ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 88
ตามแผนการที่ หลินเฉิง เขาสามารถเคลื่อนตัวขึ้นมาซ่อนอยู่บนชั้น 6 ได้อย่างง่ายๆ และรอทีมลาดตระเวนผ่านไปอีกครั้งเขาค่อยๆเคลื่อนตัวไปจนถึงชั้น 8 โดยไม่มีใครรู้ตัว
หลังจากที่ขึ้นมาถึงชั้น 8 เขาต้องการที่จะทำเช่นเดิม แต่ทันใดที่เขากำลังจะหมุนขึ้นไปบนชั้น 9 อยู่ดีๆประตูถัดไปก็เปิดออกทันที
เวรแล้ว! คงไม่ใช่นอนละเมอกลางดึกนะ!
เขามองเห็นชายสวมแว่นตาในชุดคลุมสีขาวเดินออกมาจากประตู ทันใดนั้นเขาก็เห็น หลินเฉิง และเพื่อป้องกันไม่ให้เขาตะโกน หลินเฉิง รีบปิดปากของชายคนนั้นทันที ชายคนนั้นทำได้เพียงเป็นเสียง อู้อี้ จากนั้น หลินเฉิง ผลักร่างของชายคนนั้นเข้าไปยังประตูเดิมและปิดประตูเบาๆ
หลังจากเข้ามาในห้อง หลินเฉิง เห็นนักวิจัยอีก 5-6 คนสวมใส่ชุดสีขาวเหมือนกันพวกเขากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะ และเมื่อเขาเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าเข้ามา นักวิจัยหญิงคนหนึ่งต้องการที่จะวิ่งไปเพื่อกดสัญญาณเตือนทันที แต่พวกเขาก็ได้ยินเสียง “คลิก” ปรากฏว่า หลินเฉิง นำปืนพกออกมาและชี้ไปยังพวกเขา
หลินเฉิง ชี้ปืนของเขาไปยังนักวิจัยเหล่านั้นในขณะที่มือขวาของเขาปีบรอบคอของชายสวมแว่น เขานั่งลงตอนหน้านักวิจัยทุกคนที่กำลังหวาดกลัว จากนั้นเขาโยนชายสวมแว่นลงกับพื้น แล้วพูดว่า
“พวกคุณ เพียงแค่ต้องเงียบและจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”
ด้วยคำพูดอย่างไม่เป็นทางการของ หลินเฉิง ทำให้เขามีเวลาที่จะสำรวจในห้องทดลองนี้ หลินเฉิง เห็นเครื่องมือที่ซับซ้อนวางอยู่บนโต๊ะทดลองที่อยู่ไม่ไกล มีเสียงบางอย่างเปล่งออกมาอย่างต่อเนื่อง บนเตียงผ่าตัดมีศพที่ถูกผ่าอยู่ครึ่งหนึ่ง
เมื่อเห็นศพนั้น หลินเฉิง ถามอย่างเย็นชาว่า
“ใครจะอธิบายให้ผมฟังได้บ้าง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับศพนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง นักวิจัยหลายคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะมองกระบอกปืนของ หลินเฉิง ด้วยใบหน้าซีดเซียว พวกเขาไม่มีใครกล้าที่จะพูดขึ้นมา เมื่อ หลินเฉิง เห็นการแสดงออกของคนเหล่านี้ หลินเฉิง จึงเชื่อว่าสิ่งที่ รั่วเหมิง พูดเป็นเรื่องจริง มีการทดลองกับมนุษย์ที่อาคารนี้!
หลินเฉิง หยิบมีดพับที่เขาซื้อมาก่อนหน้านี้ออกมาและพูดว่า
“ถ้าไม่มีคำตอบภายใน 5 วินาที ผมไม่รังเกียจที่จะชำแหละร่างกายของพวกคุณเช่นกัน!”
เมื่อได้ยินดังนั้นมีนักวิจัยที่ผมขาวคนหนึ่งลุกออกมา เมื่อเขาเคลื่อนไหวตัว หลินเฉิง ชี้ปืนไปที่ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
“อย่า! ไม่! ฟังผมก่อน ผม…ผมจะบอกสิ่งที่คุณอยากรู้!”
“ผมได้ถามคำถามไปแล้ว ดังนั้นผมไม่ต้องการที่จะถามซ้ำ!”
ไม่เห็นใครบางคนไม่สามารถที่จะปิดกั้นความกลัวได้อีกต่อไปพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อพวกเขาเห็น หลินเฉิง มีปืนอยู่ในมือ นักวิจัยที่เป็นชายชรารู้สึกลำคอแห้งผ่าน เขาพยายามที่จะบังคับปากที่สั่นของเขาพูดขึ้นมาว่า
“ผม..เอ่อ..”
ฉับ!
เมื่อเห็นว่าชายชรายังคงชักช้า หลินเฉิง ยกชายหนุ่มที่เขาบีบคอขึ้น จากนั้นมีดพับที่อยู่ในมือขวาของเขา ตัดไปที่นิ้วหัวแม่มือของชายหนุ่มทันที
แม้ชายหนุ่มสวมแว่นต้องการที่จะตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่เขาไม่สามารถตะโกนออกมาได้เนื่องจากลำคอของเขายังคงถูกบีบแน่น หลินเฉิง หันไปหานักวิจัยที่เป็นชายชราและถามขึ้นอย่างใจเย็นชาว่า
“ตอนนี้คุณจะพูดได้หรือยัง?”
“ได้!ได้! พวกเรากำลังทดลองกับมนุษย์จริงๆ!แต่เราไม่เต็มใจที่จะทำแบบนี้ พวกเราถูกบังคับ คุณช่วยปล่อยมือจากผู้ช่วยผมได้ไหม..”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่อยู่ในมือของ หลินเฉิง กำลังหายใจไม่ออก ชายชรารู้สึกตึงเครียดนั่นคือลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจของเขา
ชายหนุ่มที่อยู่ในมือของ หลินเฉิง กำลังแสดงอาการหายใจติดขัด หลินเฉิง จึงเหวี่ยงเขาลงกับพื้น ในขณะที่นักวิจัยคนอื่นๆตามกัดริมฝีปากแน่นกลัวที่จะส่งเสียงออกมา จากนั้น หลินเฉิง เอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้งว่า
“อะไรคือจุดประสงค์ในการทดลองเหล่านี้”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ไม่ได้ทำร้ายผู้คนอีกต่อไป ชายชราจึงตอบอย่างรวดเร็วว่า
“ …การศึกษาส่วนใหญ่คือการหาวิธีปลุกความสามารถขึ้นมา นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ที่จะ สกัด…”
เมื่อได้ยินคำตอบของชายชรา หลินเฉิง รู้สึกตกใจ เขารีบถามขึ้นมาว่า
“คุณ..คุณหมายความว่าคนที่อยู่บนโต๊ะผ่าตัดคือคนที่สามารถปลุกพลังขึ้นมาได้อย่างนั้นหรอ?”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่ตกใจของ หลินเฉิง ใบหน้าของนักวิจัยซีดขาวปากของเขาสั่นเทาแล้วตอบด้วยความกังวลว่า
“ไม่…เอ่อ..ใช่แล้ว พวกเราทำการทดลองกับคนที่ปลุกพลังขึ้นมาได้…”
เมื่อได้ยินคำตอบของนักวิจัย หลินเฉิง ขมวดคิ้ว เกิดพายุในใจของเขาและไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ คนที่สั่งให้นักวิจัยเหล่านี้ทำการทดลองนั้นโหดเหี้ยมจริงๆ การทดลองกับมนุษย์ยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่เขาไม่เพียงทดลองกับมนุษย์เท่านั้นเขายังกล้าทดลองกับผู้ที่สามารถปลุกพลังขึ้นมาได้
เป็นที่รู้กันว่าตอนนี้มีสัตว์ประหลาดอยู่ภายนอกมากมายและยังคงมีการวิวัฒนาการมากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่มนุษย์นั้นเติบโตช้าเกินไป ดังนั้นคนที่สามารถปลุกพลังขึ้นมาถือว่าเป็นกระดูกสันหลังของมนุษย์ชาติ!
หลินเฉิง ส่ายหัวและพยายามสงบสติอารมณ์ลง เขามองไปที่นักวิจัยและถามขึ้นว่า
“คนที่สั่งให้พวกคุณทำเรื่องแบบนี้คือใคร….อ่อผมพอจะเดาได้ละ.!”
เมื่อมาถึงจุดนี้ หลินเฉิง ต้องการที่จะฆ่าคนเหล่านี้ให้หมดและเตรียมตัวขึ้นไปชั้นบน แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรออกบางอย่างและถามขึ้นอีกครั้งว่า
“พวกคุณทำการทดลองมาหลายครั้งแล้วควรที่จะรวบรวมข้อมูลไว้มากมายใช่ไหม ผมคิดว่าพวกคุณคงไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันสิ่งเหล่านั้นให้กับผม”
เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง นักวิจัยที่นั่งอยู่บนพื้นส่ายศีรษะแล้วพูดว่า
“นี่…ผมไม่สามารถพูดอะไรได้!ในเมื่อตอนนี้พวกเราอยู่ในกำมือของคุณแล้วก็ขอให้คุณจัดการกับพวกเราอย่างรวดเร็วอย่าได้ทรมานพวกเราอีกต่อไปเลย!อันที่จริงแล้วทุกวันนี้พวกเรากำลังทรมานจากมโนธรรมของการเป็นมนุษย์และการทดลอง้เหล่านี้ทำให้พวกเรารู้สึกเจ็บปวด”
เมื่อได้ยินคำพูดของนักวิจัย หลินเฉิง เย้ยหยันและพูดขึ้นว่า
“อย่าทำเป็นรู้สึกถึงความผิดชอบชั่วดี หากคุณไม่ได้เจอผมในวันนี้คุณก็ยังคงทำการทดลองกับมนุษย์ต่อไป!อย่างไรก็ตามหากข้อมูลของคุณมีประโยชน์จริงๆผมจะพิจารณาทำให้คุณได้พักผ่อนอย่างสงบ แต่ถ้าไม่ ก็อย่าโทษว่าผมทำให้คุณทุกข์ทรมาน !”
สายตาของนักวิจัยเริ่มมีความหวัง หากแม้ว่าพวกเขาเลือกได้พวกเขาอยากตายโดยไม่ทรมาน เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบในใจ ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาอยู่ในมือของคนอื่นแล้ว หากชายคนนี้มีความสนใจในงานวิจัยของเขาบางที ชายคนนี้อาจจะไว้ชีวิตพวกเขาก็ได้