถึงแม้ว่าผมจะสัญญาว่าจะเข้าร่วมทีมของคุณแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นศัตรูด้วย ถ้าคุณไม่เริ่มความคิดที่จะคุกคามผมก็คงไม่ต้องทำแบบนี้!”
หลังจากนั้น หลินเฉิง ก็มองหัวหน้าทีมที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้นพร้อมกับกุมไหล่ของตัวเองเอาไว้ จากนั้นเขาหัวเราะแล้วโยนบุหรี่ให้กับเขาจากนั้นถามขึ้นว่า
“ไหล่ของคุณ? จะไม่ไปหาหมอเหรอ?”
หลังจากที่ได้บุหรี่มาจาก หลินเฉิง ชายคนนั้นลุกขึ้นและโบกมือ
“อาการบาดเจ็บแค่นี้ต้องไปหาหมออย่างนั้นหรอ เหอะ! ยังไงก็ตามฉันยังไม่รู้จักชื่อของนายเลย”
“หัวหน้า ผมบอกคุณก่อนหน้านี้แล้วว่าชื่อของเขาคือ หลินเฉิง!”
หลินเฟิง ที่ยืนอยู่ด้านข้าง หลังจากได้ยินคำถามของหัวหน้าเขารีบตอบอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นหัวหน้าก็หันหน้ามามอง หลินเฟิง อยากดูถูกเหยียดหยามแล้วพูดว่า
“ OK ฉันรู้แล้ว แต่ฉันไม่ได้ถามนาย ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!”
หลินเฟิง หน้าแดงเป็นตับหมูเนื่องจากถูกล้อเลียนจากหัวหน้าของเขา และออกไปจากห้องนี้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ หลินเฟิง ออกไปจากห้อง ชายผู้เป็นหัวหน้าก็พูดขึ้นว่า
“ฉันชื่อ เฉินฮงหยวน ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมสังหาร!แต่ ให้ตายสิ ลูกพี่อย่างฉันกลับน่าละอายจริงๆ ถึงแม้ว่านายจะไม่ใช้ปืนฉันก็ไม่สามารถเอาชนะนายได้ นายเป็นผู้ปลุกความสามารถด้านความเร็วอย่างนั้นหรอ?”
หลินเฉิง ส่ายหัว
“ หลินเฟิง เคยถามคำถามนี้กับผมมาก่อน แต่ผมไม่ได้ปลุกความสามารถขึ้นมา เพียงแต่ว่ามีทักษะด้านความเร็วเท่านั้น”
เฉินฮงหยวน พยักหน้าและพูดว่า
“จริงสิยังมีบางคนที่สามารถมีทักษะด้านความเร็วเพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอของตัวเอง แต่ฉันไม่คาดคิดว่านายที่เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งจะสามารถมีทักษะที่น่าทึ่งนี้….อย่างไรก็ตามนายบอกว่านายมาที่นี่เพื่อตามหาใครสักคน ลองพูดมาสิบางทีฉันอาจจะรู้จักก็ได้!”
หลังจากได้ยินคำถามของ เฉินฮงหยวน หลินเฉิง ขมวดคิ้วและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นเขาพูดขึ้นว่า
“ มู่หวู่หยวน!”
“ มู่หวู่หยวน!”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เฉินฮงหยวน ไม่ได้แสดงถึงความสับสนเหมือนคนก่อนแต่เขารู้สึกตกใจแทน
“นายมีความสัมพันธ์ยังไงกับ มู่หวู่หยวน และตามหาเขาทำไม”
เฉินฮงหยวน จ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าเขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับจ้องมอง
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของ เฉินฮงหยวน หลินเฉิง รู้สึกตื่นเต้นในหัวใจและถามขึ้นว่า
“คุณรู้จักผู้ชายคนนี้ใช่ไหม?”
“ นายยังไม่ได้ตอบว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวอะไรกับเขา!”
หลินเฉิง เพียงต้องการคำตอบแต่ไม่คิดว่า เฉินฮงหยวน ต้องการที่จะถามเขา
“เขาคือลุงของฉัน!กัปตันเฉินถ้าคุณรู้ที่อยู่ของเขาคุณช่วยบอกพวกเราหน่อยได้ไหมคะ?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลินเฉิง หันหน้าไปอย่างรวดเร็วและพบว่า มู่หยิงเสวี่ย ที่เขาเพิ่งไล่ออกไปกลับเข้ามาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันเธอมองไปที่ เฉินฮงหยวน อยากรู้สึกกังวล
“ลุงอย่างนั้นหรอ?เธอ….เธอคงไม่ใช่ มู่หยิงเสวี่ย ใช่ไหม?!”
เมื่อ เฉินฮงหยวน ได้ยินคำนี้ มู่หยิงเสวี่ย รู้สึกตกใจและพูดขึ้นว่า
“คุณรู้จักฉันได้ยังไง!”